นักร้องแถวหน้าของเมืองไทย ปู แบล็คเฮด ที่วันนี้จะมาเปิดใจครั้งแรกหลังสูญเสียแฟนสาว นุ๊กซี่ อัญพัชญ์ ที่คบหากันมากว่า 5 ปี ด้วยโรคมะเร็ง พร้อมเล่าวินาทีการจากลาโดยไม่ได้ร่ำลา และเผยสิ่งติดค้างที่ยังอยู่ในใจจนถึงทุกวันนี้ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องวัน 31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และหนิง ปณิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
เวลามารายการ เห็นภาพแบบนั้น แอบเห็นพี่ไม่มองเลย ?
ปู : ดูไม่ค่อยได้
ถึงแม้น้องจากไป 50 วันแล้ว ?
ปู : โอเคมันอาจจะเสียใจน้อยลง แต่ว่ามันคิดถึงเหมือนเดิม
ย้อนไปที่น้องเขาป่วย วินิจฉัยแรกเลยคือน้องเขาเป็นมะเร็งเต้านม ?
ปู : ใช่ครับ จริง ๆ ก่อนที่จะรู้ว่าเป็นมะเร็งเต้านม เขาก็ทำการรีเสิร์จตัวเองอยู่ประมาณหนึ่งนะ เพราะมันมีอาการแล้ว เจอก้อน มีน้ำเหลือง มีเลือดออกมา แต่ด้วยความที่กลัวมาก ๆ ก็จะไม่เข้าสู่ขั้นตอนการรักษา ก็จะคาดเดาว่าหรือจะเป็นอย่างอื่น หรืออาจจะไม่ใช่มั้ง ระยะเวลาเหล่านั้นก็เกือบครึ่งปีกว่าที่จะเข้ารับการรักษา หรือไปวินิจฉัยว่าเป็นจริง ๆ
ตอนนั้นเขาปรึกษาพี่ไหม ?
ปู : คือมองหน้ากันตลอด คือมันมีอาการ มีเลือดออก มีอะไร แต่มันก็เหมือนหลอกตัวเองกันไปว่าอาจจะมีเอฟเฟกต์จากการที่ศัลยกรรม เราก็บอกให้ไปหาหมอเช็กดู เป็นก็รักษากันไป เขาก็กลัวมากว่ามันเป็น พอมันเป็น โลกมันจะเปลี่ยน วิธีการหลาย ๆ อย่าง ความรู้สึกที่เขาคาดเดามันก็จะกลายเป็นว่า เอ๊ะ นี่มันเป็นเรื่องจริงเหรอ เขาก็เดาไปล่วงหน้าว่าถ้ามันเป็นขึ้นมาหนูจะทำตัวยังไง หนูจะอยู่ได้อีกนานไหม
แล้วอะไรที่ทำให้เขาตัดสินใจไปหาหมอ ?
ปู : เพราะมันเป็นนานแล้ว มันเริ่มเจ็บ มันมีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน มันเจ็บ มันอักเสบ มันมีอาการเลือดไหล น้ำเหลืองไหล ก็เลยไม่ได้แล้วแหละ ต้องไปหาหมอ
พอไปหาหมอปั๊บ เขาเจอว่าเป็นมะเร็งเต้านม ?
ปู : คุณหมอศัลยกรรมบอกว่าอันนี้น่าจะไม่ใช่เรื่องของการอักเสบของการศัลยกรรมแล้ว ไปหาหมอที่เฉพาะทางเลยดีกว่า เท่านั้นแหละก็รู้แล้วว่า...
ตอนที่ไปโรงพยาบาลในใจลึก ๆ ก็รู้อยู่แล้วว่าเป็นมะเร็งเต้านม ?
ปู : ใช่ครับ ณ วันนั้น นุ๊กเขาไปกับคนรถเพื่อไปหาหมอศัลยกรรม พอไปถึงคลินิก หมอบอกไม่ได้ต้องไปหาอีกที่ระหว่างทางเขาโทร. หาผม หมอแนะนำให้ไปอีกที่หนึ่ง ระหว่างการเดินทางเราก็คิดแล้วแหละว่ามันน่าจะ...
พอไปถึงหมอ หมอเขาบอกเลยว่าเป็นมะเร็งเต้านม ?
ปู : ใช่ครับ แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นระยะไหน
แล้วมารู้ตอนไหนว่าที่น้องเป็นระยะสุดท้ายที่กำลังจะลาม ?
ปู : ตอนแรกที่ไปเจอหมอเขาบอกน่าจะอยู่ในระยะ 2-3 อันนั้นคือตอนที่ยังไม่ได้ผ่าตัดเอาออกนะ เขายังไม่ได้วินิจฉัยว่าลามไปตรงไหนบ้างหรือยัง เพียงแต่ว่าเขาตรวจเจอที่ตรงนี้ แล้วจำเป็นที่สุดที่จะต้องคว้านออก
อาการมันหนักขึ้นหลังจากที่น้องไปฉีดวัคซีน ?
ปู : เราไม่อยากคาดเดาว่ามันใช่ เพียงแต่ว่าวันนั้นผมเองจะไปฉีดเข็ม 3 นุ๊กก็บอกว่าไหน ๆ หนูมาแล้วก็อยากฉีดด้วย เวลาป่วยก็จะได้ป่วยพร้อม ๆ กัน เวลามีเอฟเฟกต์อะไรก็จะได้ไปพร้อม ๆ กัน ทีนี้เขาก็ปรึกษาหมอ ณ ตรงนั้นว่าหนูจะฉีดเป็นไปได้ไหม ในขณะที่ตอนนี้ก็รักษาตรงนี้อยู่ หมอบอกไม่เกี่ยวกันฉีดได้ พอกลับไปถึงบ้านรู้สึกว่ามีไข้นิดหน่อย ของนุ๊กก็มีไข้เหมือนกัน แต่ปวดหัวด้วย แล้วอ้วกตลอดเวลา ไม่ไหวแล้ว กินยาแก้ปวดบรรเทากันไป
กินไป 2-3 วันไม่หาย พอไม่หายแล้วคิดว่าเป็นอะไรอย่างอื่นก็เลยพากันไปโรงพยาบาล เขาก็สันนิษฐานกันไปต่าง ๆ นานา แต่ว่าหมอที่ดูแลนุ๊กอยู่แล้วเขาไม่ได้ตรวจสแกนสมอง เขาก็ยังไม่เจอ เขาไปมุ่งเน้นกับต่อมน้ำเหลือง อันที่แพ้กระจายปอด ที่เต้านมถ้าหากมันยังหลงเหลืออยู่ก็เลยไม่ได้ไปตรวจตรงสมองเลย คือตอนที่น้องป่วย เริ่มจากเต้านมก่อน แล้วลามไปที่ต่อมน้ำเหลือง แล้วไปที่ปอด
แล้วเรามาทราบตอนไหนว่ามะเร็งลามไปที่สมอง ?
ปู : พอเขาปวดหัวหลังจากวัคซีน ก็เลยคาดเดาว่าหรือวัคซีนมันจะไปกระตุ้นหลาย ๆ อย่างทำให้มันแสดงผลเร็วขึ้นหมอก็เลยตรวจ MRI สมอง หมอบอกเล็กมาก เพราะมันอยู่ลึก มันมีแหละ แต่มันลึกมาก มันไม่น่าแสดงผลขนาดนั้นทีนี้เขาก็เลยตรวจเชิงลึกกว่านั้น ก็เจออีกตรงเยื้อบุบสมอง ซึ่งมันคนละขั้นตอน เยื้อบุบสมองต้องใช้อีกวิธีในการรักษาสมองต้องใช้อีกวิธีในการรักษา ฉะนั้นก็เลยต้องเลือกว่าต้องรักษาอันไหนก่อน
ตอนนั้นกำลังใจของน้องเป็นยังไง ?
ปู : ก็ค่อนข้างแย่นะครับ เวลาเขารู้ว่าเจอตรงไหนเขาก็ยังยิ้มได้ และยังใช้ชีวิตคล้าย ๆ เดิม ยังสนุกสนาน คุยพูดจากับเพื่อนได้ เพียงแต่ว่าอาการของมัน มันแสดงผลเยอะ ปวดหัวหนักจนทำอะไรไม่ได้ เหนื่อย หอบ ใช้ชีวิตประจำวันไม่ได้
เห็นว่าไอออกมาเป็นเลือดเลย ?
ปู : เขาไอตลอดเวลาไม่สามารถนอนได้เลย พอไอตลอดเส้นเลือดในคอแตก เวลาไอออกมาจัด ๆ มันก็เป็นเหมือนมูกเลือด เป็นคราบ แล้วเดินไม่ไหว เหมือนกล้ามเนื้อมันหายไป แค่อาทิตย์ 2 อาทิตย์มันไม่มีกล้ามเนื้อเลย อาทิตย์เดียวขาก็ลีบไปหมดเลย ขึ้นบันได ขึ้นห้องนอนก็ยังไม่ได้
พี่ดูแลอย่างดี 24 ชั่วโมงเลย ดูแลนานไหม ?
ปู : ปีเต็ม ๆ ครับ ถ้าสมมติว่าเข้า ออก โรงพยาบาลใหม่ ๆ ตอนที่ผ่าตัดใหม่ ๆ มันก็มีพัฒนาการของมันมาเรื่อย ๆ ซึ่งมันจะส่งผลกับร่างกายโดยชัดเจน
มันมีจังหวะที่น่าจะหายกลับมาเป็นปกติด้วย ?
ปู : มันจะมีช่วงที่มันคุมอยู่ครับ แต่ของนุ๊กเป็นมะเร็งชนิดที่ดุที่สุด ดุมาก ๆ พอมันเริ่มชินกับตัวยาตัวนี้ก็เริ่มเอาไม่อยู่คุมเจ้านี่ไม่อยู่ก็เลยต้องเปลี่ยนตัว พอเปลี่ยนตัวปั๊บตัวนี่ก็ดื้อ ตัวนี่ก็ดื้อ มันก็เลยต้องเปลี่ยนตัวไปเรื่อย ๆ
ณ วันนี้ผ่านมา 50 วันแล้ว มันยังฝังใจพี่อยู่มาก ๆ ตลอดเวลาพี่ดูแล 24 ชั่วโมง มีแค่วันเดียวที่จำเป็นต้องไปทำงาน แล้วมีสัญญาณอะไรที่น้องดรอปลง แล้วน้องก็เสียชีวิต ?
ปู : ใช่ ในช่วงที่เขาทำอะไรไม่ได้ เขาไม่สามารถทำงานได้ เขาก็จะคอยรับงานให้พี่ เขาก็จะชอบจัดแจง เดี๋ยวหนูรับงานนี้ให้ แล้วพอดีวันนั้นผมต้องไปทำงานที่นุ๊กรับเอาไว้ มันก็มีการพูดคุยกันปกติ พอไปถึงงานพี่ก็โทร. หาคนนี้ ๆ ก่อนที่ผมจะออกไปผมไม่มีสัญญาณใด ๆ เหมือนหมอเขาแจ้งด้วยซ้ำว่าอีก 3-4 วัน ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว เพราะว่าไวรัสที่ปอดเริ่มเบาบางลง
ตอนนั้นก็เริ่มดีใจ ก็นับวันรอ ขอเบิกเครื่องออกซิเจนกลับบ้านแล้ว เริ่มขนของทยอยกลับบ้านพอเย็นของอีกวันหนึ่งไปกินข้าวกับแม่ ทีนี้พยาบาลก็โทร. มาบอกว่าพี่นุ๊กเขาหยุดหายใจไปแล้ว ตอนนี้กำลังปั๊มหัวใจอยู่ เขาก็ให้หมอพูดกับผม ผมก็ถามหมอทำไม เมื่อวานก็ยังพูดคุยกันปกติ ยังไม่มีอะไรบอกเหตุว่าวันนี้เขาจะเป็นอย่างนี้ ตอนนั้นมีคำถามได้แค่นี้ ทุกอย่างต้องรีบที่จะเข้าไปที่โรงพยาบาล เราก็ยังไม่เชื่อ เดี๋ยวก็คงปั๊มขึ้นมาได้ อีกแป๊บหนึ่งก็คงรู้สึกตัว
ไม่ว่าจะแย่ยังไงก็ตาม ไม่น่าเสียชีวิต ?
ปู : ใช่ ผมไปรออยู่หน้าห้อง ICU ประมาณ 2 ชั่วโมง ตอนแรกห้อง ICU ของโรงพยาบาลเต็ม เขาต้องขนของทั้งหมดมาที่บอร์ด ห้องพักที่เราอยู่ด้วยกัน พอห้อง ICU ว่างถึงจะเข็นน้องไป เพราะฉะนั้นรวม ๆ กันก็น่าจะ 2 ชั่วโมงที่ผมอยู่ตรงทางเดิน แล้วก็รอ
ความรู้สึกตอนนั้นทรมานที่สุดในชีวิตเลยไหม ?
ปู : ใช่ เอาเข้าจริง ๆ ตั้งแต่ 3-4 ครั้งแรกที่หมอพยายามยื้อกลับมา ผมไม่อยากให้มันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว เพราะว่าผมเคยคุยกับน้องไว้ถ้าหนูถึงเวลาที่หนูจะต้องไป พี่อย่าพยายาม
วันนั้นหมอได้ถามพี่ไหมว่าเราจะยื้ออีกไหม ?
ปู : ถามครับ แต่คนที่จะตัดสินใจได้ต้องเป็นญาติเท่านั้น ผมก็บอกหมอแล้วว่าน้องบอกผมว่าอย่างนี้ แต่ทีนี้หมอต้องการคนที่เป็นญาติที่นามสกุลเดียวกัน ทีนี้ก็โทร. คุยกับปาป๊า เขาก็บอกว่าเอาให้ถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก็เลยต้องใช้เวลาอยู่อย่างนั้นนาน ประมาณ 10 ครั้งได้ เขาก็ดึงขึ้นมา หายใจได้ 1-2 นาที แล้วก็ไปอีก อยู่แบบนี้ประมาณ 10 ครั้ง หมอบอกคงไม่ไหวแล้ว
พี่ว่าไงพอหมอบอกว่าไม่ได้แล้ว ?
ปู : ผมอยากจะปล่อยตั้งแต่ 3-4 ครั้งแรกแล้ว เพราะผมเห็น ผมเดินไปหน้าห้องแล้วเห็นสงสาร
สุดท้ายน้องก็ไป แต่มันก็มีเรื่องติดค้างใจที่พี่ยังไม่ได้ทำให้น้อง รู้สึกว่าคิดขึ้นมาทีไรน้ำตามันก็ไหลออกมาทุกที เพราะว่าสิ่งนี้เราน่าจะทำไปแล้ว มันคืออะไร ?
ปู : ช่วงก่อนที่เขาจะเข้าโรงพยาบาลครั้งล่าสุด เขาบอกพี่ หรือว่าไม่ต้องแต่งก็ได้ จดทะเบียนอย่างเดียวก็แล้วกัน คืออยู่ในช่วงโควิดมันทำอะไรยากไปหมดเลย เขาก็บอกแค่จดทะเบียน เราไปจดทะเบียนกันนะ ผมก็คิดว่าถ้าเขาดีขึ้นนิดหนึ่งการจดทะเบียนในโรงพยาบาลจะเป็นไปได้ไหม ผมคิดไว้ 3-4 วันก่อนหน้านั้น แต่ก็ยังไม่ได้ทำ ผมคิดว่ารอให้เขาดีกว่านี้อีกนิดหนึ่งก่อน ถ้าวันนั้นเขาออกจากโรงพยาบาล ถึงไม่มีงานแต่ง ผมก็พาเขาไปจดทะเบียน นั่งวีลแชร์ไป เพราะผมคิดว่าการออกจากโรงพยาบาลครั้งนี้การดูแลมันต้องยิ่งใหญ่มาก เพราะดูจากสภาพแล้ว เขาเดินไม่ได้แล้ว จะไปไหนก็ต้องวีลแชร์แน่ ๆ ตัวเองก็คิดไว้เหมือนกันหรือว่ามันเป็นเวลาสุดท้ายแล้ว แต่ยังไม่ทันได้บอกอะไรเขา
ถ้าน้องดูอยู่พี่อยากบอกอะไรน้อง ?
ปู : น้องคงรับรู้ในหลาย ๆ เรื่อง ตั้งแต่วันที่เขาไป ไม่มีสักวันที่ผมไม่คิดถึง หลายสิ่ง หลายอย่างที่ไม่ได้พูด มันเหมือนเป็นไดอารี่ของผม ผมได้จดไดอารี่เหล่านั้นไว้ในเฟซบุ๊กบ้าง ในไอจีบ้าง เพราะผมเคยคิดว่าในตอนที่เราอยู่ด้วยกันบางทีเขาถ่ายรูปคู่ เราก็แบบ...ถ่ายไปทำไม บันทึกนู้น บันทึกนี่ บันทึกไว้ทำไม แต่วันนี้ผมนั่งไล่ดูไอจีของเขา เฟซบุ๊กของเขาที่มีรูปผมอยู่ ผมเองผมไม่ค่อยมีรูปเขาเลย มันน่าเสียใจมาก ๆ ในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน เราไม่ได้ทำอะไรที่มันบันทึกความทรงจำดี ๆ เอาไว้
ในทุก ๆ ความทรงจำที่หนูบันทึกไว้ในโทรศัพท์หรือบันทึกไว้ในทุก ๆ ขั้นตอน ตอนนี้มันอยู่ในนี้หมดแล้ว มันอยู่ในตัวพี่หมดแล้ว มันคงจะยากที่จะลืมเลือน แล้วอาจจะไม่มีวันนั้นเลยก็อาจจะเป็นได้ ณ วันนี้หนูอยู่ตรงที่ไหนก็แล้วแต่ อยากบอกว่าพี่ยังรักและคิดถึง หลาย ๆ คนแม้กระทั่งเพื่อนฝูง ครอบครัวของเราก็คิดถึงหนูตลอดเวลาเช่นกัน
เพลงเหลียวหลัง เพลงนี้น้องนุ๊กซี่ช่วยแต่งใช่ไหม ?
ปู : ต้องบอกว่ากำลังจะทำเพลงใหม่ของแบล็คเฮด ก็มานั่งฟังว่าเพลงช้าของแบล็คเฮดมีเนื้อหาแบบไหนกันบ้าง ความรักที่แฮปปี้ก็มีแล้ว ความรักที่ขาดเธอไม่ได้ ก็มีแล้ว ก็เลยมานั่งคุยกันว่ายังเหลือความรักแบบไหนอีก ก็เลยเป็นเพลงนี้ถ้าจะไปก็ไปเลย ไม่ต้องมามีเยื่อใย นุ๊กก็เลยคิดคอนเซ็ปต์เพลงนี้ออกมา เสร็จแล้วมานั่งเขียนด้วยกันในท่อนฮุกครับแล้วส่งต่อไปให้น้องอีกคนช่วยขยายความอีกนิดหนึ่ง
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์ - วันศุกร์ เวลา 13.15 - 14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama