ตัวเองคลั่งรักภรรยาไหม ?
ตั๊ก : เราไม่ได้คลั่งครับ แต่เรารักเป็นประจำ คบกันตั้งแต่ก่อนแต่งงานทั้งหมด 20 ปี ก่อนแต่ง 10 ปี หลังแต่ง 10 ปี
เจอกันยังไง ?
ตั๊ก : ด้วยเหตุบังเอิญ ผมไปกินข้าว ตอนนั้นเล่นละครเวที ซ้อมเสร็จก็ไปกินข้าว ดึกแล้วเที่ยงคืน ตอนนั้นเจอไม่รู้ว่าเขาเป็นดารา เราไม่ได้อยู่ในโลกสื่อมากนัก เขาดัง ผมประเภทอยู่กับความมืดซ้อมละครเวทีเลิกดึกตื่นเช้าก็ไปซ้อมอีกชีวิตก็อยู่กับมัน
ไม่รู้ว่าเป็นดารา ตอนเจอผู้หญิงคนนี้สวยไหม ?
ตั๊ก : ไม่รู้ใช้คำว่าอะไร ตอนเจอก็.. มันเหมือนสตั๊นเข้าไปข้างใน ตอนนั้นมีพี่ปุ้ยเจ้าของร้าน ผมรู้จักกับพี่ปุ้ย ยังไม่ถึงขนาดชอบ แต่เขาดูมีเสน่ห์
ใครจีบใครก่อน ?
ตั๊ก : ไม่รู้สิมันเกิดจากการพูดคุยกันก่อน จากการมานั่งคุยทุกวัน กินข้าวด้วยกันทุกวัน รู้สึกว่าทำไมมันคุยกันได้ทุกเรื่อง
จีบผู้หญิงสไตล์คุณตั๊กเป็นยังไง ?
ตั๊ก : ผมจีบไม่เป็น ผมไม่เข้าใจคำว่าจีบมันเป็นยังไง คุยกันแล้วมันก็ค่อย ๆ ว่าเรารู้สึกอะไรต่อกันไหม เขาบอกว่าก็รู้สึกเรานั่งคุยแล้วรู้สึกว่าเป็นการคุยที่อบอุ่น เรื่องนี้สนุก เรื่องนี้หัวเราะ บางทีมีปัญหาก็มาปรึกษากันช่วยแก้ปัญหาแบบง่าย ๆ เราเล่นละครเวทีเขาเล่นพีเรียด ก็มาเล่าให้กันฟังว่าของใครเป็นยังไง
ชอบตรงไหนมากที่สุดถึงได้มาเป็นแฟนกัน ?
ตั๊ก : อันดับแรกประทับใจคือรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ เราไม่คิดว่าจะเลือกใครก็ได้ เราทำงานที่เราชอบโลกแคบของเราก็แฮปปี้แล้ว โลกคุณป๊อกเขาเป็นดาราเป็นคนที่รู้จัก เราอยู่ง่าย ๆ สนุกสนานในโลกของเราเองก็ไม่ได้คิดอะไรแค่นั้นแหละ ไม่คิดว่าทุกวันนี้จะเป็นแบบนี้
เมื่อก่อนการคบกันยังไม่เปิดตัว เราใช้ชีวิตยังไงบ้าง ?
ตั๊ก : ไม่ได้ปิดบังอะไร ไม่ถึงขนาดแอบเพราะเราเจอกันตอนค่ำ ต่างคนต่างไปทำงานกลับมากินข้าวกัน เมื่อก่อนยังไม่มีสื่อมือถือถ่ายรูป ไม่มีโซเชียล
ตัดสินใจเปิดตัวอย่างเป็นทางการนานไหม ?
ตั๊ก : ผมค่อย ๆ ไป อยู่ที่ตัวผู้หญิงถ้าเขาพร้อมไม่พร้อมอยู่ที่คุณเลย ผมไม่เคยเร่งรัดหรืออะไรทั้งสิ้น อยู่ที่เขาพอใจ เขาเปิดตัวเองครับ
เปิดแล้วเจอปัญหาเลยตอนนั้นพี่ป๊อกดังมากเป็นนางเอก จนมีข่าวว่าเกาะพี่ป๊อกดัง ?
ตั๊ก : ไม่โกรธเข้าใจ เราก็กลับมามองตัวเอง กลางวันมีไปด้วยกันบ้าง เขาไม่รู้จักเรา มีคนขอถ่ายรูปกับป๊อกเยอะมากเขาก็ขอความช่วยเหลือเราก็เข้าไปช่วย บางทีก็โดนด่าด้วย ผมก็ขอโทษให้น้องเขาไปพักก่อน เหมือนเป็นผู้จัดการส่วนตัวไปเลย มีโดนไล่ด้วย
เอาคำดูถูกมาพัฒนาตัวเอง ?
ตั๊ก : เคยได้ยินว่าคบกับป๊อกแล้วได้ขึ้นลิฟต์แล้วนะไม่ต้องขึ้นบันได ก็แรงอยู่ เราไม่ได้โกรธเขา เรามานั่งดูตัวเองดีกว่าใช้สติปัญญาความสามารถตัวเองพิสูจน์ เราพัฒนาด้านการแสดงเป็นหลัก ต้องพยายามหลายอย่าง ค้นหาวิธีว่าเล่นละครเวทีกับละครทีวี ปรับยังไง ดูจากคนอื่น เก็บประสบการณ์ เรียนเพิ่มเติม เราอยากพัฒนาเพื่อให้เขา เราเติบโตมีศักดิ์ศรีเพื่อเขาได้
คำขยะไม่เคยบอกพี่ป๊อกเลย ?
ตั๊ก : ถ้าบอกเขากังวล อีกอย่างการคบกันของคนถ้าไปทำให้อีกคนกังวล ผมว่ามันเป็นเรื่องของผู้ชาย ถูกสอนว่าต้องหนักแน่น เราจะเป็นเสาให้เขาได้ต้องแน่นพอ ผมให้คุณพิงผมได้ เขาก็ไม่เคยถามอาจจะเพิ่งรู้ตอนนี้
เข้าสมาคมคนกลัวเมีย ?
ตั๊ก : เราไม่ได้กลัวเมีย เราให้เกียรติเมีย เรารักและเราก็ให้เกียรติด้วยความเคารพในสิทธิของเมีย ผมผ่านอะไรมาด้วยกันกว่าจะแต่งงานเรื่องแค่นี้ทำไมให้กันไม่ได้
เคยทะเลาะกันไหม ?
ตั๊ก : มีสิครับคนเราอยู่ด้วยกันเหมือนลิ้นกับฟัน ก็ไม่ทะเลาะ อย่างเรื่องไหนที่เราต้องทำจริง ๆ ก็ขอนะ เราไม่ทะเลาะเราทำง่าย ๆ ก็ทำเลย
เรื่องมอเตอร์ไซค์ ?
ตั๊ก : บนท้องถนนรถมันติดมาก เราขี่มอเตอร์ไซค์ไม่เป็นแต่ไปดูแล้วซื้อ เพราะมันเดินทางง่าย เพราะเราเห็นว่าใช้ประโยชน์ได้แน่ เขาไม่ให้ เขาดูก่อนละกันจะขี่ไปไหน เขาอยากให้คันเล็ก เราก็ไปดูคันใหญ่
จะซื้อคันที่ 2 ภรรยาไม่ให้ ?
ตั๊ก : อุบัติเหตุครับ รถชนนิ้วก้อยเท้าหัก ทุกวันนี้เมียไม่ว่าแต่พยายามอย่าใช้ ผมทำเบาะนั่งหลังให้เขานั่งครั้งเดียวแล้วไม่นั่งอีกเลย แล้วบอกว่าห้ามใครซ้อนนะ ถ้าใครซ้อนไม่ขายนะทุบทิ้ง
ความสวีต ?
ตั๊ก : ผมเป็นคนเฉย ๆ คำว่าสวีตคืออะไร ภรรยาเราก็ต้องดูแล เซอร์ไพรส์ภรรยาไม่ชอบ เพราะถ้าเซอร์ไพรส์มาไม่ชอบทำไง ก็จะบอกตรง ๆ เลย
เงินอยู่ที่ใคร ?
ตั๊ก : เขาสิครับ เราจัดตั้งบริษัทเป็นระบบแต่ให้เขาหมดเลย
มีคุกเข่าขอแต่งงาน ?
ตั๊ก : จริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจขนาดนั้น วันที่เขานั่งแต่งหน้าที่ห้องก็ทำแบบนั้นแหละครับ อยู่กัน 2 คน
มีเวลาว่างชวนเที่ยวตลอด ?
ตั๊ก : ไม่ขนาดชวนเที่ยว อยากพาเขาไปเที่ยว แต่งงานกันมา 20 ปี เคยไปเที่ยวต่างประเทศครั้งเดียวญี่ปุ่นตอนฮันนีมูนพอจะไปก็ถ่ายละครไม่ตรงกันสักที เลยถ้ามีเวลาจะพาเขาไป ผมเลยใช้วิธีทำโปรเจกต์เอางานเป็นตัวตั้งแล้วพาเขาไป ปีหน้ากะไปญี่ปุ่นอีกครั้ง เรากลับไปจุดเริ่มต้นของเรา
มุมอ้อน ?
ตั๊ก : ผมไม่เข้าใจว่ายังไง ถ้าผมเหนื่อยหรือเขาเหนื่อย เจอหน้ากันแล้วกอดเลย
ไม่อยากมีลูก ?
ตั๊ก : ก่อนจะแต่งงานเคยคุยกันเรื่องนี้ เราไม่ซีเรียส ตอนก่อนแต่งถ้าเรามีแล้วเราทำงานไม่มีเวลาดู เรารู้สึกว่าเราไม่ได้รับผิดชอบเขาเต็มที่ พอแต่งงานรู้สึกว่าไม่มีลูกก็ดีเหมือนกัน เพราะว่าเราอาจจะดูแลเขาไม่เต็มที่ พอมาถึงปัจจุบันเรารู้สึกว่าเราพี่สาวเขามีลูก พี่สาวผมก็มีลูก เราให้สิ่งนี้กับลูกหลานเท่าที่เราให้ได้ ชีวิตเราตอนนี้เห็นว่าอยู่ยากการแข่งขันมันสูง การให้คนดี ๆ สักคนเกิดขึ้นในสังคมผมว่าเอาตรงนั้นดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นลูกใครก็แล้วแต่ช่วยกันทำให้เขาเติบโตแล้วมันจะไปได้สวย บั้นปลายเราจะเห็นสิ่งรอบข้างที่หนึ่งคนเอฟเฟกต์กับทั้งโลกอะ คนคนหนึ่งสามารถเปลี่ยนชะตาทั้งโลกได้ อีกเรื่องหนึ่งคือเขาไม่ได้อยากให้ใครต้องมาดูแล
เพราะอะไร ?
ตั๊ก : ทุกวันนี้เราทำงาน ถ้าเราบังคับให้ลูกต้องมาดูแลเราอีกมันแฟร์กับเขาเหรอ เราคิดเองนะครับ ให้เขามีชีวิตของเขาก่อน ให้เขาทำหน้าที่ของเขาให้เต็มที่ ไม่ใช่ว่าแบบโตขึ้นต้องเลี้ยงฉันนะ มันกดดันตั้งแต่แรก มันควรเกิดจากความคิดเขาเอง ไม่ใช่ความคิดจากของเราไปบอกเขาว่าต้องทำ
ใครที่ไม่อยากมีลูกมากกว่ากัน ?
ตั๊ก : พอ ๆ กันแล้วครับตอนนี้ เมื่อก่อนเขาคิด ตอนนี้เริ่มไม่ใช่แล้ว