เป็นดาราสาวสวยที่อยู่วงการบันเทิงมายาวนานเกือบ 20 ปี สำหรับสาวขาวออร่า เกรซ กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า จากการคว้าตำแหน่ง มิสทีนไทยแลนด์ ปี 2547 จากนั้นก็ดังเปรี้ยงจากผลงานละครหลากหลายแนว ฝีมือระดับคุณภาพยอดเยี่ยมทำให้เธอยังคงฮอตจนถึงปัจจุบัน เรื่องการงานดีงามมาโดยตลอด แต่กับเรื่องความรักไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เพราะครั้งหนึ่งเคยได้สัมผัสความรักเจ็บปวดที่สุดเช่นกัน
เกรซ กาญจน์เกล้า เรื่องราวในชีวิตแบบทุกซอกทุกมุมในรายการ Club Friday Show ผลิตโดย CHANGE2561 เปิดใจแบบหมดเปลือกเป็นที่แรก สมัยรักกับหนุ่มฮอตอย่างหนุ่ม ก้อง กรุณ ตอนคบกันก็ดัง ตอนเลิกกันก็ดังมาก รวมถึงหลากหลายรสชาติความรักที่ผ่านมา เคยมีสายโทร. มาเป็นเสียงแฟนกับผู้หญิงคนอื่น หรือรักที่ยิ่งให้อภัยยิ่งเจ็บ และฉายาสุดฮอต "สโนไวท์กับผู้ชายทั้ง 7" มีที่มาอย่างไร ได้รู้กัน...
ตอนคบกันก็ดัง เลิกกันก็ดัง ตอนนั้นมีข่าวว่าพี่ก้องติดแฟนมาก ?
เกรซ : ฮอตจัดเลยค่ะ (หัวเราะ) ตอนนั้นเขาติดเราจริง ไม่มาสักวันหนึ่งไม่ได้เลยมั้ง เหงา ความรู้สึกของแฟนมันหมดลงไปจนมาเป็นความรู้สึกของพี่น้องแทน บางทีเราทะเลาะกัน มันเป็นความรู้สึกที่ค่อย ๆ บั่นทอนกันไปเรื่อย ๆ จนวันหนึ่งเรารู้สึกว่าเราก็ยังรักเขาอยู่นะ แต่เรารักเขาแบบพี่ชาย
ตามสไตล์สาวสวย เกรซ เป็นคนเลือกเยอะไหม ?
เกรซ : ไม่ค่ะ เป็นคนเต็มที่กับความรักอยู่แล้ว ไม่เคยเล่น จริงจังเสมอ (หัวเราะ) ไม่เคยมีบริหารเสน่ห์นะคะ
แล้วสโนไวท์กับคนแคระทั้ง 7 มาอย่างไร ?
เกรซ : อุ๊ย ! แรงมาก อันนี้คือ ฉายาที่เพื่อนตั้งให้ มันเป็นช่วงที่เลิกกับพี่ก้องค่ะ ค่อย ๆ มีคนเข้ามาคุยจนถึงประมาณ 7 คน เพื่อนสนิทเลยตั้งให้ เรียกเลยว่า "สโนไวท์"
คนนี้ดูทำให้เราค่อนข้างคลั่งรักทีเดียว ?
เกรซ : ก็ไม่ต้องรับงานไปเลยสิคะ เพราะว่าเขาไม่ค่อยว่างมาเจอ ไม่เป็นไรฉันไปเจอเธอได้อยู่แล้ว
ถามถึงความรักที่ทำให้เราเจ็บปวดมากที่สุด ?
เกรซ : ตอนตี 4 โทรศัพท์โทร. เข้ามา แต่ไม่ใช่เสียงแฟนค่ะ เป็นเสียงผู้หญิง คือ เหมือนอยู่ด้วยกัน 2 คน ประมาณนั้น โทรศัพท์ลั่นหรือเปล่าไม่รู้ เอาจริง ๆ ไหมคะ ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้คำตอบว่ามันเป็นอย่างไร ตอนนั้นโคตรทรมานเลยค่ะ เราคิดว่าอะไรเนี่ย ยิ่งกว่าในละครอีก หลังจากที่เกรซโทร. หาแล้ว เขาไม่รับก็โทร. อีกเป็น 10 สายเลย ของมันขึ้นไม่ไหวแล้ว ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ ในใจมันแตกสลายและเต็มไปด้วยคำถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น ?!
สิ่งหนึ่งที่ เกรซ ต้องทำตรงเวลามาก เรารู้สึกกับตัวเองว่าเป็นคนเยอะไปไหม ?
เกรซ : นัดเที่ยงต้องเป็นเที่ยง เพราะหนูต้องกินข้าวตอนเที่ยง เราจะไม่กินข้าวตอน 11.45 น. หรือตอนเที่ยงครึ่ง เพราะเราจะกินข้าวตอนเที่ยงตรง สมมุติดำน้ำก็ต้องดำน้ำ เราจะนอนตั้งแต่ 4 ทุ่ม ตื่น 6 โมงเช้าหรือตี 5 เพื่อไปดำน้ำเอาแสงแรกที่น้ำใสที่สุด
ช่วงนั้นกินยาก อยู่ยาก นอนยากค่ะ นอนก็ต้องมืดสนิท มีอะไรโผล่ขึ้นมานิดหนึ่งก็ไม่ได้ และห้ามมีเสียงอะไรสักนิดเดียว ถ้ามีเสียงนิดเดียวเราก็ตื่นแล้ว เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อนคือ ยากมาก !
มีความรักครั้งหนึ่งที่ทำให้ เกรซ รู้สึกว่า ต้องใช้สมองมากกว่าหัวใจจะได้ไม่เจ็บ ?
เกรซ : ยิ่งเราให้อภัย เราจะยิ่งคาดหวังและมันจะยิ่งเจ็บขึ้นเรื่อย ๆ เราเลยรู้สึกว่าเราพอเถอะ เหมือนเรามีโมเมนต์ที่เราต้องใช้สมองบ้าง บางทีเราใช้ใจอย่างเดียว เราสู้มากจนเราหันมาดูตัวเองอีกครั้ง คือ สะบักสะบอมไม่ไหวแล้ว มันเจ็บจนวันหนึ่งเรารู้สึกว่า เอาล่ะ ! เราต้องพอแล้ว เราต้องรักตัวเองแล้ว
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวชีวิตและหัวใจของ เกรซ กาญจน์เกล้า ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ บอกเลยว่านาน ๆ ที จะยอมออกมาเล่าแบบหมดเปลือก ติดตามรับชมได้ในรายการ Club Friday Show วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม เวลา 12.00 น. ทางช่องวัน 31