กลายเป็นที่จับตามองขึ้นมาทันที สำหรับพระเอกหนุ่ม ไบร์ท วชิรวิชญ์ จากที่มีการเปิดเผยว่าเจ้าตัวนั้นรู้จักกับ อภิรักษ์ โกฎธิ CEO ของ Forex-3D ก่อนจะมีการเผยเพิ่มเติมว่าเจ้าตัวนั้นได้ร่วมลงทุนด้วย เป็นเงินหลายแสนบาท และมีดาวน์ไลน์จำนวนหนึ่ง
ล่าสุด (30 กันยายน 2565) ไบร์ท วชิรวิชญ์ ก็ออกมาชี้แจงถึงเรื่องดังกล่าวผ่านช่วง เรื่องนี้ต้องถึงบอย ในรายการ วันบันเทิง ทางช่องวัน 31 โดยเผยถึงจุดเริ่มต้นที่รู้จักกับ อภิรักษ์ โกฎธิ CEO ของ Forex-3D ว่า ตอนอายุ 15 ปี รู้จักกับ นิคโก้ ทำรายการด้วยกัน บางวันที่ต้องกลับบ้านดึกก็เลยขอไปนอนบ้านพี่นิคโก้ ซึ่งพี่นิคโก้อาศัยอยู่กับ อภิรักษ์ ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นให้รู้จักกัน
เรื่องความสัมพันธ์กับ อภิรักษ์ นั้น ณ วันนี้คือไม่ได้ติดต่อ ไม่ได้เจอกันหลายปีมาก ๆ แล้ว ตั้งแต่มีเรื่องนี้ขึ้นมาเขาก็หายจากวงสังคมเพื่อน ๆ ติดต่อไม่ได้เลย และเรื่องคลิปร้องเพลงด้วยกันที่มีการปล่อยออกมาก็คือวันแรกที่ไปนอนบ้านของพี่นิคเลย
ส่วนจุดเริ่มต้นที่มาลงทุนมาจากตอนนั้นทุกคนรอบตัวลงทุนตรงนี้ เห็นเป็นปี ๆ ว่ามันได้ เราก็รู้สึกว่ามันน่าจะโอเค น่าจะเชื่อถือได้ เงินก้อนแรกที่เอามาลงทุน ผมขอแม่มา 5 หมื่นบาท ในวันแรกมันได้จริง ๆ ได้มาเรื่อย ๆ งานทุกชิ้นที่ทำรายได้ต่าง ๆ ก็พยายามจะเก็บและลงกลับคืนไปหมด เพราะในตอนนั้นรู้สึกว่านี่แหละคือการลงทุน คิดว่าคือการออมเพื่ออนาคตด้วยซ้ำ ตอนนั้นเชื่อมากถึงขนาดบอกแม่ เอาเงินประกันมาลงเลย เชื่อในเบอร์นั้นเลย เรียกว่าเงินนั้นเป็นเงินทั้งชีวิตของครอบครัวเลย คือเงินก้อนใหญ่ที่บ้านมี และเราก็เสียไปกับตรงนั้นทั้งหมด เป็นเงิน 775,000 บาท
หนุ่มไบร์ท ยอมรับว่าตอนช่วงที่ Forex-3D มีปัญหา ในช่วงแรก ๆ ก็ยังติดต่อเขาได้ แต่เขาก็จะพูดให้เรามั่นใจตลอดว่ามันยังอยู่ในกระบวนการ เขาจะมีเหตุผลของเขา เราก็เชื่อสนิทใจ เพราะเขาคือพี่ที่เรารู้จักตั้งแต่เด็กอายุ 15-16 เหมือนเราอยู่ใกล้ เรายิ่งไม่เห็นความจริง
และตัวเองก็น่าจะรู้ช้ามาก ๆ ว่าโดนหลอก เพราะด้วยความที่เราอยู่ใกล้ คนอื่นมองเข้ามาอาจจะเห็นภาพรวมความจริงว่ามันคือการหลอกหลวง คือการฉ้อโกง แต่สำหรับเราแค่รู้สึกว่าเขาน่าจะมีปัญหาและจัดการได้ กว่าจะรู้จริง ๆ คิดว่าคนอื่นน่าจะรู้กันหมดแล้ว คือเราเห็น แต่เราไม่เชื่อ
ถามว่าเป็นบทเรียนของการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนเร็วไหม ส่วนตัวมองว่ามันคือความโลภ รู้สึกว่าวันนั้นมันคือความโลภที่มันบังตา ถ้ามองดี ๆ เราจะเห็นว่าไม่มีอะไรที่จะลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนเร็วขนาดนั้น
สำหรับเรื่องการลูกข่าย ถามว่ามีชักชวนใครหรือไม่ พระเอกดังก็ชี้แจงว่า เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องภายในเลย ถ้าเอาจริง ๆ ส่วนตัวรู้สึกว่าผมก็คือเหยื่อ ที่มาลงกับเขาตรงนี้ ถามว่าชักชวนใครไหม มันไม่ได้มีการชักชวนเกิดขึ้นเลย คนที่มาเล่นส่วนใหญ่ก็เป็นคนใกล้ตัว เป็นคนที่รักทั้งนั้นก็คือ แม่ เพื่อนสนิท และถ้าทราบว่ามันคือการฉ้อโกง ถ้ารู้ว่ามันคือการหลอกลวง เราไม่มีทางปล่อยให้คนที่เรารัก แม่ มาเสียหายตรงนี้ด้วย ถ้าเรารู้ก็คงเอาเงินออกมาหมดแล้ว ไม่มาทิ้งไว้จนเงินทั้งครอบครัวเสียหายแบบนี้
และที่วันนั้นไม่ตัดสินใจฟ้องร้องหรือแจ้งความ เพราะมันคือการตัดสินใจของเราเอง มันคือการพลาด ไม่ได้อยากจะไปกล่าวโทษใครเลย คือไม่ได้มีใครชักชวน เราเห็นเขาทำแล้วมันได้ เราก็พุ่งไปเอง ไม่ได้อยากกล่าวโทษใคร แต่ ณ วันนี้ พูดเลยว่าถ้าเกิดว่าทางเจ้าหน้าที่ DSI ขอความร่วมมือให้ข้อมูล ไปเป็นพยานก็พร้อมให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เลย ติดต่อมาได้เลย
ขอบคุณข้อมูลจาก วันบันเทิง