เชฟป้อม เจออดีตสามีกระซิบข้างหู ไม่ได้รัก ในวันแต่งงาน-ทนอยู่ 20 ปี ขอชีวิตคืน !

          เชฟป้อม หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เผยเรื่องรักที่ไม่สมหวังกับเรื่องที่ไม่เคยพูด เจออดีตสามีกระซิบข้างหูในวันแต่งงาน ก็เราไม่ได้รักกันนี่ ทำหน้าตาตกใน ทนมา 20 กว่าปี ประกาศลั่นกลางบ้าน ขอชีวิตของฉันคืน
เชฟป้อม หม่อมหลวงขวัญทิพย์

          ออกมาเผยเรื่องราวความรักที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน สำหรับ เชฟป้อม หรือ หม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล ที่ออกมาได้เล่าผ่านรายการ Club Friday Show ที่ผลิตโดย CHANGE2561 เผยเรื่องราวลับ ๆ กว่า 30 ปีกับเรื่องราวความรักต่างวัยที่ห่างกันกว่า 15 ปี กับการ ทนอยู่เพราะรัก หรือ รักเลยต้องทน รวมไปถึงประโยคเด็ดขาดที่ชี้เป็นชี้ตายในชีวิตของลูกผู้หญิงคนหนึ่งว่า ขอชีวิตของฉันคืน

          โดย เชฟป้อม เผยถึงชีวิตคู่ว่า ตอนนั้นพอเราเจอคนที่เด็กกว่าทำมีขี้หึงก๊องแก๊ง เราก็รำคาญ เลยคิดว่าคนอย่างเราต้องได้คนเป็นผู้ใหญ่แรก ๆ ก็คุยกันรู้เรื่องเพื่อนคุณพ่อแหละ คือเรื่องของเรื่องตอนที่เป็นนักร้องเยาวชน มันก็มีรูปลงหนังสือพิมพ์ ก็เลือกรูปเดียวไปลงมีประวัติอะไรอย่างนี้ ทางคุณพ่อเขาก็ส่งรูปนี้ไปให้ลูกชายอยู่เมืองนอก และก็มาคุยกันตอนที่คุยกันข้อแรกเป็นผู้ใหญ่ เขาอายุมากกว่าเรา 15 ปี สบายแล้วอายุเด็กกว่าน่าจะพูดรู้เรื่องเจอกัน 7 วันเขาก็ขอหมั้น ก็หมั้น หมั้น 7 วันคือเพื่อนตกใจหมดทั้งประเทศ แต่หลังจากนั้นพ่อดึงเชิงพ่อบอกน่าเกียจลูกจะหมั้นเลยแต่งเลย เดี๋ยวเขาหาว่าผิดพลาดทางเทคนิค ดึงยืดไปอีกประมาณ 6-7 เดือนกว่าจะแต่ง

แต่ตอนนั้นนอกเหนือจากความเหมาะสมใด ๆ แล้วแปลว่าเราก็ต้องรักเขา ?

          เชฟป้อม : เราก็รักเขามากเหมือนกันค่ะ แต่ว่าอันนี้ป้อมจะมาเล่าสารภาพให้ฟังอันหนึ่งว่าวันแต่งงานป้อมน้ำตาตกเลย ป้อมจำได้ว่าตอนนั้นทำบุญตอนเช้า ก็มีถ่ายรูปใช่ไหมคะ ช่างภาพก็บอกว่าใกล้ ๆ กันนิดหนึ่งให้ดูรักกันหน่อย เขาก็หันพูดอยู่ข้างหูเรา ก็ไม่ได้รักนิ ในวันแต่งงาน แต่อันนี้ ป้อม ต้องโทษตัวเองเลยว่า … ด้วยความที่วันนั้นป้อมอายุ 23 ปี ป้อมไม่กล้าทำอะไรเรายังห่วงหน้าตาพ่อแม่เขา พ่อแม่เรา

ถ้าย้อนกลับไป ณ วันนั้นมันมีการจีบกันไหม ?

          เชฟป้อม : ก็มีจีบกันนะคะ เขาก็มารับไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ แต่เช้าในวันแต่งงานได้ยินประโยคนั้น ใจร้ายมากเราเจอประโยคแบบนี้แล้วเราก็ไม่ได้กล้าพอที่จะ ลุกขึ้น !! เลิก ถ้าเป็นเดี๋ยวนี้สิคะ แน่นอนเลย มาเลย คิดว่าเขาตั้งใจพูดค่ะ เพราะอยู่ตรงหูเนี่ยแล้วยืนอยู่ตรงนี่ ตอนนั้นก็คิดว่าลืม ๆ มันไป มันไม่มีใครได้ยิน ได้ยินกันสองคน แต่ก็อยู่มามีลูกสามคน

เรื่องนี้ได้เล่าให้ที่บ้านฟังไหม ?

          เชฟป้อม : ไม่เลยค่ะ เก็บไว้ในใจคนเดียว ไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลยมันฝังอยู่คนเดียวนะคะ ถ้าให้คนได้ยินอย่างในรายการเนี่ยที่นี่ที่แรก อยากจะบอกให้คนที่ได้ฟังได้รู้ว่าอะไรจะเกิดจัดการมันซะไม่ต้องไปต่อ มันเป็นสัญญาณอันตรายอยู่แล้ว

ซึ่งตอนที่เราแต่งงานเราไม่ได้อยู่ที่เมืองไทยคือต้องไปอยู่ที่อเมริกาเลย ?

          เชฟป้อม : แต่งงานได้สองอาทิตย์ก็ไปที่อเมริกา ป้อมเป็นแม่บ้านเต็มตัว ช่วยดูเรื่องธุรกิจบ้างอะไรบ้าง ซึ่งก็ดูเหมือนดีเพราะเราอยู่ที่อเมริกา มีแต่ครอบครัวเราสภาพแวดล้อมไม่มีการดึงอะไรทั้งสิ้น ไม่มีเพื่อนเขา ไม่มีเพื่อนเรา ครอบครัวไม่มีกันเลย การทะเลาะเบาะแว้งมันน้อยมาก อย่างหน้าหนาว 4-5 โมงก็มืดแล้ว มันก็ไปไหนไม่ได้ก็กลับมากินข้าวบ้านอยากเล่นกีฬาก็ออกไปสองคน

แต่กลับมาอยู่ไทยแล้วเปลี่ยนไป ?

          เชฟป้อม : คือพอมาอยู่ไทยแล้วสิ่งเร้ามันเปลี่ยนไป มันสามารถโดนดึงโดยเพื่อน สิ่งเร้าต่าง ๆ และเขาก็ก็มาบอกว่าจะต้องไปดูธุรกิจของครอบครัวที่หัวหิน จะกลับมาบ้านทุกวันธรรมดา ไปสักพักหนึ่งก็ไม่กลับ จากนั้นมันก็เปลี่ยนแปลง แต่เราไม่ได้โทร. เช็กเขาเลย เพราะเรายุ่งกับเรื่องลูก พอเราบอกให้เขากลับมาช่วยดูลูกบ้าง เขาก็บอกว่าเราดูละครมากไปหรือเปล่า มาเรียกร้องอะไร เราเสียใจ ร้องไห้ ก็หาว่าเราดูละครเยอะ เขาไม่เคยชมอาหารที่เราทำว่าอร่อยเลย จนลูกโตขึ้นถึงกับถามเขาว่าพ่อเคยกินอาหารอะไรของแม่แล้วอร่อยบ้าง เคยโทษตัวเองเพราะเราโดนโทษว่าทำอะไรก็ผิด

มีปัญหาเรื่องมือที่สามไหม ?

          เชฟป้อม : คิดว่ามีหลายมือ เพราะมีเพื่อนที่เขาโสด ก็พาผู้หญิงมาเป็นฝูงเลยที่บ้านที่หัวหิน พอเจอป้อมเขาก็เลี้ยวรถกลับกัน แล้วก็เจอชิ้นส่วนในตู้เสื้อผ้าป้อมที่บ้านที่หัวหินด้วย มีหนังสือวัยรุ่นด้วย พอเราเจอก็เอาไปทิ้งที่ถังขยะหน้าบ้าน แต่ไม่ได้ถามอะไรเขาเพราะจะโดนบ่น ถามว่าไม่ถามแล้วรู้สึกไหม ก็รู้สึกแต่เรามีลูกทำให้เราไม่มีเวลาคิดเลย แต่มันก็บั่นทอนความรักเราไปเลย แต่เราก็คิดว่าขอให้ลูกได้โตก่อน ก็ทนมาประมาณ 10 ปี

ความอดทนที่คุ้มค่า ตัดสินใจหย่าสามี ?

          เชฟป้อม : จำได้ว่าห้องรับแขกยังไม่ได้กินข้าวเลย ทำไมเลือกเวลานั้นก็ไม่รู้เดี๋ยวกินข้าวก็กลืนกันไม่ลงหรอกก็นั่งคุยคำแรกก็บอกว่า .. ที่มาวันนี้ ป้อม อยากจะขอชีวิตคืน ทุกคนก็อึ้ง !! เพราะว่าอันนั้นเรานับเวลาแล้วชีวิตแต่งงาน 20 ปี เขาก็บอกว่าก็เขาไม่อยากอยู่บ้านป้อมขี้บ่น พี่สาวเขาก็ตอบเลยว่าเคยอยู่ฟังเขาบ่นด้วยเหรอ พี่สาวเขาก็เข้าใจทุกอย่างนะ แต่วันนั้นก็คือกินข้าวกันกลืนไม่ค่อยลง แต่ว่าวันนั้นป้อมบอกเลยว่าที่ป้อมพูดเนี่ยนะ ขอชีวิตคืน ป้อมไม่ได้บอกว่าป้อมจะหย่าเลย ถ้าคิดว่าป้อมและลูกยังเหมาะที่จะอยู่ในชีวิตเขา

          ก็ 1 ปีนะที่บ้านเขาก็จะมีแฟลต คืออยู่ที่บ้านนะคะแล้วก็จะมีแฟลตให้เช่าเธอไปอยู่ข้างหน้าหนึ่งห้อง แล้ว 1 ปี กลับมาคุยกันว่าจะไหวไหม เหมือนแยกกันอยู่สักพักหนึ่ง แต่ก็อยู่ข้างหน้าข้างหลัง พ่อลูกก็ยังได้เจออะไรอย่างนี้ค่ะ จำได้ว่าคุยเดือนมกราคมพอเดือนมีนาคมต้นเดือนเขาก็มาบอกเลย เขาบอกว่าเขาดีแล้วไม่มีอะไรต้องปรับปรุง หย่าเลย ชัดเจนไหมคะ

แต่ต่อให้เราซ้อมมา 10 ปี วันที่เขาบอกว่าเขาจะหย่าเราเองมีความรู้สึกเหมือนกันว่าก็ไม่ได้คิดถึงขั้นนี้ ?

          เชฟป้อม : ในความเป็นผู้หญิงคนหนึ่งธรรมดา ๆ ค่ะ เรื่องอย่างนี้เศร้าแต่ไม่ร้องไห้แล้ว มันหมดน้ำตาร้องแล้วก็แบบนี่เราไม่มีค่าเลยเหรอ ในที่ทำมาทั้งหมด 20 ปี เรื่องที่คิดว่าจะยากคือการคุยกับลูก คือคุยกับหมอแล้วเขาก็บอกว่า คนที่ 2 เนี่ยเป็น Daddy’s boy คือชอบเล่นกอล์ฟชอบอะไรตลอดเวลาตลอดเวลา เดี๋ยวค่อยคุย ให้คุยกับหนึ่งสามก่อน แล้วเอาลูกคนที่หนึ่งกับลูกคนที่สามเป็นพวก เพื่อที่จะคุยกับคนที่สอง เราปรึกษาคุณหมอเลยเพราะเราก็ห่วงลูกเราอยู่ค่ะ ไม่ใช่ทำอะไรโดยภาระการคุยกับลูกคนที่หนึ่งกับคนที่สาม

          เชื่อไหมคำแรกที่บอกว่าน่าจะอยู่ด้วยกันไม่ได้ เขาพูดว่าก็ไม่เห็นเป็นไรเลยคุณแม่ เราก็อยู่ของเราอย่างนี้มาตลอดเวลา มันคือรางวัลของการอดทน 10 ปีที่แล้วกลัวว่าลูกเราจะไม่ไหว โดยเฉพาะคนเล็กเหมือนกันเขาอายุน้อยสุด เขาพูดคำนี้มาเราโล่งเลย แล้วรางวัลยิ่งไปกว่านั้นก็คือพอคุยกับคนที่สอง มันตั้งแต่เมื่อไหร่คุณแม่ ทำไมคุณแม่ไม่พูดอะไรสักคำเดียว คุณพ่อเขาพูดตลอดเวลาเลยนะ ว่าคุณแม่ยุ่งกับชีวิตลูกแล้วทำไมคุณแม่ไม่ว่าอะไรสักคำ ทั้งสองเคสที่พูดกับลูกคนที่หนึ่งกับคนที่สาม แล้วก็พูดกับคนที่สองเนี่ยใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที เพราะเขาเห็นมาตลอดมันคือความอดทนที่คุ้มค่า กับการที่ลูกได้อยู่กับเรามาตลอด สัมผัสว่าเราได้ทำอะไรให้เขา

เชฟป้อม หม่อมหลวงขวัญทิพย์

ได้มาตามสเปก ใช่ว่าจะอยู่ด้วยกันได้ ?

          เชฟป้อม : บอกเลยนะ บอกสาว ๆ ทุกคนเลย อย่ามีสเปกเพราะการมีสเปก ไม่ใช่ว่าคุณได้มาตามสเปกแล้วจะอยู่ด้วยกันได้ เพราะลึก ๆ แล้วมันต้องมีความเข้าใจ แล้วอยู่ด้วยความเป็นตัวเรา ความเป็นตัวเขา สเปก .. อย่าบอกว่าชอบค่ะ หน้าตี๋ออกเกาหลีหน่อย ๆ แต่พอมาอยู่แล้วกลายเป็นผู้ชายหยาบคาย คุณอยู่ด้วยได้ไหม สเปกคือสิ่งที่เราแค่ชอบแต่ไม่ได้การันตีว่าจะอยู่ด้วยกันได้ไหม

ตอนนี้ พี่ป้อม บอกว่าสเปกไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของวัย อายุ ?

          เชฟป้อม : ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องของอายุ เด็กกว่าก็โอเคถ้ามีความเป็นผู้ใหญ่พอ

ถามตรง ๆ ตอนนี้ พี่ป้อม โสดไหมเอ่ย ?

          เชฟป้อม : สถานะตอนนี้ก็คือเหมือนอยู่คนเดียวนะคะ แต่มีคนคุยก็ไม่ได้ปิด แต่ป้อมก็ไม่ได้ประกาศ หลังจากมาทำงานแบบนี้แล้ว มันก็มีคนจับตา เราก็มีทั้งคนรักและคนไม่รัก ถ้าเขารู้ว่าเราคบใครอยู่กับใครเนี่ย ผลที่ตามมามันคืออะไร แล้วป้อมไม่อยากให้เขาเสียพื้นที่ส่วนตัว ความสงบจะหายไป

พี่ป้อม มีมุมหวาน ๆ ไหม ?? แบบอย่างจะเสียงโหดกับคนอื่น แต่จะมีเสียฃสองเสียงสามอะไรอย่างนี้ไหม ?

          เชฟป้อม : ก็มีเสียงพูดธรรมดา แล้วก็มีคะขาบ้าง

สำคัญที่สุดก็ยังคงเป็นความรักลูกอยู่ มีอะไร ที่ตอนนี้เรายังเป็นห่วงเกี่ยวกับเขาบ้าง ?

          เชฟป้อม : คนโตมีให้ห่วงเพราะความใจเย็นเกินไป คนที่สองมีให้ห่วงเพราะความใจร้อนเกินไป ซึ่งเหมือนแม่มากค่ะ และคนที่สามเป็นความพอดี ๆ แต่ว่าอายุยังน้อยนะคะ ต้องทำไปตามขั้นตอนในการทำมาหากินของเขา ก็เป็นความห่วงที่ไม่ได้กังวลใดๆมากมาย ข้อหนึ่งที่สอนลูกเสมอว่าห้ามโกหก ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นจะดีจะเลวแค่ไหนก็ห้ามโกหก เพราะว่าแม่จะเป็นคนแรกที่ร้องไห้ แต่แม่ก็จะเป็นคนแรกที่ให้อภัย และเข้าไปหาทางแก้ไขให้ แม่ไม่ได้แก้ให้ผิดเป็นถูก แต่แม่จะแก้ให้สถานการณ์นั้นดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ แม่อาจจะทำให้ลูกมีบาดแผลในเรื่องของการแต่งงานแต่ลูกก็ต้องเลือกใช้ชีวิตของตัวเอง แต่การแต่งงานคือลูกต้องเอาชีวิตอีกอย่างน้อยหนึ่งชีวิต มาอยู่ในการดูแลเพราะลูกเป็นผู้ชายลูกต้องมีความรับผิดชอบในการดูแลเขา ถ้าทำไม่ได้อย่าเอาลูกเขามา ลูกเขาจะต้องสุขเสมอหรือดีกว่าที่อยู่กับพ่อแม่ของเขา

พูดถึงลูกมาเยอะมากให้ลูกพูดถึงแม่บ้าง

          ซึ่งลูกชายคนโตของเชฟป้อมเผยว่าคุณแม่ดุไหม ดุครับ แต่เวลาใจดีก็ใจดี เวลาดุก็ดุ แต่เวลาคุณแม่ดุเวลาเขาดุก็ดุแบบมีเหตุผล ดุในเรื่องที่เราสมควรโดนดุนั่นแหละ ผมจะเป็นเรื่องเดิมๆก็คือแบบชอบทำบ้านรก เจอกันทีไรเขาก็ดูเรื่องนี้ทุกครั้ง โตแล้วยังโดนอยู่เลย แม่หวงลูกชายไหม ไม่เลยครับอิสระมาก มีประโยคหนึ่งนะที่แม่เคยพูดไว้ว่า .. มีใครสักคนอย่าไปทำให้เขาลำบากมีเมื่อพร้อม ผมก็เลยไม่มีใครเลย ถ้ามีผู้ชายเข้าหาแม่ห่วงไหม ไม่ห่วงครับกลั่นกรองดูหน่อยว่าแบบ คนนี้โหงวเฮ้งได้หรือเปล่า รักแม่นะครับอยากให้แม่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข โดยที่ไม่ต้องห่วงพวกเรามาก แม้บางทีทำตัวให้น่าห่วงไปหน่อยก็เถอะ
          เชฟป้อม : นี่เป็นคนโตที่เย็น เห็นไหมเขาพูดเขาก็เรื่อย ๆ ใจเย็นของเขาไปแบบนี้
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เชฟป้อม เจออดีตสามีกระซิบข้างหู ไม่ได้รัก ในวันแต่งงาน-ทนอยู่ 20 ปี ขอชีวิตคืน ! โพสต์เมื่อ 23 ธันวาคม 2565 เวลา 16:08:49 39,517 อ่าน
TOP
x close