ล่าสุดทั้งเหลือง ทั้งปากซีด ลงรูปแบบตาลอยแล้ว อันนั้นเกิดอะไรขึ้น ?
บีม : อันนั้นเรียกว่าเป็นวิทยาทานสักเล็กน้อย ผมไปแข่งรถบุรีรัมย์ วันนั้นร้อนมาก 38 องศา แล้วมีสหายข้าง ๆ เอาน้ำท่อมมาให้ผม น้ำท่อมเพียวบริสุทธิ์ ไม่ผสม 4x100 ไม่อะไรทั้งนั้น มันเพื่อสุขภาพ แล้วไปใส่แก้ว 3 ลิตร จิบไปเรื่อย ๆ เสร็จเติมพลังเขียวไปนิดหน่อย พอไปแข่งรถปุ๊บเหงื่อมันออกหมดตัว รู้สึกว่าของหวานอยู่ไหน น้ำตาลตก บีมก็ถามทีมว่ากินอะไรหวาน ๆ หน่อย ไปหยิบเอแคร์ร้อนมาให้ผมเกือบตายครับ กินเอแคร์เสร็จต่อด้วยน้ำหวาน ผมก็เลยต้องไปปั๊มเลย อ้วก คือมันตีกัน
คือใครจะกินน้ำท่อมก็ควรจะเป็นแผนกของน้ำกระท่อมไป ?
บีม : หลายคนเขาก็ใช้ในการจิบเรื่อย ๆ แล้วก็เติมพลังเขียว เขาเรียกว่าพลังใบกับพลังดอก พอเป็นสูตรไขว้ ถ้าบางคนใช้อย่างถูกต้องเขาก็ปลอดภัยครับ
อันนี้เราพลาดที่ตรงไหน ?
บีม : พลาดที่อากาศร้อน กินข้าวไม่ถึง แล้วก็ตีกันเยอะไปหน่อย
แล้วอาจจะดื่มตัวที่เป็นน้ำท่อมเยอะไป มันเลยทำให้เสียเหงื่อ ?
บีม : ใช่ เพราะผมไม่รู้ว่าทีมช่างเอาไปใส่ในรถแข่งที่ผมแข่งไป 20 นาที จิบไปมันน้ำท่อมล้วน ๆ เลยครับ ผมจิบไปเรื่อย ๆ พอลงมาปุ๊บกูเริ่มวูบ ไม่ไหว
แล้วทำยังไงถึงอาการดีขึ้น ?
บีม : เขาเรียกว่าเติมเป็นวิทยาทาน เขาเรียกว่าเหลืองโชว์ เหลืองโชว์ไปที แซวพี่ทั้งประเทศ ไปทุก ๆ ที่ แม้ว่าคุณ รปภ. ที่นี่ พี่หายเหลืองยังครับ
บางทีพี่บีมลงรูปแล้วกระดกเป็นลิตร มันได้อ่อ ?
บีม : บีมกระดกยังไม่ถึงลิตรนะครับ ก็วางก่อนมันเป็นแค่รูป มันปั่น เราตั้งใจทำคอนเทนต์ให้ปั่นเป็นวิทยาทานสไลต์กวน ๆ เราอยากบอกในเรื่องของความรู้ บอกในข้อผิดพลาด หรือว่าในสิ่งที่ไม่ดีเป็นวิทยาทานให้
เตือนหน่อยไหม ใครที่อยากเป็นสายเรา ควรจะประมาณไหน ?
บีม : สายเราควรจะเอากำลังดีครับ เอาที่ฟีลตัวเองกำลังโอเค เพราะทุกคนมีความต้านทานที่แตกต่างกัน ดังนั้นดูฟีลตัวเองอย่าไปตามเพื่อน เอาที่เรารู้สึก relex สมอง ทั้งนี้ทั้งนั้นที่บีมออกมาพูดไม่ได้สนับสนุนให้เยาวชนหรือคนต่ำกว่า 20 ปี ทั้งดูดทั้งเติม หรืออะไรก็ตาม แต่อันนี้ให้ดูว่าทำไมคุณหมอหลาย ๆ คนออกมาโต้งแย้ง หลายคนตกเขียงหรือเหลืองต้องเข้าโรงพยาบาล เป็นฟีลแบบเวียนหัว บีมก็เลยทำให้เห็น เรียกว่า ผมเหลืองครับ แต่ผมยังไม่ตาย
เมื่อก่อนพี่บีมเท่มาก แต่ล่าสุดมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าอ่อน แล้วยังโชว์ ?
บีม : คอมเมนต์ผมก็ไม่เป็นไรเพราะว่าบีมตกเขียงให้ดูหรือว่าเหลืองโชว์ บอกอ่อนก็อ่อน คุณเป็นยอดขุนพลก็เรื่องของคุณ ของแบบนี้มันเป็นความสุขของแต่ละคน แต่ผมทำขึ้นมาเพื่อให้คนคอมเมนต์ว่าผม เรียกว่าเปิดใจยอมรับ เพราะว่าผมแคร์ในด้านของผม เพราะผมเนี่ยสไตล์นี้ ผมไม่จำเป็นต้องเป็นนักวิชาการ หรือว่าหวีผมใส่สูท ผูกไทแล้วต้องน่าเชื่อถือ เราก็ศึกษาระดับหนึ่ง เราก็เป็นสายเขียวจริง ๆ เราอยากให้รู้ว่าของพวกนี้มันไม่ได้มีแต่ข้อเสียในสังคมนะ ข้อดีก็มี แต่ว่าถ้าข้อดีมากเกินไปก็จะเป็นข้อเสียเหลืองได้
ทำไมอยู่ ๆ เอาตัวเองมาเสี่ยงกับสายนี้ สายเกรียน ?
บีม : เราจะเป็นสายดีดธรรมชาติอย่างนี้อยู่แล้ว บีมเป็นคนล้น ๆ ชอบทำอะไรเกินร้อย พอพลังใบ ตอนแรกใบไม่มีปัญหาเพราะปลดแล้ว ถูกกฎหมาย แต่ในสิ่งที่บีมขับขี่มันดูอันตราย คนที่ดูคลิปแล้วหวาดเสียว ตรงนั้นก็โดนค่าปรับ แล้วผมก็เอาคลิปเก่า ๆ เนี่ย แล้วสิ่งที่โดนคอมเมนต์มาเรียนรู้ ทีนี้เราจะเกรียนยังไงให้ไม่ผิดกฎหมาย เกรียนยังไงให้รู้สึกว่าคาแรกเตอร์นี้มันทำดีให้สังคมได้ มันให้ความรู้ประชาชนในแง่ข้อมูลได้ คือขอบอกว่าโจรแนะนำโจร มันจะเป็นสไตล์อย่างนั้น ไม่ได้บอกว่าทำอะไรโจรนะ แต่ว่าคาแรกเตอร์อย่าให้คนมาว่าเราว่าเป็นอย่างนี้แล้วเราทำดีไม่ได้
ตอนนี้ผมรณรงค์ แล้วทำคลินิกก้าวใหม่ เกี่ยวกับเลิกยาเสพติด เลิกฟรีไม่เสียประวัติ ร่วมกับ กตร. สำนักอนามัย แล้วก็สำนักคุมประพฤติ เราเป็นวิทยากรบอกน้อง ๆ ทุกคน ผู้เสพหรือผู้ค้าที่จะออกมาใช้ชีวิตประจำวันว่าอย่าให้ใครมาดูถูกเรา หรือสิ่งที่เราทำผิดพลาดมา อย่าเอามาเป็นข้อที่บอกตัวเองว่ากูเจริญไม่ได้หรอกกูดีไม่ได้หรอก ต้องวนกลับมาใช้พฤติกรรมเก่า ๆ ใช้ยาหรือว่าอยู่ในสภาวะแวดล้อมเดิม ๆ ตรงนี้เราอยากจะให้ดูว่าคาแรกเตอร์อย่างนี้ที่จริตเดียวกัน หรือคนละจริตคนละศีลกันมันก็จะคุยกันไม่รู้เรื่อง ตรงนี้ผมจะแคร์ในฝั่งและในโลกของผม ในจริตเดียวกับผม
คอนเทนต์ที่พี่บีมทำมันเสี่ยง นิดเดียวคือถึงชีวิตได้ ?
บีม : ทุกคอนเทนต์ที่บีมทำ บีมจะได้ใบมาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ เรือแข่งหรืออะไรก็ตามจะมีใบอบรมมาทั้งหมด
คนดูยังรู้สึกเป็นห่วง ครอบครัวว่าไง ?
บีม : ครอบครัวเฉย ๆ ครับ เพราะบีมเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กมาก ๆ คือเด็ก ๆ เป็นเด็กที่เก็บกดมา เป็นเด็กอ้วนที่โดนบูลลี่ เราก็เลยปฏิวัติตัวเองตั้งแต่ ม.1 ลดความอ้วน ใครที่บูลลี่เรา เราจะบวกให้หมด คือผมเป็นคนที่ค่อนข้างกดดันในวัยเด็ก เรียกว่าปรับเปลี่ยนตัวเอง เปลี่ยนความคิด พอตอน 20 กว่ามาก็เป็นคนร้อนและอารมณ์รุนแรง บีมสมาธิสั้นตั้งแต่เด็กต้องกินยา ที่เรียกว่าอารมณ์มันปรี๊ดมากแล้วหยุดไม่ได้ แล้วไม่รู้ตัวเวลาทำลายล้างไปแล้ว กลับมาแล้วรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หรือว่ารู้สึกแบบแย่
คือตรงนั้นพอทานยาไปเรื่อย ๆ ปุ๊บ แล้วด้วยอารมณ์ที่มันมากมาย พอเจอ ชาช่าเขาพยายามอดทน แล้วช่วยพยายามกดให้เรา ทำให้เราเห็นว่าบางทีถก ๆ อย่างที่เรามีประสบการณ์ชีวิตไม่ดีมาเป็นข่าวหน้า 1 อะไรก็ตาม ทำไมต้องรอให้เป็นเรื่องก่อน ทำไมพอใกล้ ๆ แล้วไม่มีคนคนนั้นคอยเตือน เขาก็เลยเป็นคนคนนั้นคอยเตือนตลอด ทำให้ผมรู้สึกว่าที่ผมเป็นอย่างนี้ได้ก็เพราะภรรยาในการเตือน วัยวุฒิที่มีขึ้นมา เมื่อกี้บูมบอกเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผมเคยด่าบูมไว้ ผมรู้สึกสะอึก
บูม : ด่าแบบออนแอร์ไม่ได้เลยนะ
บีม : ผมเลยรู้สึกสะอึกในสิ่งที่พูดกับน้องไป ผมไม่เคยคิดถึงอีกคนเลยว่าเขาจะรู้สึกยังไง ผมเป็นอย่างนี้มาตลอดสิบ ๆ ปี จน 5-6 ปีมานี้ ผมเปลี่ยนตัวเอง ด้วยคำพูด คิดถึงคนอื่น แคร์ริ่งมากขึ้น ผมก็รู้สึกดี ต้องบอกตรง ๆ ว่ารู้จักสายเขียวทำให้ผมใจเย็นลง อันนี้ไม่ได้รณรงค์ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ว่าพอผมเข้ามาพึ่งสายเขียวผมรู้สึกว่าในสิ่งที่ผมฟุ่งซ่านเร็วเกินไป ผมจัดการมันได้
ชีวิตพี่บีม เป็นนักเรียนนอก ไฮโซบีม อะไรเป็นจุดพลิกที่เป็นบีมพลังใบ ?
บีม : บีมคิดได้ตอนโควิด 2 ปี ทั้งงานทั้งอะไร ชีวิตเปลี่ยน แล้วบีมพยายามเสพอะไรที่เป็นออนไลน์ เรามองว่าบางคนประสบการณ์ชีวิตน้อยกว่าเราด้วยซ้ำ แต่เขาพรีเซ็นต์น่าดูจัง คือโลกดารา บางทีดาราหรือนักแสดง คิดว่าพวกครีเอเตอร์ พวกยูทูบเบอร์ขึ้นมาเร็วจัง คืองานจ้าง ทั้งเงิน ทั้งรายรับเยอะกว่าเรา พอเราคิดแบบนั้น เราคิดมุมเดียวว่าฉันต้องดีกว่ามันไม่ได้
ผมเลยคิดในแง่มุมของครีเอเตอร์ ลองเอาหัวเราไปเป็นคนอื่น ถอยหลังมา 2 ก้าว ดูตัวเอง มึงเป็นดาราอยู่อย่างนั้น ก็อยู่อย่างนั้นไป แล้วมันไม่ใช่ตัวเองแบบร้อย ไปไหนมาไหนต้องมีหน้ากาก ต้องเกรงใจคนนู้นคนนี้ ต้องเลียผู้จัด เยอะ เบื่อ เหนื่อย ผมก็แค่ขอเป็นตัวเองวันนี้ ไม่ได้อยากเป็นตัวเองวัย 60 ผมขอเป็นตัวเองในวันนี้ที่ไม่ได้เดือดร้อนใคร มีกาลเทศะ ผมอยากเป็นอย่างนี้
เคยมีโมเมนต์ไหนไหมที่พี่รู้สึกอึดอัดสุด ๆ ในช่วงเวลาที่ยังไม่ได้เป็นครีเอเตอร์ ?
บีม : ไมว่าผมจะไปไหนก็ตาม ผมจะเป็นตัวผมอย่างนี้อยู่แล้ว ใครจะถ่ายรูปหรืออะไรก็ได้เลย หรือใครมารำมากก็ด่าเข้าใจไหมมึงปกติถ่ายกับพระเอก วันนี้มึงเป็นบ้าอะไร กูอยู่ในกระแสเหรอ คือก็พูดกับเขาตรง ๆ ไง คือปกติเดินสายหัวมันไม่เคยถ่ายผมเลย คือพูดตรง ๆ ถ้าเขาเอาไปครีเอตผมก็ยินดี ถ้าใครชอบผมจริง ๆ ต่อให้อัดวิดีโอ 10 นาที ผมก็ทำให้ แต่ถ้าเพื่อกระแสไม่ได้ชอบกันจริงผมก็เฉย ๆ
ผมพยายามเฟรนด์ลี่ ผมพยายามทำสหายพลังใบ พรรคพลังใบ ใส่เสื้อ คือผมอยากรณรงค์ให้สไตล์นี้ไปไหน มาไหนช่วยเหลือกัน สายโจรช่วยเหลือกันได้ ผมดีใจมาก fc ผมใส่เสื้อด้วยกัน เห็นกันที่บุรีรัมย์ รถพังช่วยกัน ไม่รู้จักกันด้วย คือมันเป็นน้ำใจ ผมอยากสร้างสังคมพลังใบขึ้นมา ที่หลายคนเห็นปั่น ๆ ว่าพรรคพลังใบ แต่มันกลับคิดดี ทำดี แล้วคนคอเดียวกันมารวมกัน แล้วมันจะเกิดพลัง
จากดาราที่ต้องอยู่ในกรอบ สุดท้ายเรามาเป็นตัวของตัวเอง 100% ความแตกต่างของความรู้สึกมันเป็นยังไงบ้าง ?
บีม : ตื่นมาทุกวันผมมีความสุข ผมจะทำอะไร ผมมีความสุขที่จะทำคอนเทนต์ ผมไปไหนมาไหน ผมแฮปปี้ไม่ต้องมานั่งปั้นหน้ากับใคร ดีมาดีตอบ เลวมาเลวตอบ มีความสุขมาก ๆ และส่วนใหญ่ทุกคนก็ดีมาก ๆ คนไทยยิ้มง่าย ถ้าเรามีมารยาท ขอแค่เรายิ้มให้กัน หรือว่าทำคลิปให้มันมีความสุขซึ่งกันและกันมันก็แฮปปี้แล้ว
สมัยก่อนมีอยู่หนึ่งจุดที่พี่บีมเสียใจมากกับการเป็น บีม ศรัณยู คืออะไร ?
บีม : เหมือนคิดน้อย มันก็เป็นตัวเรานี่แหละ แต่ว่าเราพรีเซ็นต์ สมมติ 10 ปีที่แล้วเราเป็นแบบนี้ ในสังคมก็รับไม่ได้ในการที่เราโอเพ่นมาก ๆ อย่างนี้ เราก็จะดูแบบรุนแรงมาก ๆ ตอนนี้มันถึงเวลาแล้ว แล้วด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง ผมพยายามปรับเปลี่ยนให้คนเข้าใจเรา สไตล์ของผมเนี่ยว่าผมไม่ได้เป็นตัวอันตรายของสังคมนะ แต่ผมคาแรกเตอร์แบบนี้ แต่ผมอยากจะรณรงค์หรือทำพวกกิจกรรมหรืออะไรก็ตามให้เป็นจิตอาสาแล้วเป็นผลบวกในอนาคต
สมัยก่อนเขาแบดบอยแค่หน้าตา แต่พอหลังจากเป็นครีเอเตอร์มันก็มีเทรนด์ทวิตเตอร์ดราม่าเดือด มีแฮชแท็ก #บีมศรัณยูขับรถประมาท และอีกหลายอย่างในช่วงนั้น พี่บีมทำยังไง ?
บีม : เพราะผมเป็นคนประมาทแล้วเมียก็ด่าทุกวันเลยว่าเนี่ยในสิ่งที่ทำไป รู้อยู่แล้วจะทำทำไม คือเราคิดไม่ถึง เห็นตอนเช้าเราใช้เข่าแตะ เราคิดเองไม่ได้ เราต้องคิดถึงคนอื่นด้วยที่ใช้รถ ใช้ถนน
เราคิดว่าเราโอเค เราไหว ?
บีม : ใช่ แต่คนอื่นจะรู้ได้ไงว่ามึงโอเคหรือเปล่า อย่าพูดอะไรเพื่อตอบเหตุผลของตัวเอง คือต้องคิดให้กว้างและคิดถึงคนอื่นด้วย ตรงนี้ผมได้รับการอบรมมา แล้วก็ปรับเปลี่ยน
อันนั้นคือยอมรับ ว่าไม่โอเค ?
บีม : ยอมรับเพราะผมประมาทจริง ผมก็โดนด่าไปแล้ว แล้วผมก็ไปจ่ายค่าปรับ ผมคิดว่าผมยอมรับแล้วผมขอโทษแล้วผมเริ่มใหม่เป็นคนที่ดีขึ้น ผมว่ามันเป็นประโยชน์ต่อตัวเอง มันไม่ได้น่าอายหรือเสียศักดิ์ศรีเลยในสิ่งที่ผมคิดตรงนี้แล้วผมอยากให้รู้ว่าในทุกคอนเทนต์ที่บีมทำ ตอนนั้นก็จะดูรุนแรงหน่อย บ้าเอ๊ย มันดีดอะไรมา คืออันนั้นมันคือคอนเทนต์ เพราะเราเป็นคนพลังเยอะ แต่ว่าทุก ๆ คอนเทนต์ทุกวันนี้ วิดีโอหรือภาพหรืออะไรที่บีมปั่น บีมอยากให้มันเกิดรอยยิ้ม ความสนุก แล้วก็เด็กดูแล้วไม่เสื่อมเสียอารมณ์ดีได้ แล้วผู้ใหญ่ก็ดูดี บีมอยากปรับฐานให้มันกว้างขึ้น
ณ ปัจจุบัน ความเสี่ยงตาย ความที่ประมาทหรืออะไรก็ตามเคยทำแล้ว แล้วรู้ว่ามันไม่ดี มันพลาดไปแล้ว หลังจากนี้ก็จะไม่มีแล้ว ?
บีม : ทุกวันนี้ก็ทำ แต่ทำในที่ปิด
ตอนที่มีกระแสว่าพี่บีมเมายา มันคือยังไง ?
บีม : เราเป็นคนพูดอะไรตรง ๆ ไปเลย เวลาเราโกรธหรือเวลาเราอยากขอโทษ เราอยากแสดงความบริสุทธิ์ใจที่เรารู้สึกเราโง่ทำไปแล้ว เราก็ตบหน้าตัวเอง เราก็ไม่ได้อยากแสดงความรุนแรง เมียก็บอกว่าทำอย่างนี้ไป คนจะคิดว่าเป็นโรคจิตนะ แต่จริง ๆ ผมก็จิต ๆ นิดหนึ่ง ผมพยายามคอนโทรล ผมเป็นคนอารมณ์ร้อน ผมก็พยายามคอนโทรล เพราะผมรู้ว่าผมไม่ปกติ แต่ทุกวันนี้เวลาโกรธก็สวดมนต์ พยายามระงับ
ตอนนั้นเราเข้าใจที่คนมาว่าเราเมายา ?
บีม : คือถ้าคนรู้จักบีมตั้งแต่เด็ก คือเราไม่ได้สายสารเคมี เราเป็นสายธรรมชาติ แล้วเป็นคนแคร์เรื่องสุขภาพ ก็บอกว่ามันดีดธรรมชาติมันมาจากอะดรีนาลิน ของบีม บีมชอบท็อปสปีต ขับอะไรเร็ว ๆ หรือว่ารู้สึกเสี่ยงตายแล้วมันมีความสุขแล้วมันนอนหลับ อะดรีนาลิน มันเหมือนสารเสพติดเลย แต่มันอยู่ในร่างกายเรา ความเร็ว 300 ที่อยู่ในสนาม มันฟินมันเหมือนเด็กอีกครั้ง ผมเป็นคนเสพติดอะดรีนาลิน อันนี้เรื่องจริง
ปกติพี่ช่าจะไม่ออกสื่อเลย แต่พี่ช่าออกมาโพสต์ถึงการกระทำของพี่บีม ณ ตอนนั้น เขาไม่ไหว ?
บีม : ต้องบอกว่าช่ากับบีมเป็นคนละขั้วมาก ๆ เขาเป็นคนที่ค่อนข้างแคร์ความรู้สึกคนข้าง ๆ มากกว่าตัวเอง ทำให้เขาเป็นทุกข์ด้วยซ้ำ เราก็เลยบอกเขา ที่เขาโพสต์ประมาณว่าเขาไม่เคยสนับสนุนบีมเรื่องพวกนี้ แต่ไม่ว่าทุกอย่างทั้งความเร็วหรืออะไรก็ตามเขาไม่อยากมาห้ามผมในสิ่งที่เป็น แต่อะไรที่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับสังคม ถ้าไม่ได้อยู่ในที่ปิดจะทำอย่างนั้นทำไม เขาก็เตือนตลอด แล้วเขาไม่เคยซัพพอร์ตในเรื่องที่ไม่ดี
ตรงนี้เรานั่งคุยตลอด คุยกันแบบผู้ใหญ่ คุยแบบเหมือนเขาอบรมผมด้วย เพราะผมเป็นคนที่คุณพ่อ คุณแม่พูดอะไรไม่ค่อยฟัง เพราะเด็ก ๆ อยากทำอะไรแล้ว พ่อแม่จะไม่ก่อนพอไม่เรื่อย ๆ งั้นกูคิดเองทำเองทุกอย่าง ก็เลยไม่ปรึกษาใคร จนมันเลยป้ายไปเรื่อย ๆ ก็ดีที่มีภรรยาคอยพูดถึงเรื่องความคิด เลรกทุกอย่างไว้ก่อน อาจจะต้องทะเลาะกัน เขาบอกเขายอมโดนทะเลาะ ดีกว่าเราโดนสังคมด่า
แต่งงานมา 5 ปี คุณเลี่ยงการมีลูกมาตลอดเลย จริงเหรอ ?
บีม : เราก็ปกติ แต่ทีนี้มันยังไม่พร้อม คนชอบบอกว่ามีไปเถอะเดี๋ยวก็พร้อม มันไม่ได้ ผมกับภรรยาเราคุยกัน อยากทำทุกอย่างให้มันดี อยากให้พร้อมทุกอย่างก่อน ทั้งชีวิตส่วนตัว ที่ทางหรืออะไรก็ตามอยากให้มีแล้วมันดีไปเลย ไม่อยากให้มีปัญหาอะไรให้เป็นภาระ เป็นความเครียดของลูกและเมีย มีเมื่อพร้อมแล้วมันจะมีความสุข
ตอนนี้พร้อมหรือยัง ?
บีม : ใกล้แล้วครับ ผมว่าผมอยากจะมี คุยกับภรรยาไว้ว่าปีหน้า ผมตั้งใจ ไม่งั้นมันก็จะดีเลย์ไปเรื่อย ๆ ด้วยอายุเราทั้งสองคน แล้วภรรยาผมผมเชื่อว่าเขาเป็นแม่ที่ดี เขาเป็นคนที่ละเอียดอ่อน ใช้ความคิดกับทุกอย่าง ใช้เหตุและผล ไม่เคยใช้อารมณ์นำเลย ผมเชื่อใจเขาตรงนั้น
ฝากไข่หรือยัง ?
บีม : บีมไปตรวจ เขาบอกบีมมีปัญหาเอง น้ำเชื้อบีมไม่ได้ไปข้างหน้า 100 % มันวิ่งวน 70% เรื่องของรังไข่ สเปิร์มเราไม่มีปัญหาอะไร เรื่องของจำนวน แต่ว่าในเรื่องของการวิ่งไปถึงไข่มันยากนิดหนึ่ง
แพลนอยากมีกี่คน ?
บีม : 1 คน หรือไม่ก็แฝด เราอยากจะทำมันให้ดีที่สุด
ตอนแรก ๆ ที่ไม่พร้อม เพราะพี่ช่าคิดว่าจะมีลูก 2 คน คือบีม 1 แล้วลูกอีก 1 ?
บีม : ไม่ใช่เลย ทุกอย่างคืออะไรรู้ไหม บีมเป็นคนอารมณ์ร้อน พูดอะไรไม่คิด นู้นนี่นั่น เขาถึงไม่อยากให้บีมมีด้วยความพร้อม เพราะว่ามีลูกแล้วเราจะเป็นคนอย่างนั้นไม่ได้ เราต้องเป็นคนที่นิ่งพอในความเป็นหัวหน้าครอบครัว และความเป็นพ่อที่ดี ต้องมีสติหลายทางในการตัดสินใจ ไม่ใช่ตัดสินใจปุ๊บทำมันไม่ได้กับการเป็นหัวหน้าครอบครัวและการเป็นพ่อคน
เขาได้ฉายา ไอดอลทรงโจร แต่โดนใจ บีมพลังใบ รู้สึกยังไงกับฉายานี้ ?
บีม : รู้สึกว่าดีใจนะครับ มันมีแบบทรงโจรแต่โดนใจ ต้องบอกว่าทรงนี้สามารถทำดีได้ หลาย ๆ คนในสังคมก็ทรงนี้เรียกว่าขึ้นจากดินสักทีนะครับผม