
ภาพจาก เฟซบุ๊ก มิรา ชลวิรัลวานิศร์
ดูเหมือนว่าเรื่องราวระหว่าง เอ๋ มิรา และอดีตสามี ครูไพบูลย์ จะไม่จบสิ้น เมื่อครั้งหนึ่ง เอ๋ได้ไปออกรายการโหนกระแส มีการปะทะฝีปากกับครูไพบูลย์หลายยก นำไปสู่การฟ้องร้องกันในคดีหมิ่นประมาท ครูไพบูลย์เรียกค่าเสียหาย 1 ล้านบาท

ภาพจาก โหนกระแส
ทั้งนี้ เอ๋ มิรา บอกว่า ตนถูกครูไพบูลย์ และกระต่าย พรรณนิภา ฟ้องร้องเรื่องที่ตนไปออกในโหนกระแส เมื่อวานนี้ตนไปศาล และตนมีทนายชื่อเก่ง แต่ทนายเก่งไปด้วยไม่ได้จึงให้ทนายน้อง น้องสาวของทนายเก่งไปแทน เอ๋ยอมรับว่ามีความกังวลใจ อยากรู้ว่าศาลจะถามอะไรตนบ้าง แต่ทนายเก่งบอกว่าไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวจะเตรียมเงินประกันไว้ให้ และถามว่าเอ๋มีทรัพย์สินอะไรที่พอใช้ประกันตัวได้ไหม เอ๋บอกว่าไม่มี เอ๋ยอมรับว่าสงสัยเรื่องนี้แต่ไม่ได้ถามอะไร
จากนั้น เมื่อไปถึงศาลและอยู่ในห้องพิจารณาคดี ทนายน้องได้ให้เอกสารบางอย่างกับตน ซึ่งพบว่าเอกสารนั้นคือเอกสารขอประกันตัวชั่วคราวเพื่อไปสู้คดี เอ๋ก็เลยงงว่าจะต้องประกันตัวอะไร ไม่รู้ว่าคดีความที่ตนสู้นั้น มันถึงขั้นติดคุกเลยหรือ เมื่อไปอยู่ในศาล ก็พบว่าฝั่งครูไพบูลย์และกระต่าย พรรณนิภา ไม่ได้มาเอง แต่ส่งทนายมาเท่านั้น
จากนั้น เอ๋ได้ยินตำรวจเดินเข้ามา และเอากุญแจมือมาด้วย ตอนแรกเอ๋ไม่คิดว่าตำรวจจะมาจับตน เพราะศาลมีคดีที่ต้องพิจารณาถึง 3 คดี

ภาพจาก เฟซบุ๊ก มิรา ชลวิรัลวานิศร์
จากนั้น เมื่อถึงคิวไต่สวนคดีของเอ๋ ศาลถามว่าวันที่นัดสืบพยาน จะมีใครมาเป็นพยานบ้าง เอ๋ก็บอกว่าจะมีคุณหนุ่ม กรรชัย และทนายเกิดผล จากนั้น ทนายน้องก็ออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก และศาลก็ออกมาชี้ตัวให้ตำรวจพาตัวเอ๋ มิรา ออกไป และเดินลงไปใต้ถุนศาลซึ่งเป็นห้องขัง แต่ไม่ต้องขัง แค่นั่งข้างหน้าเฉย ๆ
วินาทีที่เดินลงไป เอ๋ยอมรับว่ากลัวมาก ยิ่งเข้าไปลึก เอ๋ก็ยิ่งกลัว "หนูก็คิดว่า ทนายเก่งอยู่ไหน ทนายเก่งจะรู้ไหมว่าหนูนั่งอยู่นี่ ตอนนั้นหนูกลัวมาก (ร้องไห้) ตอนนั้นหนูก็คิดว่าทำไมหนูต้องมานั่งตรงนี้ คนที่อยู่ในห้องขังไม่รู้โดนคดีอะไรมาบ้าง ข้างหน้าก็มีแต่ตำรวจผู้ชาย"
นั่นทำให้เอ๋ย้อนกลับไปถึงเรื่องที่ทนายเก่งถามกับเอ๋เรื่องที่ดินว่ามีไหม แต่เอ๋ตอบว่าไม่มี และเอ๋ก็ขอบคุณมาก ๆ ที่ทนายเก่งหาทรัพย์สินมาช่วยประกันตัวตนไปได้

ภาพจาก เฟซบุ๊ก มิรา ชลวิรัลวานิศร์
ด้านตำรวจก็มาถามเอ๋ว่าไปทำผิดอะไรมา เอ๋ก็บอกว่าตนไม่รู้จะอธิบายยังไง จึงตอบตรง ๆ ไปว่า "หนูถูกผัวเก่าหนูฟ้องค่ะ" ตอนนั้นหน้าลูกก็ลอยมา ลูกจะรู้ไหมว่าตอนนี้แม่นั่งอยู่หน้าห้องขัง แล้วมาคิดว่าคนที่เราเคยรัก ทำให้เรามานั่งตรงนั้นได้ ตอนนั้นตนกลัวมาก เป็นผู้หญิงคนเดียวมีแต่ผู้ชายอยู่ตรงนั้น
เมื่อออกมาจากใต้ถุน ทนายน้องก็โทร. หา และนึกว่าเอ๋ไปเข้าห้องน้ำ ทำไมไม่รับสาย แต่เอ๋ไม่รู้จะบอกทนายน้องอย่างไร เลยไม่ได้พูดอะไร ทนายเก่งก็มาคุย แต่ตนก็ไม่ได้คุยอะไรมาก ได้แต่คิดว่า ถ้าไม่มีทนายเก่ง ตนคงไปนั่งในห้องขังแล้ว ตนไม่ได้พูดเรื่องนี้ให้ใครฟังเลย ได้แต่นั่งร้องไห้คนเดียว
"คนที่เป็นพ่อของลูก ทำให้หนูไปนั่งตรงนั้น หนูไม่คิดไม่ฝันเลย"

ภาพจาก Instagram kratai_phannipha
ตนรู้สึกว่าท้อแท้ ไม่อยากสู้ต่อแล้ว ตนไม่คิดว่ามันจะเป็นคดีร้ายแรง ต้องเอาตำรวจมา ต้องพาไปห้องขัง ตนท้อแท้ ตนเหนื่อย มันไม่ใช่ว่าตนเสียใจกับชีวิต แต่มันคือความรู้สึกที่ไม่รู้ว่ากำลังสู้กับอะไร อาจารย์ประจักษ์ชัย ทนายเก่งก็ยื่นมือเข้ามาช่วย ยิ่งทำให้ตนรู้สึกว่าเราจะท้อไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปต่อยังไง
อย่างไรก็ตาม เอ๋ยืนยันว่า ยังไม่ได้แพ้ในคดีนี้ และเสียใจที่มีหลายเพจเอาไปทำข่าวโดยไม่เข้าใจ ตนเชื่อว่าอย่างไรแล้ว ความยุติธรรมยังมีจริงแน่นอน

ภาพจาก เฟซบุ๊ก มิรา ชลวิรัลวานิศร์
ภาพจาก Instagram kratai_phannipha, โหนกระแส, เฟซบุ๊ก มิรา ชลวิรัลวานิศร์