แจ็คสัน หวัง : สบายดีไหม (พูดไทย)
เราไม่ได้เจอกันมาสักพักแล้วประมาณ 3 - 4 เดือน เป็นยังไงบ้าง ?
แจ็คสัน หวัง : โอเคครับ สบายดีครับ
มีเรื่องอะไรน่าตื่นเต้นไหม ?
แจ็คสัน หวัง : กำลังเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตครับ เวิลด์ทัวร์
รู้สึกยังไงกับพลังที่ส่งมาจากผู้ชมในวันนี้ ?
แจ็คสัน หวัง : ผมชอบครับ ผมชอบมาก
ครั้งก่อนที่คุณมารายการ WOODY FM คุณบอกว่าเราน่าจะคุยกันมากกว่านี้ ลองพูดให้ฟังมากกว่านี้หน่อยถึงเรื่องที่ค้างกันไว้ ?
แจ็คสัน หวัง : ใช่ครับ ที่จริงแล้วผมรู้สึกว่าโดยเฉพาะในปีนี้ ผมสามารถแสดงความรู้สึกและตัวตน ของผมได้มากกว่าเดิม และแม้แต่กับผู้ชมของผม ผู้คนรอบตัวที่ได้รู้จักผม อาจจะรู้จักผ่านงานเพลง ผ่านวง GOT7 ผ่านรายการวาไรตี้ต่าง ๆ ไม่ว่าคุณจะรู้จักผมยังไงก็ตาม แต่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปีนี้ ในช่วงที่ทำอัลบั้มนี้ อยากให้ผู้ชมรู้จักผมมากขึ้น เข้าใจผม เพราะเวลาที่คุณสนับสนุนอะไรบางอย่าง บางคน คุณคงอยากจะรู้ว่าต้องทำตัวยังไงกับคนแบบไหน และเขาหรือเธอเป็นยังไง ผมเลยอยากจะซื่อสัตย์กับผู้ชมของผม เพราะฉะนั้นในปีนี้ โดยเฉพาะการสัมภาษณ์ครั้งแรกของเรา ผมถึงรู้สึกดีใจมากที่ผมได้เปิดใจและพูดถึงตัวตนจริง ๆ
ตั้งแต่เราคุยกัน ได้คุยถึงปัญหามากมายที่คุณพบเจอและผ่านอะไรมามากมาย ตอนนี้สภาพจิตใจของ แจ็คสัน หวัง เป็นยังไงบ้างครับ ?
แจ็คสัน หวัง : พูดตรง ๆ ว่าโดดเดี่ยวมาก ๆ ครับ ผมอาจมีผู้คนรายล้อมมากมาย ทั้งเพื่อน ๆ ครอบครัว
ไม่ว่าจะเป็นที่ทำงาน แน่นอนว่าพวกเขามีความรักให้ผม แต่ลึก ๆ แล้วผมรู้ว่าจิตใจ จิตวิญญาณของผมมันโดดเดี่ยว ผมไม่มีที่ให้พึ่งพิงทางใจและมันเป็นแบบนี้มาสักพักแล้ว และผมกำลังฟื้นฟูจิตใจจากเรื่องนี้อยู่
เคยมีตอนที่คุณหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแต่ไม่รู้จะโทร. หาใครบ้างไหม ?
แจ็คสัน หวัง : พูดจริง ๆ ผมไม่รู้ว่าจะโทร. หาใครเลย อย่างพ่อแม่ผมเราทำงานด้วยกัน เรื่องการเงินหรืออะไรก็ตามก็มีส่วนร่วมกับงานที่บริษัทด้วย แล้วผมก็มีเพื่อน ๆ ที่ทำธุรกิจด้วยกัน และผมรู้สึกเหมือนว่าผมเป็นฝ่ายให้ตลอด ลึก ๆ แล้วผมไม่รู้สึกว่าผมได้รับ หลาย ๆ ครั้งผมไม่มีใครที่จะให้ผูกพันกันทางใจด้วยและผมก็รู้ว่า คนมักพูดว่า....รู้อะไรไหมในวงการนี้ วงการบันเทิง ธุรกิจบันเทิงหรืออะไรก็แล้วแต่คุณจะโดดเดี่ยวขึ้นเรื่อย ๆ มันเป็นวิถีของวงการนี้ และคิดว่าผมกำลังเผชิญกับสิ่งนี้อยู่
ดีขึ้นบ้างไหมเมื่อเทียบกับ 2 ปีที่แล้ว ?
แจ็คสัน หวัง : ก็ดีขึ้นนะครับ ในจุดที่ผมได้เปิดใจที่จะพูดถึงมันมากขึ้น ในมุมมองนั้น มันก็ดีขึ้น
มองย้อนไปอย่างผมเอง 2-3 ปีก่อนทั้งซึมเศร้าและวิตกกังวลทุกอย่างถาโถมมาพร้อมกันแล้วคุณล่ะ ? เพราะตอนนั้นเราไม่ได้ออกอากาศเรื่องนี้ คุณเป็นยังไง ?
แจ็คสัน หวัง : ใช่ ผมคิดว่าก่อนอัลบั้ม Magic Man ในตอนนั้นผมกำลังเผชิญกับเรื่องนี้อยู่ และผมรู้สึกราวกับว่าอยู่ในห้องมืด ๆ วิ่งวนอยู่ในห้องที่มืดสนิทแล้วก็ชนกับทุกสิ่งทุกอย่างรู้สึกแบบนั้น แต่ตอนนี้มันก็ยังเป็นเหมือนเดิมนะ ผมยังเผชิญกับความรู้สึกแบบเดิม แต่ผมรู้แล้วว่ามันคืออะไร มันชัดเจนขึ้นว่าผมกำลังเผชิญกับอะไร รู้ตัวมากขึ้น แต่ก่อนหน้านี้ผมอยู่ในจุดลึกที่สุด จุดต่ำที่สุดของชีวิตทางด้านจิตใจ ผมอยากหนี ไม่อยากเผชิญหน้ากับมัน เพราะผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร รู้สึกเหมือนสูญเสียทุกอย่างไปหมด
ตอนนั้นคุณรู้ไหมว่าสิ่งที่เป็นอยู่มันไม่ดีสำหรับคุณ ?
แจ็คสัน หวัง : แน่นอนผมรู้ครับ ผมเลยตัดสินใจที่จะแสดงด้านที่ไม่สมบูรณ์แบบของผมออกมา และผมก็รู้สึกว่าไม่เห็นเป็นไรเลยที่จะบอกคนอื่น ๆ เพราะผมจริงใจ และผมไม่ได้สมบูรณ์แบบ คิดว่าแค่ต้องยอมรับมันให้ได้และเริ่มที่จะเปิดเผยตัวตน พูดคุยและติดต่อกับผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะก่อนหน้านั้นผมไม่ได้เป็นแบบนี้เลย เมื่อก่อนผมเอาแต่ทำงาน ๆ และพูดตรงไปตรงมา คิดว่าก่อนหน้านี้เหมือนกับผมแคร์มากเกินไป ที่ต้องพยายามทำให้คนที่อยู่รอบตัวผมพอใจ แต่ตอนนี้คิดได้ว่า อ้าว ! แล้วตัวผมเองล่ะ นี่มันอาชีพของผม เส้นทางของผม จะไปคาดหวังให้พวกเขามีความฝันแบบเดียวกับผมไม่ได้ เพราะนี่มันฝันของผมไม่ใช่ฝันของพวกเขา พวกเขาก็มีฝันของตัวเองอยู่ เรื่องนี้มันเข้ามาในหัวของผม เลยคิดว่าผมต้องเป็นผู้นำในโลกของผม เป้าหมายของผมและความฝันของผมเอง
คุณมีเรื่องอะไรในใจที่คิดว่าเรายังไม่เคยคุยกันและอยากคุยในวันนี้ไหม ?
แจ็คสัน หวัง : ผมอยากให้ผู้ชมของผมและคนที่สนับสนุนรู้ว่า ผู้เป็นผู้สร้างความบันเทิง เป็นศิลปินนักแสดง ทั้งหมดที่ผมอยากจะทำคือมอบความบันเทิงในทุก ๆ ด้านให้แก่พวกเขา ผมเคยพูดเรื่องนี้เป็นล้านครั้งแล้ว เพราะผมรู้สึกจริง ๆ ว่า ชื่อเสียงความโด่งดังทั้งหลายมันก็เหมือนกับฟองสบู่ มันไม่ได้ยั่งยืนตลอดไป เพราะผมรู้สึกว่าในระยะเวลาจำกัดที่ผมมี ผมอยากให้ทุกคนยิ้มได้ ทำให้พวกเขาได้รับความบันเทิงผ่านดนตรีของผม ผ่านการแสดงหรืออะไรก็ตามจากผม ต้องการแค่นั้นเอง และอยากให้พวกเขาในเส้นทางอาชีพของพวกเขา กลายเป็นใครสักคนที่จะภาคภูมิใจในตัวเองได้ ผมแค่เป็นศิลปินคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาและจะจากไปได้ในทุกเมื่อ เพราะฉะนั้นช่วงเวลาที่ผมมีตอนนี้อยากให้พวกเขารู้ไว้และเข้าใจมันจริง ๆ ผมเคยพูดเรื่องนี้บ่อย แต่ผมไม่รู้ว่าพวกเขาเข้าใจจริง ๆ หรือไม่
ดูเหมือนว่าคุณกำลังวางแผนจะออกจากวงการเลย คุณวางแผนจะวางมือหรือเปล่า ?
แจ็คสัน หวัง : ไม่รู้สิ ที่จริงผมเคยคิดว่าจะแต่งงานก่อนอายุ 35 นะ แต่ผมไม่รู้หรอกว่าเมื่อไหร่ ผมไม่คิดว่าผมจะออกจากวงการหรอก มันก็แค่วันหนึ่งผมอาจจะมีภรรยาในอนาคต และคิดว่ามันคงเป็นเรื่องของการให้ความสำคัญกับครอบครัวมาเป็นอันดับ 1 ก็เท่านั้นเอง
เราคุยกันเรื่องความรักได้ไหม ?
แจ็คสัน หวัง : ได้แน่นอน เรื่องความรัก คนถามผมเรื่องนี้เยอะนะ และผมก็เปิดใจที่จะพูดเรื่องนี้ด้วยจริง ๆ ผมอยากเดตนะ แต่แค่ในความคิดของผมมันยังไม่พร้อม
ตอนนี้คุณคบใครอยู่หรือเปล่า มีคนเข้าหาคุณไหม คุณได้ชวนใครออกเดตไหม ?
แจ็คสัน หวัง : เปล่าครับ ไม่มี ๆ มันมักจะเป็นแบบนี้นะ อาจจะผ่านการทำงานหรือในประเทศต่าง ๆ ผมอาจจะพูดได้ว่า ผู้หญิงคนนี้สวยมาก แต่พอเราเริ่มคุยกัน เป็นไงบ้าง สบายดีไหม ทักทาย แล้วพอผ่านไป 2 นาที ผมก็ไปละ จบแค่นั้น มันมักจะเป็นแค่การพูดคุยสั้น ๆ เกินกว่าจะต่อกันติด แล้วก็แบบว่าไง อาทิตย์หน้ามีแผนอะไรไหม ? ผมก็จะบอกว่า อ๋อ ! ผมบินกลับพรุ่งนี้แล้ว บายครับ มันเป็นแบบนั้น พูดตรง ๆ ว่ามันยากที่จะสร้างความสัมพันธ์
ครั้งสุดท้ายที่คุณมีความสัมพันธ์เมื่อไหร่ ?
แจ็คสัน หวัง : ผมว่าปีครึ่งแล้ว แต่รู้ไหมมันมีมาตรฐานของ ความสัมพันธ์อยู่นะ มันมีทั้งแบบลงลึกและไม่ลึก มันแค่แบบว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย เพราะงั้นมันเลยออกจะเป็นสีเทา ๆ อยู่นะ ไม่ขาว ไม่ดำ มันแค่อยู่ในจุดที่ นี่เราทำอะไรกันอยู่ เราคุยกันมาสักพักแล้วแต่รู้สึกเหมือนกับว่าเราไปไม่ถึงไหนกันเลย
คบกับ แจ็คสัน หวัง เป็นเรื่องที่ท้าทายไหม ?
แจ็คสัน หวัง : ไม่เลย นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ผมไม่เข้าใจ คนจะบอกว่า คุณเป็นคนดังนะ ผมว่ามันไร้สาระมากเลย คุณเข้าใจผมไหม มันก็แค่งาน เป็นอาชีพ เป็นหน้าที่ของผม ก็เหมือนกับคนที่เป็นโปรดิวเซอร์เป็นหมอ เป็นทนาย เป็นเทรนเนอร์ เป็นแดนเซอร์ เหมือนกันเลย ผมคิดว่าคนตื่นเต้นกับการเป็นคนดังมากไปหน่อย ผมไม่ได้มองแบบนั้นเลย