ออกมาเปิดใจถึงเรื่องที่หลายคนไม่เคยรู้มาก่อนแบบหมดเปลือก สำหรับ หนูแหม่ม สุริวิภา กุลตังวัฒนา ที่ล่าสุด (27 ธันวาคม 2565) ออกมาเล่าเรื่องราวชีวิต รวมไปถึงจุดเริ่มต้นในวงการบันเทิงผ่านรายการ แฉ ทางช่อง GMM25
โดย หนูแหม่ม เผยว่า ทำงานในวงการมาแล้วกว่า 40 ปี เริ่มงานพิธีกรรายการประมาณอายุ 18 จุดเริ่มต้นคือเราอยากดูทีวี แต่ที่บ้านไม่มีทีวีให้ดู หนูแหม่ม เล่าย้อนถึงจุดที่ทำให้อยากทำงาน พ่อแม่ไม่ได้มีเงินเหลือเฟือ บ้านเรามีลูก 3 คน ส่งลูกเรียนก็แย่แล้ว ตอนนั้นอยู่ จ.สกลนคร ไปบ้านเพื่อนเขามีทีวี เราอยากดูหนังจักร ๆ วงศ์ ๆ อยากดูการ์ตูน เพื่อนก็หวงยืนบังไม่ให้ดู เราก็พูดว่า มึงคอยดู กูจะอยู่ในทีวีให้มึงดู คิดไว้ในใจคอยดูนะ ฉันจะอยู่ในจอ ยังไงก็จะต้องอยู่ในจอให้ได้
มันเหมือนเป็นปม เพราะไม่มีทีวีดู แล้วคิดตลอดว่าชีวิตนี้ฉันต้องอยู่ในจอทีวีให้ได้ มันมีเป้าหมายอยู่ในใจ ตั้งแต่ 7-8 ขวบ อยากเป็นถึงขนาดเขียนจดหมายหา จิ๊ก เนาวรัตน์ เพราะปลื้มเขามาก รักเขามาก ดูเป็นผู้หญิงที่น่ารักอ่อนหวานอบอุ่น แต่ตอนนั้นเขาก็ไม่ตอบนะ เราก็ไปทวงเขาก็บอกว่าขอโทษนะ แต่จริง ๆ เขาเป็นคนน่ารัก
พอวันหนึ่งแม่ย้ายพวกเรากลับมาอยู่กรุงเทพฯ มาอยู่แฟลตห้วยขวาง เรียนโรงเรียนวัด เราก็เฝ้าคอยอยากเป็นดารา เมื่อไรฉันจะได้อยู่ในทีวีกับเขาสักที จนวันหนึ่งไฟว์สตาร์ประกาศรับสมัครหนังเรื่อง วัยระเริง ที่พี่หนุ่ย อำพล เล่น เขากำลังดังมากเลยตอนนั้น ซึ่งเราก็โดน อาเปี๊ยก โปสเตอร์ เรียกไปเทสต์หน้ากล้อง เราก็อยากได้บทนี้มากก็พยายามฝึกท่องบท จนเราถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในหนังเรื่องนั้น ตอนนั้นเข้าวงการตอนอายุ 16 เราเห็นประกาศผ่านหนังสือพิมพ์
หนูแหม่ม ยังเล่าอีกว่าตัวเองโดนบูลลี่เพราะเป็นคนหน้าฝรั่ง คือเราหน้าฝรั่ง บ้านนอกอยู่ท่าแร่ ทุกคนหัวดำหมดเลย มีฉันหัวทองอยู่คนเดียว ใครเรียกอะไร ก็โกรธก็ขึ้น โดนเรียก ลูกผู้หญิงหาตังค์ ตอนนั้นหน้าฝรั่งเป็นเรื่องใหญ่สำหรับยุคนั้นแม้แต่กำนันยังเรียกว่า อีฝรั่งขี้นก เมื่อก่อนเราไม่รู้ว่าจะยอกย้อนผู้ใหญ่ว่ายังไง ถ้าเป็นปัจจุบันจะสวนไปแก่กะโหลกกะลา รู้สึกไม่ชอบ เพราะเขามองลูกครึ่งเป็นเรื่องประหลาด ทุกคนจะบูลลี่ว่าฉันเป็นลูกผู้หญิงหาเงิน เป็นลูกไม่มีพ่อ พ่อแม่ทิ้ง มีขึ้นกะ… ด้วย บางทีเด็ก ๆ มันทนไม่ได้ ลุกขึ้นเอาหัวโขกกับพื้น
ตอนนั้นคุณครูเรียกผู้ปกครองมาเจอ สุริวิภาก้าวร้าวมากนะ แม่ฉันก็ไปเลย ก้าวร้าวเรื่องอะไรคะ เราก็เล่าว่าเขาว่าเราเป็นลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่ แม่เป็นกะ... แม่บอกก็ดีแล้วฉันจะตบกับแม่อีเด็กคนนี้ด้วย แม่ฉันเป็นนักสู้ แม่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมาตลอด ถามว่าเอาชนะอุปสรรคตอนนั้นได้ยังไง เราไม่รู้หรอกว่ามันคืออุปสรรค พ่อมาเสียตอนโต ก็อยู่กับพ่อบ้างกับแม่บ้าง ยังไปมาหาสู่กัน พ่อแม่แยกทางกัน มาแยกตอนโตแล้ว
จริง ๆ เราเป็นลูกครึ่ง แล้วไม่รู้ว่าพ่อเป็นใคร ไม่เคยเล่าให้ใครฟัง ไม่กล้าเล่า ไม่ได้มีอะไรเป็นความลับ แค่รู้สึกว่าถ้าเล่า ถ้าเกิดพ่อจะมาหาฉัน ตายแล้วฉันเป็นลูกที่เลวมาก ทำตัวไม่ถูก แต่ป่านนี้เขาคงตายไปแล้ว เราไม่เคยเจอพ่อแท้ ๆ เลย และไม่เคยคิดจะตามหาเลย อย่างเคสของ มอริส เค กับเราคนละแบบ เพราะแม่และคนที่ดูแลเราไม่เคยทำให้รู้สึกขาดอะไรในชีวิตเลย เพราะฉะนั้นไม่ได้รู้สึกว่าพ่อเป็นใคร ไม่ได้รู้สึกโหยหาและต้องการเลย เพราะว่าเรามีความรักในครอบครัวหลังนี้ มันล้นจนไม่ต้องไปกระเสือกกระสนอะไรอีก
ถามว่าเคยถามแม่ไหมว่าพ่อเป็นใคร คือเราไม่เคยถามอะไรกับแม่เลย และไม่เคยสงสัย แต่รู้ว่าตัวเองเป็นลูกครึ่งอเมริกัน เพราะเราเกิดแถว ๆ ที่ทหารอเมริกันตั้งแคมป์อยู่จุดที่ใกล้บ้านที่เราเกิด ซึ่งพี่น้อง 3 คน มีเราเป็นฝรั่งอยู่คนเดียว แต่ชีวิตเราไม่ได้ขาดอะไร ไม่ได้โหยหาว่าจะต้องมีพ่อเป็นใคร ครอบครัวเรามีความสุข เราดำเนินชีวิตตามปกติ ไม่ได้แปลกอะไร ซึ่งตั้งแต่ทำงานบันเทิงมาก็ไม่เคยมีคนมาบอกว่าเขาเป็นพ่อเรา