ทั้งนี้ เจ๊ติ๋มบอกว่า ตนวางมือจากการทำงานแล้ว ตนอายุ 65 ปี และส่งต่องานให้ลูก และตนเดินสายธรรมะ
ส่วนประเด็นสมปองนั้น สมปองเป็นคนที่เข้ามาหาตน ทีวีพูลเป็นองค์กรที่มีคนทำงานอยู่ทั่วประเทศ เขาเข้ามาในครอบครัวทีวีพูล และเราคิดว่าเขาเคยทำกุศลมา 30 ปี พูดธรรมะแล้วสนุก ตอนแรกที่เขาเข้ามา ก็มาอยู่ในบ้านของตน ตนมีบ้านหลังใหญ่ ก็ให้เขาเข้ามาอยู่อาศัย คิดแค่ว่าเราจะได้ทำงานร่วมกันเท่านั้น
เมื่อสมปองเข้ามา ก็มีคนโทร. เข้ามา เพราะคิดว่าเจ๊ติ๋มจะถูกหลอก ตอนแรกเจ๊ติ๋มคิดว่าไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา แต่กลายเป็นว่าเมื่อมาคิด ๆ ดูแล้ว เจ๊ติ๋มเสียเงินไปเกือบล้าน ให้สมปอง จากการรีโนเวทบ้านให้สมปองมาอยู่ ประมาณ 7 แสนบาท แต่ในเมื่อเขาเข้ามาในบ้านเราแล้ว ก็ช่วยเหลือเขา เขาบอกไม่มีเสื้อผ้า ตนก็โทร. หาคุณบุญเกียรติ โชควัฒนา ให้เลือกเสื้อผ้าเลย และปรากฏว่า สมปองก็กดแต่เสื้อผ้าแพง ๆ เช่น ลาคอสต์ กว่า 80,000 บาท, เสื้อยูนิโคล่ 30,000 บาท รวมราคาเสื้อผ้าแสนกว่าบาท ตนก็จ่ายให้
สิ่งที่ทำให้ตนเสียใจคือเรื่องใจ เพราะเขาเป็นคนทะเยอทะยาน อยากรวยเร็ว ตอนแรกสมปองมาพร้อมกับธุรกิจเยอะแยะมาก แต่เจ๊ติ๋มกลัวว่าจะมีปัญหา เพราะคุณเป็นพระ ไม่เคยจับธุรกิจกลัวจะเจ๊ง
ตอนที่สมปองก็บอกว่าเขามีหนี้มา เพราะอยากเอาเงินไปทำสวนยางพาราให้ครอบครัว สมปองสารภาพว่า เขามีหนี้กว่า 10 ล้านบาท และเขาก็อยากจะกตัญญูต่อครอบครัว จึงไปซื้อที่ดิน สปก. จนได้ที่ดินเกือบ 300 ไร่ และเอาไว้ปลูกยางพารา แต่สุดท้ายกลับทำไม่ได้ ก็พยายามขายที่ดินออก แต่ก็ขายไม่ได้ ซึ่งเงินส่วนที่ไปกู้ซื้อที่ดินมาก่อนหน้านี้เป็นเงินกู้นอกระบบ มีดอกเบี้ยเดือนละ 300,000 บาท
และสมปองก็บอกว่า เขาเป็นลูกศิษย์หลวงพ่ออลงกต วัดพระบาทน้ำพุ หลวงพ่อรู้เรื่องหนี้สินของสมปอง ก็ให้ลูกศิษย์คนสนิทหลวงพ่อปิดหนี้นอกระบบให้สมปอง แล้วให้สมปองจ่ายหนี้ให้ลูกศิษย์แทน ปรากฏว่า เขาก็มีส่งบ้างไม่มีส่งบ้าง ซึ่งพอพระสมปองสึกออกมาแล้ว ก็เหลือหนี้ 10 ล้าน 9 แสน
เขาอยากรวยมาก และตนก็ได้เตือนเขาเรื่องเงินสีเทา แชร์ลูกโซ่ สร้างแบรนด์ เวลาเลือกคบคนก็เลือกคบคนที่มีต้นทุนชีวิตเหมือนกัน แต่เขาไม่ฟัง เพราะเขามองแต่ว่าเรื่องเงินเป็นใหญ่ เขาหน้ามืดมาก ตอนแรกตนบอกว่าจะใช้หนี้ 10.9 ล้านให้ มีการเรียกประชุมเออี ให้ช่วยหาเงินจำนวนนี้ให้ได้ 1 ปี อยากช่วยกันทำรายการ 3 อันคือ มหาพาสนุก, โทรติด ทิดตอบ, ถึงไหนถึงกัน ซึ่งค่าตัวของสมปองคือ ตนขอ 2 คิวต่อเดือนให้ 1 แสนบาท ต่อมาก็เลยขอ 3 คิว, รายการโทรติด ทิดตอบ อาทิตย์ละ 1 วัน, ถึงไหนถึงกัน ไลฟ์ขายของจันทร์ อังคาร พุธ ทั้งเดือนได้เงิน 2.5 แสนบาท เราเซ็นสัญญาแบบนี้ 2 ปี แต่สิ่งที่สมปองทำคือ เอาเรื่องนี้ไปเทียบกับรายได้จากการเวลารีวิวของ คือ ครึ่งชั่วโมง 1.5 แสน 1 ชม. 3 แสน ซึ่งมันมาเทียบกันไมได้
เจ๊ติ๋มมองว่า เมื่อเซ็นสัญญา 2 ปี ได้เดือนละ 2.5 แสนบาท ทำงาน 2 ปีหนี้สิบล้านหมดแน่นอน และตนยังช่วยจ่ายหนี้ให้ก่อนหน้านี้ 1 ล้านบาท และโทร. ไปหาเพื่อนนักธุรกิจรค่ายรถที่ดังที่สุดในไทย เพื่อให้สมปองได้ถ่ายโฆษณา แต่เพื่อนก็ปฏิเสธมาบอกว่าสมปองพุงย้อยมาก ทางญี่ปุ่นไม่มีทางโอเค ตนเลยโทร. หาเมโกะศัลยกรรม บอกว่า จะให้สมปองไปดูดไขมัน ซึ่งดูดฟรีแถมได้เงินโปรโมตคลินิกอีก 1 แสน แต่เขาไม่โอเค และไปไลฟ์ศัลยกรรมกับเจ้าอื่น
สุดท้าย เจ๊ติ๋มยอมรับว่า จุดแตกหักนั้นคือเรื่องเงิน เพราะเจ๊ติ๋มมองเขาเหมือนลูกคนหนึ่ง เขาอยากได้อะไรก็ให้เขาหมด บางทีเขาก็ไม่อยากฟังเหมือนเด็กทั่วไป เวลาว่ายน้ำตอนเช้าที่บ้านเรา เขาจะเปิดเพลงลูกทุ่งเสียงดังมาก เพราะไม่อยากฟังสิ่งที่ตนพูด และตอนที่เขาไปเขาก็ไม่มาลาด้วย เอาคนมาขนของไปหมดจนเหลือแค่รูปเจ๊ติ๋มในห้องคนเดียว
