กำลังเป็นดราม่าเดือดปุด ๆ สะเทือนวงการความงามเลย กับกรณีที่ จีบัน (Jeban ) เว็บไซต์ด้านความงามชื่อดัง ประกาศแบนสกินแคร์ยี่ห้อ Mesoestetic หลังพบว่าทางแบรนด์ได้มอบวอยเชอร์ให้ลูกค้าที่มารีวิวในกลุ่มสกินแคร์ชื่อดังซึ่งเป็นชุมชนที่ทางจีบันทำขึ้นมา จนทำให้ทาง Mesoestetic ไม่พอใจ ซึ่งวันนี้ กระปุกดอทคอม จะมาสรุปเรื่องนี้ให้ฟังกัน
คนซื้อเอง จ่ายเงินเอง รีวิวเอง แบรนด์ส่งวอยเชอร์ตอบแทน กลับโดนจีบันแบนซะอย่างนั้น
ทั้งนี้ แบรนด์ Mesoestetic เป็นแบรนด์สกินแคร์ที่เคลมว่ามีต้นกำเนิดมาจากเมืองบาร์เซโลน่า ประเทศสเปน เน้นผลิตภันฑ์ทางด้านสกินแคร์ และโดดเด่นที่สุดคือผลิตภัณฑ์ลดเลือนริ้วรอย ซึ่งต่อมามีคนหนึ่งได้ซื้อสินค้ามาใช้ และนำมารีวิวในเฟซบุ๊กกรุ๊ปของกลุ่มที่สร้างโดยเว็บ จีบัน ซึ่งในกลุ่มนั้นมีสมาชิกกว่า 3.2 แสนคน
อย่างไรก็ตาม เมื่อทางแบรนด์ Mesoestetic เห็นว่ามีลูกค้าที่ใช้ได้ผลดีและช่วยรีวิวให้ จึงได้มอบวอยเชอร์จำนวน 4,000 บาทให้ลูกค้าคนนั้นเป็นการตอบแทน แต่ทางจีบันมองว่าแบบนี้เหมือนเป็นการจ้างคนมารีวิว ขัดกับวัตถุประสงค์ของกลุ่มที่ต้องการให้พื้นที่ในกลุ่มนั้น เป็นพื้นที่ของผู้ซื้อจริง ใช้งานจริง และเป็น Organic จริง ๆ ไม่ใช่การโฆษณา จึงทำเรื่องส่งไปทาง Mesoestetic พร้อมบอกว่า หากอยากทำงานด้วยกันจริง ๆ ขอให้มาเป็นพาร์ตเนอร์กัน และจ่ายค่าโฆษณาอย่างต่ำที่ 500,000 บาท แล้วทางจีบันจะปลดการแบน Mesoestetic
Mesoestetic เดือดไฟลุก แคปอีเมลมาประจานกลางไอจี - ยัน ไม่มีคุณ เราก็อยู่ได้
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ได้ลุกเป็นไฟและเดือดสุด ๆ เมื่อทางแบรนด์ Mesoestetic แคปอีเมลที่คุยกับทางจีบันมาลงในอินสตาแกรมสตอรี่ ซึ่งในอีเมลนั้นสรุปได้คร่าว ๆ คือ หากอยากมารีวิวร่วมกันกับทางจีบัน จะทำเป็นแคมเปญแบบ Always on ทั้งปี เพื่อเลี้ยงกระแส และไม่ให้เกิดความสงสัยกับคนที่อยู่ในกลุ่ม ในกลุ่มนั้นสมาชิกสนิทกันมาก ดูแลสมาชิกดี คุยกันหลังบ้านตลอด ทุกคนสนิทใจกัน ความรู้สึกของสมาชิกในกลุ่มเป็นเรื่องสำคัญมาก โดยที่แพ็กเกจ (โฆษณา) ขั้นต่ำอยู่ที่ 500,000 บาท หรือถ้าหากมีงบเท่าไร สามารถพูดคุยกันได้
ทางแบรนด์ Mesoestetic ก็ตอบด้วยข้อความเดือด ๆ กลับไปว่า ลูกค้าคนนั้นที่ไปรีวิวในกลุ่ม ได้ซื้อสินค้าไปใช้จริง จ่ายเงินเอง เห็นผลจริง ทางแบรนด์เลยมอบวอยเชอร์ให้ 4,000 บาท เพื่อให้ลูกค้ามาซื้อสินค้าใช้กับแบรนด์ต่อ "มันผิดเหรอ"
"แล้วที่รีวิวกันตูม ๆ ก็คือจากสปอนเซอร์ทั้งนั้น แล้วมีการจ่าย 500,000 บาทต่อปี ถึงจะรีวิวในเพจได้ อ้อเหรอ..เพิ่งรู้ จะได้รู้กันนะ แบรนด์ก็พร้อมจะดูแลอยู่แล้ว ปกติก็คุยกันได้นะครับ แต่การทำแบบนี้ อย่าคิดว่าทางแบรนด์จะพึ่งเพจคุณ ไม่จำเป็น เพราะแบรนด์เราดีอยู่แล้ว และเห็นผลจริง ส่วยการตลาดก็คือการตลาด ถ้าแบรนด์ไหนทำการตลาดไม่เก่งก็เลิกไปนะ" และแท็กไปหาเพจจีบัน
จีบันยอมรับ เป็นความผิดของทีมงาน ยันแบนแล้วแบนเลย พร้อมอธิบาย เรียก 500,000 แปลว่าอะไร
ด้านทีมงานของจีบันได้ออกมาตอบโต้อีเมลแบบทันควัน และแจงความเข้าใจผิดที่เกิดขึ้นว่า ทางจีบันไม่ได้ต้องการเรียกเงิน 500,000 เพื่อทำการปลดล็อกแบน หากแบนแล้วก็คือแบนตามกำหนด ไม่มีย้อนกลับคำ แต่หลังจากที่พ้นกำหนดแบนแล้ว อยากให้ทางแบรนด์ Mesoestetic มาทำงานร่วมกันแบบตรงไปตรงมา
ทางจีบันยอมรับว่า อีเมลที่เห็นนั้นเป็นอีเมลจริง ทางจีบันและ Mesoestetic ได้มีการพูดคุยกันจริง ๆ ก่อนที่จะมีการแบนเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องนี้เกิดจากการที่ทีมขายได้ส่งอีเมลไปคุยเรื่องราคาเอง โดยไม่ได้ปรึกษากับทีมที่จัดการกลุ่มเฟซบุ๊ก (community management) และทางทีมจัดการกลุ่มเฟซบุ๊กก็ไม่ทราบมาก่อน และถ้าทราบมาก่อน "เราจะเฆี่ยนน้องให้หลังลายค่ะ"
ทางแอดมินบอกว่า จากการที่ได้คุยกับทีมขาย ทำให้ทราบเจตนาว่า การที่คุณทำแบบนี้มันไม่น่ารัก อยากทำอะไรให้เข้าตามตรอก ออกตามประตูดีกว่า มาวางแผนสื่อสารกัน ทางทีมขายได้โทร. คุยกับ Mesoestetic และชวนกันมาเป็นพาร์ตเนอร์หลังจากที่ปลดล็อกการแบนแล้ว แต่ตอนที่ส่งอีเมลไปดันส่งถูก ๆ ผิด ๆ และทำให้คิดว่า ทางจีบันเรียกเงินจาก Mesoestetic ทั้งหมด 500,000 บาทเพื่อปลดล็อกการแบนในกลุ่ม ทั้งที่ไม่ใช่ แบบนั้นจะทำให้การแบนไม่ศักดิ์สิทธิ์ จึงมีการตักเตือนน้องทีมขายไป และยังยืนยันที่จะแบน Mesoestetic ต่อไป ไม่มีการให้เงินเพื่อปลดล็อกใด ๆ
จากนั้น ทางแอดมินจีบันบอกว่า จะมีการไลฟ์เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ แต่จากนั้นก็ได้เลื่อนไลฟ์มาแถลงในวันที่ 26 มีนาคมช่วงเที่ยง ซึ่งทีมงานยืนยันว่าจะมีการเล่าให้ฟังโดยละเอียดว่าเราทำงานกับแบรนด์และสมาชิกในกลุ่มอย่างไร หากมีข้อสงสัยใด ๆ สามารถทิ้งไว้ได้และจะมาตอบทุกคอมเมนต์
คอมเมนต์เดือด ๆ นึกว่าในกลุ่มคือคนใช้จริง รีวิวเอง - อีกด้านมอง จะปั้นกลุ่มขึ้นมาไม่ง่าย ทุกพื้นที่มีมูลค่าเสมอ
ต่อมา ได้มีคอมเมนต์เดือด ๆ มาจากทางสมาชิกของทางกลุ่ม โดยทุกคนเข้าใจผิดว่า กลุ่มนี้คือกลุ่มที่เป็นผู้ใช้งานจริง ๆ มารีวิวให้กันฟัง แต่กลายเป็นว่าใครจะรีวิวได้ ต้องให้แบรนด์ดังกล่าวเป็นพาร์ตเนอร์กับทางจีบันก่อนถึงจะรีวิวได้ แบบนี้ก็ดูจะไม่ยุติธรรมกับสมาชิกที่อยู่เท่าไร นอกจากนี้ คำแถลงบางส่วนยังมีการพูดถึงว่าทีมขายทำอะไรไม่คุยกันก่อน ทั้งที่เรื่องนี้ต้องออกมาขอโทษในฐานะองค์กร ไม่ใช่การมาโทษทีมขาย
จากนั้น ทางจีบันได้เข้ามาชี้แจงเพิ่มเติมว่า การที่แบรนด์จะมารีวิวได้ มันคือ advertorial หรือไม่ ซึ่งจริง ๆ แล้วจีบันมีสิ่งที่เรียกว่า เซอร์ไพรส์บ็อกซ์ หมายความว่า ทางจีบันจะเลือกสมาชิกมาจำนวนหนึ่ง และให้ทางแบรนด์ ส่งสินค้าไปให้สมาชิกคนนั้น ๆ ใช้ และเมื่อใช้แล้ว สมาชิกคนนั้นจะมารีวิวและต้องย้ำด้วยว่าทางจีบันส่งให้ โดยที่โพสต์ของสมาชิกจะไม่มีการตรวจ ไม่มีการแก้ไข ทุกอย่างเป็นไปตามจริง ดีก็บอกว่าดี ไม่ดีก็บอกว่าไม่ดี ไม่มีตรงไหนมาเนียนโพสต์
ในขณะที่อีกกลุ่มมองว่า การที่จีบันส่งของให้สมาชิกรีวิว แม้จะไม่มีการตรวจแก้ไขโพสต์ แต่ก็รู้กันดีว่าเมื่อได้ของฟรีมาใช้ ก็ต้องรีวิวให้เขาดี ๆ แล้วแบบนี้เราจะเรียกว่ารีวิวนั้นเป็นรีวิวจากประสบการณ์จริงได้หรือ ?
ในขณะที่อีกฝั่งก็มองว่า การที่จะหากลุ่มประเภทที่รีวิวจากคนใช้งานจริง ๆ คือหายากมาก จีบันเป็นชุมชนของคนรักความสวยความงามที่ใหญ่มาก การจะปั้นแบรนด์จีบันขึ้นมา ชวนคนมาเข้ากลุ่ม สร้างสมาชิกแบบนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ทุกพื้นที่มีมูลค่าของมันเสมอ ดังนั้น หากอยากรีวิวจะต้องเข้าตามตรอก ออกตามประตู ชวนกันมาเป็นพาร์ตเนอร์ก็ถูกแล้ว