น้องแอลลี่กี่ขวบแล้ว ?
หนูแหม่ม : 1 ขวบ 2 เดือน เมื่อวานนี้
เห็นว่าพูดได้ 3 ภาษา ?
หนูแหม่ม : ณ วันนี้แอลลี่ยังไม่ได้พูด เขาเดินก่อน แต่ว่าเราเดากันว่าแอลลี่เข้าใจทุกภาษาที่ทุกคนคุยในบ้าน มีภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และกะเหรี่ยง เพียงแต่ว่าเขายังไม่ได้เลือกที่จะพูดภาษาอะไรก่อน
ตามเกณฑ์การพูดพี่หนูแหม่มมองว่าน้องช้าไหม ?
หนูแหม่ม : เด็กแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน หนูแหม่มไม่รู้สึกว่าช้านะคะ หนูแหม่มว่าเมื่อไหร่ที่เขาพร้อม เดี๋ยวเขาก็จะพูด เพราะว่าเขายังขยับปากตามเรา เขาฟังเรา เขาสื่อสารกับเรา ซึ่งเราก็คุยกับคุณหมอตลอด คุณหมอก็ไม่ได้เร่งอะไรเขาหนูแหม่มคิดว่าไม่หรอกมันตามเกณฑ์
เห็นว่ามีชาวเน็ตช่วยเลี้ยงด้วย ?
หนูแหม่ม : ไม่เยอะ ๆ เขาน่าจะเห็นแล้วคงเป็นห่วง เขาบอกว่าน่าจะฝึกให้น้องใส่แมสก์ ซึ่งน้องยังเด็กเกินไป คุณหมอบอกว่าถ้าจะฝึกใส่แมสก์จริง ๆ ก็ต้อง 2 ขวบขึ้นไป แต่ก็ขอบคุณนะคะ เขาเป็นห่วงนั่นแหละ เพราะน้องยังเล็กมาก
การมีลูกเขาสามารถเติมเต็มได้จริงไหม หรือเขาสามารถประสานความเป็นชีวิตคู่ให้มันต่อไปได้สำหรับกรณีการมีลูก ?
หนูแหม่ม : เอาเติมเต็มก่อน ถ้าคิดว่าอยากให้เติมเต็ม ผิดตั้งแต่คิดแล้ว เราต้องมีพอก่อน ต้องมีเหลือก่อน ใจเราพร้อมก่อน หมายถึงเหลือในเรื่องของความรัก เหลือในเรื่องของการที่อยากจะให้ เหลือในเรื่องของการที่เห็นเขาอยากได้รับโอกาส อย่าคิดว่าต้องมาเติมเต็ม เพราะเราไม่ได้คิดว่าเขามาเติมเต็มเรามีล้นอยู่ในบ้าน ไม่ว่าจะเป็นความรัก โอกาสความสุข อันนั้นคือคำตอบที่ว่าเราพร้อมแล้วหรือยัง ทุกอย่างเหมือสวรรค์จัดสรรให้เราแล้ว มันเป็นพรหมลิขิต ถ้าเราไปกระเสือกกระสนเราจะไม่ได้อารมณ์นี้เลย
ทั้งที่ทุกวันนี้พี่หนูแหม่มจดทะเบียนรับเป็นลูกตามกฎหมาย แต่พี่หนูแหม่มจะให้เกียรติแม่แท้ ๆ เขามากที่สุด ?
หนูแหม่ม : ใช่ค่ะ อันนั้นคือเบอร์ 1 เขาโตมาเขาก็ต้องรู้ด้วยว่าอันนั้นคือเบอร์ 1 ของเขา
ถ้าสมมติในอนาคตแม่ ๆ ต้องไปใช้ชีวิตของเขาไม่อยู่กับเราแล้ว ?
หนูแหม่ม : เรามองว่านั่งคือทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับครอบครัวของแม่ ๆ และแอลลี่ แต่วันที่แอลลี่มั่นคงในทุกด้านอย่าง เช่น สามารถดูแล จัดสรร รับผิดชอบต่อชีวิตเขาได้ หมายถึงว่าเขาโตที่จะตัดสินใจเองได้ คือเกิดขึ้นแน่นอน การเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องปกติ เพราะฉะนั้นตอนนี้เรามีหน้าที่อย่างเดียวคือฟอร์มให้แอลลี่เป็นคนที่เข้มแข็ง แล้วก็รับได้กับทุกสถานการณ์ ตัดสินใจเองได้ในทุกสถานการณ์ วันนั้นโบยบินเลยลูก
เราเตรียมความรู้สึกตรงนี้ยังไง ?
หนูแหม่ม : หนูแหม่มเตรียมตั้งแต่วันแรกที่เราจะรับ
บ๊อบบี้ : ก่อนเรารับ เรามาคุยกันก่อน
หนูแหม่ม : เราประชุมกันทั้ง 2 ครอบครัวแล้ว ให้ไปถามยาย ถามตา ถามปู่ ถามย่า พ่อ ๆ แม่ ๆ ว่ายังไง พี่หนูแหม่มไม่ได้คุยกัน 2 คน เพราะฉะนั้นเราวางแผนตั้งแต่วันแรกแล้ว
บ๊อบบี้ : เราคุยกันแต่แรก แอลลี่จะอยู่กับใครหรือตัดสินใจอะไรเป็นสิทธิ์ของแอลลี่เลย เราจะไม่ทะเลาะ ไม่บังคับ เราจะไม่เป็นแบบนั้น เราแค่อยากให้แอลลี่โตขึ้นเป็นคนดี
พอมีเด็กสักคนมาอยู่ในบ้านมันไม่ต้องการอะไรอีกแล้วจริงไหม ?
บ๊อบบี้ : เมื่อก่อนแหม่มกลับมาจากที่ทำงาน ร้อน โมโหนู่นนี่ เจอแอลลี่ยิ้มทีเดียวหาย
หนูแหม่ม : เรากลัวเขารับความเทา ๆ จากเราไป เราต้องเปลี่ยนโหมด
เห็นว่าตอนนี้ไปดูโรงเรียนแล้วเหรอ ?
หนูแหม่ม : เผอิญว่าเราเห็นในเฟซบุ๊ก เป็นเนิร์สเซอรี พาแอลลี่ไปเที่ยวเล่นดีกว่า เขาชอบนะคะ
หลายคนมองว่าแอลลี่เพิ่งขวบกับ 2 เดือน ไปดูโรงเรียนแล้ว เห่อไปหรือเปล่า ?
หนูแหม่ม : ก็เห่อนะ จริง ๆ เราเตรียมถึงเข้าอนุบาลไปแล้ว
ปรับตัวกันยากไหมพอมีน้องเข้ามา ในการใช้ชีวิตส่วนตัว หรือเรื่องบางที่รู้สึกเหตุผลไม่ตรงกัน ?
หนูแหม่ม : ถ้าเป็นเมื่อก่อน พี่ว่าน่าจะไฟว์กันบ้านแตกแน่เลย แต่ชีวิตมันมาถึง 55 มันเหมือนต้องฟังความอีกข้างหนึ่งด้วย แล้วค่อยเอามาไตร่ตรอง
เห็นว่ามีรับเลี้ยงน้องบุญธรรมอีกคนชื่อน้องจิ๊กซอว์ ? (อ่านข่าวน้องจิ๊กซอว์คลิกที่นี่)
หนูแหม่ม : ใช่ค่ะ ๆ ของน้องจิ๊กซอว์จะเป็นแนวอุปการะ ไม่ได้ยกเป็นบุตรบุญธรรม จริง ๆ น้องจิ๊กซอว์ทุกคนเคยเห็นเขาแล้วในไวรัลข่าวเมื่อปีนู่น น้องจิ๊กซอว์เป็นเด็กคนหนึ่งที่แม่กำลังถ่ายคลิปแล้วนั่งร้องไห้ เป็นข่าวเกือบทุกสถานีเลยนะบอกว่าแม่น้องอยากขาว เขาพูดภาษาใต้ แม่ก็เลยตกใจถ่ายคลิปไว้ ทำไมน้องถึงพูดแบบนี้ เขาบอกปู่ดำกับปู่เล็กเรียกน้องว่า อีดำ แล้วก็ร้องไห้ เขาบอกน้องดำ ๆ น้องอยากขาว ๆ ด้วยความที่น้องเป็นผิวที่ติดทะเล หรืออาจจะเป็นคุณปู่ คุณตา ผิวสีก็ได้ ทุกคนก็จะเรียกแบบที่เราพูดไปเมื่อกี้
เรารู้สึกว่าเด็กคนหนึ่งไม่ควรที่ถูกบูลลี่อะไรแบบนี้ เขาเด็กเกินกว่าที่จะมาแบกรับสถานการณ์แบบนี้ เราไม่มีทางรู้ว่าถ้าเขารับมือไม่ได้ อนาคตจะเป็นยังไงพี่รู้สึกว่าเราจริตตรงกันตั้งแต่วันที่เห็นในข่าว ก็เลย DM คุยกับคุณแม่ไป ด้วยความที่เราอ่อนหัดเรื่อง TikTok มากเมื่อปีนู้น ก็ไม่เห็นแม่ตอบสักที แม่เขาคงคิดว่าเราเป็นตัวปลอมหรือแบบอาจจะมาหลอกเขาหรือเปล่า ก็ไม่ได้รับการตอบ
1 ปีผ่านไป พี่ก็เก่ง TikTok ขึ้น คลิปใหม่น้องก็เด้งขึ้นมา พี่ก็รีบคุยไปเลย โชคดีครั้งที่ 2 พี่เก่ง TikTok แล้ว แม่ก็เลยตอบกลับมา เขาขอโทษข้อความเมื่อปีนู้นเขาไม่ได้อ่าน มันไม่ขึ้นมา เขาบอกอย่างนี้ พี่ก็เลยรู้สึกแบบนี้แหละเป็นจุดเริ่มต้น พี่ขอเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของคุณแม่ทำให้น้องเข้มแข็งทางภาวะอารมณ์ของเด็ก 5 ขวบ จริง ๆ น้องไม่ได้เป็นอย่างที่คนอื่นพูด พี่รู้สึกว่าพี่ทนไม่ได้ที่เด็กถูกบูลลี่ เราจะซัพพอร์ตน้องในทุกเรื่อง
เรื่องอะไรบ้าง ?
บ๊อบบี้ : เรียนเป็นหลัก เรียนภาษาอังกฤษ เรียนว่ายน้ำ กิจกรรมที่จิ๊กซอว์อยากทำ เราสนับสนุน ไปซื้อของ ซื้อเสื้อผ้า
คุณพ่อ คุณแม่น้องว่ายังไงบ้าง ?
หนูแหม่ม : อีกไม่กี่สัปดาห์นี้เราจะไปที่ชุมพร ไปเจอคุณพ่อ คุณแม่น้อง เราเจอแค่คุณแม่คนเดียว ตอนที่น้องมากรุงเทพฯ คุณแม่มาด้วย เราก็จะไปคุยกัน
ตอนที่เขารับสายบอกว่าพี่หนูแหม่มจะมาอุปการะมันเป็นยังไงบ้าง ?
หนูแหม่ม : เราไม่ได้ประกาศว่าเราจะอุปการะกับแม่เขา แค่บอกว่าคุณแม่มาทำงานร่วมกันไหม โดยที่แม่หนูแหม่มจะเป็นผู้สนับสนุนข้างหลังน้องให้ แล้วให้แม่ของน้องจิ๊กซอว์ชื่อ แม่จุ่ม เป็นคนแอคทีฟหน้างาน เรามาร่วมมือกัน ซึ่งคุณแม่เขาดีใจ เขาบอกว่าเป็นความโชคดีของครอบครัวเขาที่ได้เจอกัน เขาก็คิดว่าเป็นพรหมลิขิตเหมือนกัน
ตอนแรกที่จะอุปการะ พี่หนูแหม่มมาปรึกษาพี่บ๊อบบี้ คุยกันยังไงบ้าง ?
บ๊อบบี้ : ตอนแรกคิดว่าแหม่มเขาจะแค่ส่งหนังสือ ซื้อของเด็กเล่น ไม่ได้คิดว่าจะเอาเขามากรุงเทพฯ มาในครอบครัวแบบนี้เราก็โอเค เรายินดี มันทำให้ทุกอย่างมันครบด้วย เราอยากให้จิ๊กซอว์เป็นคนดีในสังคม ไม่อยากให้เขาโดนบูลลี่
หนูแหม่ม : เราไม่มีทางรู้ คุณอาจจะพูดเล่นด้วยความรัก ความเอ็นดูก็ตาม แต่บางคำนั้นมันออกจากปากของคนที่เป็นญาติ หรือคนที่อยู่ในชุมชนเดียวกัน แต่สุดท้ายถ้าเขาข้ามกำแพงบูลลี่ไม่ได้ คนในสังคมคนหนึ่ง เสียดายนะคะ ถ้าเราจะหล่อหลอมให้เขาแข็งแรงวันหนึ่งเขาอาจจะโตมาเป็นนางงามก็ได้ เป็นวิศวะก็ได้ เป็นพยาบาล เป็นหมอ อาจจะเป็นนักกีฬาระดับชาติก็ได้
พี่หนูแหม่มเห็นอะไรในตัวน้อง ?
หนูแหม่ม : จิ๊กซอว์เป็นเด็กที่มีของนะ พูดจาดี เข้าใจพูด คือเราเห็นเงาเราอยู่ในตัวจิ๊กซอว์ จิ๊กซอว์เป็นพิธีกรได้นะ
เลี้ยงลูกด้วยกล้องวงจรปิด ?
หนูแหม่ม : สืบเนื่องมาจากรถที่บ้านเคยหาย มีคนขโมย มาเอากุญแจแล้วสตาร์ตรถเราออกจากบ้านเลย เราเลยรู้สึกว่าต้องติดกล้องวงจรปิด แต่จริง ๆ หมู่บ้านเราเป็นหมู่บ้านปิดนะคะ คุณโจรเขาเอาไปเรามาคิดได้ทีหลังว่าติดกล้องวงจรปิดดีกว่า พอติดแล้วก็ยาวมาจนถึงมีลูกมันก็เลยได้ประโยชน์ สมมติเราไปไหน นอนโรงแรมแด๊ดดี้เขาก็จะตื่นเช้ามาดูลูกเขาว่าอ่านหนังสือหรือยัง เล่นของเล่นไหม ใครดูลูกเขา
เป็นกล้องมีเสียงไหม ?
หนูแหม่ม : ไม่มีเสียง เห็นแต่ภาพ
บ๊อบบี้ : พี่ว่าเดี๋ยวจะเปลี่ยนแล้ว พอหนูพูดเดี๋ยวจะกลับไปเปลี่ยนแล้ว
แล้วเรื่องรถได้คืนไหม ?
หนูแหม่ม : ไม่ได้คืน หายไปเลย
บ๊อบบี้ : หลักฐานกล้องวงจรปิดมีทุกอย่าง
หนูแหม่ม : หลายปีแล้วค่ะ