แม้ว่าภารกิจของหนุ่ม โตโน่ ภาคิน ในการว่ายข้ามแม่น้ำโขงโครงการ One Man and The River หนึ่งคนว่ายหลายคนให้ จะเสร็จสิ้นไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างต่อเนื่อง ทั้งจากคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย คนนอกวงการและในวงการบันเทิง จนกระทั่งกลายเป็นดราม่าตอบโต้ไป-มา ทั้งฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์ และฝ่ายที่ชื่นชมให้กำลังใจ
ล่าสุด (23 ตุลาคม 2565) พันเอก วันชนะ สวัสดี หรือ "ผู้พันเบิร์ด" นายทหารผู้มีผลงานในวงการบันเทิงมากมาย ก็ได้ออกมาให้กำลังใจโตโน่ พร้อมแสดงความคิดเห็นเป็นบทสรุปเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น ดังนี้...
"บทสรุป โตโน่ ในความคิดผม เมื่อเห็นโครงการ หนึ่งคนว่าย หลายคนให้ ที่โตโน่ น้องที่ได้ร่วมงานกันในวงการบันเทิง ทำให้ผมนึกถึง พระมหาชนก ที่ในหลวง ร.9 พระราชนิพนธ์ ไว้ ด้วยทรงสนพระราชหฤทัย จึงทรงค้นเรื่องพระมหาชนกในพระไตรปิฎกและทรงแปลเป็นภาษาอังกฤษตรงจากมหาชนกชาดก ตั้งแต่ต้นเรื่อง โดยทรงดัดแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น นอกจากนี้ ยังทรงแปลเป็นภาษาสันสกฤตประกอบอีกภาษา
พระมหาชนก บอกเล่าถึงความเพียร พยายาม เหมือนดังที่โตโน่ได้แสดงให้เห็น แต่ในครั้งนี้ที่สำคัญกว่าความเพียรที่แสดงออกทางกายนั้นก็คือ ความเพียรทางใจ ที่โตโน่ต้องเจอกับเรื่องราวมากมายที่บั่นทอนจิตใจ แต่ก็เห็นได้ชัดว่า น้องผ่านมันมาได้แล้ว บทพิสูจน์นี้สอนเราทุกคนได้ดีในความเพียรทางใจที่ทุกวันนี้ทุกคนต้องเจอกับบทพิสูจน์นี้ด้วย เพราะสังคมที่เป็นแบบปัจจุบัน ที่เมื่อเห็นใครทำอะไรไม่ถูกใจก็จะวิพากษ์วิจารณ์กันจนเสียหายทั้งที่ไม่เกี่ยวอะไรกับตัวเองเลย
การทำกุศลกรรมของน้องในวันนี้ก็มีคนวิจารณ์ในทางลบมากอยู่ จะว่าไปเขาเหล่านั้นวิจารณ์ด้วยความอิจฉาริษยา นั่นก็อาจจะไม่ถูกนัก เพราะการอิจฉาริษยานั้นคือเห็นคนอื่นทำได้ดีกว่าที่ตนทำ แต่เขาเหล่านั้นไม่เคยทำกุศลกรรมเลยจึงว่าเขาอิจฉาก็ไม่ได้ อาจจะเข้าข่ายมือไม่พายเอาเท้าราน้ำซะมากกว่า
การพิสูจน์ของน้องครั้งนี้ยังจะเป็นแบบอย่างในการทำความดี แบบอย่างในการเอาชนะคำนินทาด้วยความเพียรดั่งพระมหาชนก จึงขออัญเชิญพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เรื่องการทำความดี ความว่า
การทำความดีนั้น โดยมากเป็นการเดินทวนกระแสความพอใจ
และความต้องการของมนุษย์ จึงทำได้ยาก และเห็นผลช้า
แต่ก็จำเป็นต้องทำ เพราะหาไม่ ความชั่ว ซึ่งทำได้ง่ายจะเข้ามาแทนที่
แล้วจะพอกพูนขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่ทันรู้สึกตัว