โดยล่าสุด (27 มกราคม 2565) เสนาหอย เล่าประสบการณ์เรื่องนี้ผ่านรายการ โต๊ะแชร์มหาชน ซึ่งมี นีโน่ เมทนี และ วิลลี่ แมคอินทอช เป็นพิธีกร เมื่อถามว่าเคยทำธุรกิจแล้วเจ๊งหรือไม่ เสนาหอย ก็ลุกขึ้นเล่าให้ฟังทันทีว่า ไม่รู้ว่าความเจ๊งคืออะไร แต่ทำมาตั้งนานไม่ได้เงินเลย แบบนี้ถือว่าเจ๊งหรือไม่
ยังพูดไม่ทันถึงไหน ดีเจนุ้ย ก็ถามแทรกขึ้นมาว่า เมื่อก่อนบริษัทพี่มีเพื่อนรักอีกคนไม่ใช่เหรอ ถ้าจะเล่าเรื่องแบบนี้ก็ควรมานั่งเล่าให้ครบกันทั้ง 3 คน แซวมาแบบนี้ เสนาหอย ถึงกับวิ่งเข้าใส่เลยทีเดียว อย่างไรก็ตาม เสนาหอย ยืนยันว่าพูดถึงได้ไม่มีปัญหา
จากนั้นเล่าต่อว่า เมื่อก่อนไม่มีใครไม่รู้จักบริษัท ลักษ์ 666 เมื่อก่อนเรามีกันอยู่ 3 คน (เปิ้ล นาคร-วิลลี่,เสนาหอย) ตอนนั้นทำรายการ สาระแนโชว์ ช่อง 3 เราสัญญากัน 3 คนว่า รายการนี้จะต้องขึ้น Top 5 ภายใน 3 เดือน แต่แค่เปิดตัวอาทิตย์แรกก็ติดอันดับเลย
หลังจากนั้นก็ไปทำหนังสือต่อ เป็นพวกนิตยสารดารา ทำภาพยนตร์ เปิดช่องวิทยุ ทำทุกอย่างมาหมดแล้ว เมื่อก่อนเรามีพนักงานทั้งหมด 260 คน เวลาจัดเลี้ยงปีใหม่ ลงทุนปิดทั้งเกาะ เดือนหนึ่งทำกำไรประมาณ 1.8 ล้านบาท แต่ไม่น่าเชื่อว่าไม่ถึง 3 เดือน กลับเป็นหนี้ 10 กว่าล้านบาท ชีวิตของผมพังภายในไม่ถึงปี เมื่อมีทีวีดิจิทัลเข้ามา
ตอนนั้นเราตัดสินใจปิดบริษัททันที เสนาหอย โทร. หาวิลลี่บอกว่าเราคงต้องปิดไปก่อน หลังจากปิดบริษัทได้ก็มาเช็กทรัพย์สินกัน ตอนนั้นวิลลี่เดินมาบอกว่ามีข่าวดี เราปิดบริษัทได้แล้ว แต่มีข่าวร้ายเยอะมาก เสนาหอย ก็บอกเพื่อนว่าพูดมาเลย รับได้ ! แล้ววิลลี่ก็บอกว่า “เราสองคนเป็นหนี้อยู่ 106 ล้านบาท” แทบเป็นลมเลย
จากนั้นคุยกับวิลลี่ว่าเราจะเอาอย่างไรดี หรือเราทำง่าย ๆ คือ ปล่อยล้มละลายไปเลย ตอนนั้น วิลลี่ บอกว่าแล้วคนที่เราเป็นลูกหนี้เขาล่ะ ? คนที่เขารอเงินจากเราจะทำอย่างไร สรุปเราเลยรับภาระหนี้กันคนละครึ่ง
ขอบคุณข้อมูลจาก TV Thunder