- ตกลงยังไง แต่งงานใหม่แล้วหรือยัง ?
ซาร่า : เรียกว่ากำลังแพลนที่จะแต่งงานแล้วกัน มีการสู่ขอแล้วเรียบร้อย จริง ๆ ก็แพลนทุกอย่างไว้แล้ว น่าจะเร็ว ๆ นี้
- แล้วทำไมเรารีบตัดสินใจลงโพสต์ว่าแต่งงานแล้วล่ะ ?
ซาร่า : จะเรียกว่าโป๊ะก็ได้ คือจริง ๆ เราตั้งใจจะเซตไว้เป็นเฟรนด์ เราตั้งตอนที่เราง่วง ๆ เราตั้งใจจะตั้งไว้เป็นเฟรนด์ แต่เฟรนด์เราก็หลายพันคนนะ
- หมายถึงว่าให้เห็นเฉพาะเพื่อนที่ตั้งไว้เฉย ๆ ?
ซาร่า : ใช่ แต่พอตื่นเช้ามามันเป็นสาธารณะ
- แต่พอคนเข้ามาดูอีกทีคือสเตตัสหายแล้ว ?
ซาร่า : ยังอยู่ ๆ แต่กลับไปเซตเป็นแฟนเหมือนเดิม คือคนที่เป็นเพื่อนกับเรายังมองเห็น แต่ถ้าไม่ใช่เพื่อนจะมองไม่เห็น
- ยินดีมาก็เยอะ แต่มีดราม่าด้วย ?
ซาร่า : ใช่ค่ะ จริง ๆ ก็มีคนเข้ามายินดีกับเราเยอะ แต่คอมเมนต์ที่ดราม่าก็นิดหนึ่ง อารมณ์แบบ แม่พักบ้าง แม่คุมนะ จะมีลูกคนที่สามหรือเปล่า อะไรประมาณนี้
- พอเจอแบบนี้เราได้ไปปรึกษาว่าที่สามีอะไรเราบ้างไหม ?
ซาร่า : เขาชิลมาก เอาเป็นว่าเขาอ่านภาษาไทยไม่ออก แต่ก็มีเล่าให้เขาฟัง แต่เขาชิล ไม่คิดอะไร แต่เขาถามว่าเราโอเคหรือเปล่า เราก็บอกว่าเราชิล เพราะเราอยู่ในวงการนี้มาหลายปีแล้ว มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เราเจอ
- เรามีลบคอมเมนต์ไหม ?
ซาร่า : ไม่มี ปล่อยไว้แบบนั้น ค่อยฟ้องเอา (ล้อเล่น)
- มันก็มีคนถามว่าซาร่าไม่เข็ดกับความรักหรือกลัวความรักเหรอ ?
ซาร่า : จริง ๆ เรามองความรักเป็นเรื่องที่สวยงาม แล้วทุกความรักที่ผ่านมา ถึงมันจะจบลงไม่ดี แต่ทุกครั้งเหมือนเราได้เรียนรู้กับตัวเอง ได้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ได้ทบทวนตัวเอง คนเรามันมีข้อดี ข้อเสีย เราคิดว่าทุก ๆ ความรักมันสอนให้เราได้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเสมอ ทำให้เรารู้สึกอยากเป็นแฟน อยากเป็นภรรยาในเวอร์ชั่นที่มันดียิ่งขึ้น
- เข้าใจทุกอณูของความรักหรือยัง ทั้งเรื่องดี เรื่องไม่ดี ?
ซาร่า : เรารู้สึกว่าผ่านอะไรมาเยอะถึงจุดจุดหนึ่งที่พอเรามาเจอคนคนนี้ คนล่าสุด เหมือนเรารู้สึกว่าเราเป็นเวอร์ชั่นที่ ครั้งแรกที่เป็นเรา มีคนคนหนึ่งเห็นคุณค่าเราจริง ๆ มาจากการกระทำของเขา จากคำพูดของเขาที่บอกเรา เราก็เลยรู้สึกแบบเออ...มันมีคนเห็นแล้วนะความตั้งใจของเรา
- ซาร่าในวันนี้เป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดในชีวิตไหม ?
ซาร่า : ที่สุดค่ะ เข้าใจชีวิตที่สุดแล้ว แล้วเป็นคนที่ทุ่มเทกับความรักมาก ๆ
- ผู้ชายคนนี้ชื่อ ?
ซาร่า : Daryl ค่ะ เขาเป็นหนุ่มชาวสิงคโปร์
- ไปเจอกับเขาได้ยังไง ?
ซาร่า : เขาเป็นเพื่อนของเพื่อน ตอนนั้นเหมือนเป็นวันเกิดเพื่อนแล้วนัดรวมกันทานข้าว เราก็ปิ๊ง ๆ กันตั้งแต่วันแรกเลย นั่งกันอยู่ 10 กว่าคน
- เขาน่ารักตรงไหน ?
ซาร่า : สิ่งแรกของซาร่าเลย คือต้องยอมรับว่าเป็นคนมองคนแค่หน้าตาก่อน คือเราเป็นคนชอบคนหน้าตาดีในสไตล์ของเรา ก็ทำให้เราสนใจมองที่เขา แล้วพอนั่งไปสักพักรู้สึกว่าเขาเป็นคนนิ่ง ๆ ไม่ดูเจ้าชู้ ดูแบบสุภาพ ๆ ก็เลยยิ่งทำให้เราสนใจเขามากขึ้น
- เขารู้ไหมว่าเราแอบมองเขาอยู่ ?
ซาร่า : ก็น่าจะรู้นะ เขาก็มีมองเรา แต่ไม่ได้มาคุยอะไรกับเรา คือต่างคนต่างนั่งแล้วก็คุยกันบนโต๊ะ หลังจากนั้นมีการฟอลโลไอจี ถ่ายรูปกรุ๊ปแท็กกัน หลังจากนั้นเขาก็เริ่มทักมาคุยกับเรา
- เขาทักเราก่อน แต่เราเป็นคนชอบเขาก่อน ?
ซาร่า : เราไม่ทักเขาก่อน เราเป็นคนที่ไม่กล้า เราเป็นผู้หญิง
- ซาร่ามารายการนี้บ่อย แต่ครั้งนี้แววตาสดใสมาก ?
ซาร่า : คนมีความรัก
- เขาทักมาเรากรี๊ดเลยไหม ?
ซาร่า : ก็กรี๊ด เขาทักมาแสดงว่าเขาต้องชอบเรา เขาทักมา say hi ปกติ เป็นไงบ้าง สบายดีไหม จำได้ไหมที่วันนั้นเราไปกินข้าวกันกับเพื่อน ๆ เราก็บอกว่าจำได้ ก็คุยกันต่อ หลังจากนั้นก็มีการนัดกินข้าว ดูหนังกัน
- ใครเป็นคนเริ่มสานสัมพันธ์ ?
ซาร่า : ทางเขาหมดเลย คือเราชอบเขานะ แต่เราเก็บอาการนิ่ง แต่เขาเป็นคนตรง ๆ แล้วแสดงความรู้สึกออกมาตรง ๆ
- เรามีน้องแล้ว 2 คน เขารู้เรื่องราวของเราไหม ?
ซาร่า : ตอนแรกเขาไม่รู้ หลังจากที่เดตกันวันแรกเขาก็อยากรู้ว่าเราเป็นใคร เขาก็ไปถามเพื่อนแล้วไปเสิร์ชข่าว แต่อ่านภาษาไทยไม่ออกเลย แต่เขาเห็นข่าวแล้วถามเพื่อนเขา ก็เลยพอรู้เรื่องราวของเรา
- แล้วเขาว่าไงที่เรามีลูก 2 คน ?
ซาร่า : เรารู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายคนแรก ในวันแรกที่คุยกับเราซีเรียสมาก ๆ เหมือนเขาก็พูดกับเราว่าเขาเป็นคนแบบนี้นะ มีนิสัยแบบนี้นะ อดีตเขาอย่างนี้ ๆ นะ เขารู้นะว่าเรามีลูก 2 คน เขารู้สึกว่าอยากได้ความสัมพันธ์ที่รู้สึกซีเรียส เขารู้สึกว่าถ้าคุยกันเล่น ๆ เขาไม่คุยนะ เขาไม่อยากเสียเวลา แล้วเขาก็บอกว่าด้วยความที่เรามีลูก 2 คนแล้ว แล้วคิดว่าเราก็คงซีเรียสกับความสัมพันธ์ เขาเลยถามว่าจะโอเคไหมถ้าเราจะคุยกันจริงจัง เพราะเขามองถึงอนาคตอันยาวไกล
- เขาไม่ว่าเราเลย เรามีลูก 2 คน แล้วเขาจะดูแลด้วย ?
ซาร่า : ใช่ เขามีแบบเจอลูกได้ไหมตั้งแต่แรก ๆ เลย เราเลยรู้สึกว่าเขาไม่ได้เข้ามาเล่น ๆ เขาดูแบบจริงจัง
- แสดงว่าเขาชอบเด็ก ?
ซาร่า : เขาชอบเด็กไหม คือเขาไม่เคยเดตกับผู้หญิงมีลูกมาก่อน แต่เขาก็บอกว่าลูกเราน่ารัก แล้วเขาก็มีความประหม่าในการเจอลูกเรา เขามีความกังวลว่าลูกเราจะชอบเขาไหม เขาจะเข้ากับลูกเราได้ไหม คือเขาดูกังวลมาก ๆ จะเจอแล้วต้องทำตัวยังไง แต่พอถึงเวลาเขาเป็นธรรมชาติกับลูกเรามาก ๆ
- แล้วตัวเรากังวลไหมโมเมนต์ที่เขาจะเจอกับลูกเรา ?
ซาร่า : ก็ไม่นะคะ เหมือนเราชิลแล้วบอกว่าอย่าคิดมาก เพราะว่าลูกเราเข้ากับทุกคนได้ง่ายมาก พอเขาได้เจอกันก็ติดกัน เล่นกัน พอวันแรกที่แม็กซ์เวลล์เจอเขา หลังจากนั้นแม็กซ์เวลล์ก็ถามถึงต่อว่าเมื่อไหร่จะได้เจอลุงอีก ลุงจะมาอีกไหม
- เขาอายุมากกว่าเรา ?
ซาร่า : มากกว่าค่ะ มากกว่าประมาณ 3 ปี เขาพูดภาษาไทยได้ แต่ว่าอ่านไม่ได้ แต่เขาก็ไม่ได้พูดชัดมาก เขาไป ๆ มา ๆ ที่เมืองไทยประมาณ 10 ปีได้แล้ว แล้วแฟนเก่าเขาคนไทยทั้งนั้นเลย
- แม็กซ์เวลล์โอเค แล้วเอมมิลี่ล่ะ เป็นไงบ้างเวลาเจอเขา ?
ซาร่า : เอมมิลี่ก็ติดค่ะ อยากให้อุ้มตลอด
- พอเราเห็นภาพที่เขาเข้ากับลูกเราได้ เรารู้สึกยังไง ?
ซาร่า : เราโหยหาโมเมนต์แบบนี้ เราเห็นเขาทุกดีเทลเลย นั่งสอนการบ้านกัน จูงมือกันพาไปดูหนัง แม้กระทั่งดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ เราไปทำหน้าที่คลินิก เขาหายไปซื้อเสื้อผ้าให้เอมมิลี่ เรารู้สึกว่าเราไม่เคยได้รับโมเมนต์นี้จากใคร ก็เลยรู้สึกว่าประทับใจในตัวเขา
- คุยกันนานไหมถึงตัดสินใจคบกันซีเรียส ?
ซาร่า : ประมาณ 2-3 เดือน ทางเขาก็เป็นคนบอกว่าเรามาเขากันแบบซีเรียส ส่วนเราเก็บอาการ
- ลูกเราเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราตัดสินใจมั่นคงและเดินหน้าต่อกับผู้ชายคนนี้ด้วยใช่ไหม ?
ซาร่า : มันมีโมเมนต์หนึ่งที่เรานั่งรถกันไป แม็กซ์เวลล์ก็หันไปถามว่า ลุง ๆ รักแม่ไหม เขาก็ตอบว่ารัก เขาก็บอกว่าถ้ารักแม่จริง ๆ ยูต้องขอแม่แต่งงานนะ ยูต้องซื้อแหวนนะ เราก็คิดในใจ โอ้โห..พูดแบบนั้นออกไปถ้าผู้ชายไม่คิดนี่หนีแน่นอน แล้วหลังจากนั้นเขาก็หันมามองแม็กซ์เวลล์ โอเคเขาจะทำแบบนั้น แล้วเราก็คิดว่ามันคงเป็นฟีลพูดเล่น ๆ พอวันเวลาผ่านไปมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ
- นานไหมจากโมเมนต์ที่แม็กซ์เวลล์พูดอยู่หลังรถ ?
ซาร่า : ประมาณ 4-5 เดือนได้
- กว่าจะสอนให้แม็กซ์เวลล์พูดประโยคนี้ได้ ?
ซาร่า : ไม่ได้สอน เราก็ตกใจ แต่อาจจะเป็นเพราะว่าเขาโตขึ้นด้วย ตอนที่เขาพูดขึ้นมาเราก็หันไปมอง โห..ลูกเรานี่แบบสุดยอด แล้วคิดในใจว่าเขาจะคิดว่าเราบอกลูกให้ไปบอกหรือเปล่า แต่เราก็ไม่ได้ถามลูก และหลังจากนั้นเราก็ไม่ได้คุยอะไรกับลูกต่อ
- เขาเข้ากับครอบครัวเราได้ ?
ซาร่า : ได้ดีมาก ๆ
- เราเข้ากับครอบครัวเขาได้ไหม ?
ซาร่า : เพิ่งไปเจอครอบครัวเขามาที่สิงคโปร์ น่ารักมาก ๆ เลย เป็นครอบครัวคนจีน ครอบครัวใหญ่มาก ๆ เกือบ 20 คน
- เหมือนเขานัดครอบครัวเขามาเจอเรา ?
ซาร่า : ประมาณนั้นค่ะ ก็เหมือนมีพิธีเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบฝั่งทางบ้านเขา
- เขาเรียกดูตัวไหม ?
ซาร่า : เขาเรียกอะไร เหมือนคนจีนเขาจะขอ เหมือนยกน้ำชา
- นั่นหมายความว่าคุณแต่งแล้วที่สิงคโปร์ถูกไหม ?
ซาร่า : ไม่รู้พิธีเล็ก ๆ เขาเรียกว่าแต่งไหม ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่เราไม่ได้ใส่ชุดอะไรเลยนะคะ แบบชิล ๆ กันเลย
- ทางจีนยกน้ำชา แล้วมีของรับขวัญนิด ๆ หน่อย ๆ ใช่ไหม ?
ซาร่า : ใช่ เหมือนให้อั่งเปา
- นั่นแหละ แต่งแล้ว ?
ซาร่า : แต่งแล้วเหรอ ใช่เหรอ
- ถ้าของไทยคือการหมั้นหมาย ผูกข้อไม้ ข้อมือ ?
ซาร่า : เรียกว่าหมั้นก็ได้ค่ะ
- แต่ยังไม่ได้ฉลองมงคลสมรส ยังไม่ได้จดทะเบียน ?
ซาร่า : จดทะเบียนแล้วค่ะ
- ก็เหมือนกับแต่งแล้วแหละ แต่เป็นพิธีเล็ก ๆ ของที่บ้านผู้ชาย แต่ยังไม่ได้ฉลองมงคลสมรสให้ทุกคนรู้ ?
ซาร่า : ใช่ค่ะ
- แต่ยังไม่มีงานในเมืองไทย ยังไม่ได้จองโรงแรม ยังไม่ได้ตัดชุดเจ้าสาว แต่อนาคตมี ?
ซาร่า : เร็ว ๆ นี้แหละค่ะ เร็วมากด้วย
- ย้อนกลับไปที่โมเมนต์ขอแต่งงาน เห็นว่าเราก็เซอร์ไพรส์ด้วย ?
ซาร่า : จริง ๆ ก็เรียบง่ายนะคะ เหมือนเขาแค่ชวนเราไปตรงทะเล ที่มาเลเซีย แล้วบอกว่าถ่ายรูปกัน
- กี่คน ?
ซาร่า : ก็ทั้งครอบครัวเขา ญาติเขาอยู่ตรงนั้นหมดเลย คือเราก็ยืนถ่ายรูปกับเขาสักพัก เขาก็หันมาคุกเข่า เอาแหวนให้
- เขาพูดว่าอะไร ?
ซาร่า : จำไม่ได้แล้ว ไม่มีอะไรมาก เขาแค่ขอแต่งงาน เขาแค่ขอบคุณที่เราร่วมทุกข์ ร่วมสุขอะไรอย่างนี้ แล้วก็นั่นแหละ เขาบอกว่าเขาจะเป็นคนดี จะพยายามนู้น นี่นั่น ประมาณนี้แหละ
- แล้วเราเซย์เยสไหม ?
ซาร่า : เซย์เยส ค่ะ หูดับ
- ย้อนกลับไปที่เราตอบตกลงกับผู้ชายคนนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีลังเลบ้าง เหตุผลนั้นคืออะไร ?
ซาร่า : ด้วยความที่ทุกคนเห็นว่ามันมีข่าวเรื่อง forex ขึ้นมา เขาก็บอกเราว่าตัวเขาพร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ พิสูจน์ความจริงให้เรา ครอบครัว แล้วก็สังคมได้รับรู้ เหมือนเขาพูดว่าเขาจะเดิมพันทั้งชีวิต เพื่อที่จะกลับมาเคลียร์ปัญหาที่มันเกิดขึ้น
- แล้วเขาได้ทำไหม ?
ซาร่า : ทำค่ะ ก็หลังจากที่เขากลับมาก็ดำเนินการสู่ขั้นตอนตามกฎหมาย
- ถ้าสมมติผิดกฎหมายจริง ๆ กลับมาก็ต้องโดนจับ ?
ซาร่า : แน่นอน แต่นี่ไม่ค่ะ
- คือตอนนี้กำลังเคลียร์ตัวเองอยู่ ?
ซาร่า : ใช่ค่ะ เราก็คิดว่าถ้าเราเป็นเขา ถ้ารู้ว่าผิดก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลับมาทำอะไร ฉันไปอยู่ที่ไหนก็ได้ ถูกต้องไหม แต่เขาพร้อมที่จะกลับมาสู้คดีต่าง ๆ นานา
- แต่ส่วนหนึ่งเขาทำให้เราเห็นด้วย ?
ซาร่า : ใช่ค่ะ
- อะไรทำให้มั่นใจในผู้ชายคนนี้ ?
ซาร่า : เขาเป็นคนที่พูดแล้วทำให้เราเห็นจริง ๆ ที่ไม่ได้พูดอย่างเดียว พูดปุ๊บแล้วทำปั๊บ เขาเป็นคนไม่สวีตเลย ไม่หวาน เป็นคนพูดตรง ๆ อะไรที่ไม่ชอบในตัวเรา อะไรที่ต้องแก้ไขปรับปรุงทั้งตัวเขาและตัวเรา มีอะไรเราก็นั่งคุยกันแบบผู้ใหญ่ อันนี้โอเค อันนี้ไม่โอเค เรานั่งคุยกัน เรานั่งคุย เราปรับจูนกันได้ไหมอะไรหลาย ๆ อย่างในตัวเขาเรารู้สึกสบายใจ คุยกันแล้วมันคลิก มันไปกันได้ แล้วก็อยู่ในจุดที่เราร่วมทุกข์ ร่วมสุขกันจริง ๆ ในวันที่ซาร่าลำบากมาก ๆ หรือตัวเขาลำบากมาก ๆ เราก็ไม่ปล่อยมือกันไป เรารู้สึกว่าเรายังไม่เคยเจอคนแบบนี้ในความรักแต่ละครั้ง
- แล้วเคสนี้ไปถึงไหนแล้ว จบหรือยัง ?
ซาร่า : น่าจะใช้เวลานะคะ เพราะว่าต้องมีการสอบสวนต่าง ๆ นานา น่าจะใช้เวลาสักพักเลย
- ตอนที่มีข่าว ตอนนั้นมีหวั่นไหวไหม ?
ซาร่า : ก็มีนิดหนึ่ง เราก็มีถามเขาว่ามันคืออะไร มันเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันเป็นอดีตที่ตัวเราไม่รู้จักเขา เราเพิ่งมารู้จักเขาในปัจจุบัน เขาก็มีเล่าให้เราฟังบ้างว่ามันเป็นแบบนั้น แบบนี้ แต่เราก็ยัง จริง ไม่จริง มันจะอะไรเมื่อไหร่ แต่พอถึงจุด ๆ หนึ่งที่เขารู้สึกว่าพร้อมที่จะกลับมาเคลียร์ปัญหาต่าง ๆ กับคดีตรงนี้ มันก็ทำให้เรามั่นใจในระดับหนึ่งว่า ถ้ามันผิดจริง ๆ ในความรู้สึกเรา เราก็คงไม่กล้าที่จะเดินเข้ามาในขั้นตอนของกฎหมาย
- จะบอกไหมฉลองมงคลสมรสวันไหน ?
ซาร่า : อุ๊บไว้ค่ะ แต่เร็ว ๆ นี้ค่ะ
- ที่แม็กซ์เวลล์ขอเบบี๋ เราแพลนจะมีต่อไหม ?
ซาร่า : จริง ๆ เราอยากมีลูกแค่ 2 คนมาตั้งแต่ไหน แต่ไรแล้ว ก็คิดว่าปล่อยให้เป็นเรื่องของอนาคตแล้วกัน
- เขาบอกว่าอยากได้เบบี๋ไหม ?
ซาร่า : เขาก็อยากมี แต่เขาเคารพการตัดสินใจของเรา แล้วเขาก็เห็นว่าเรามีลูกมาแล้ว 2 คน เขาก็รักลูกเราทั้ง 2 คน เหมือนลูกเขา
- ตอนนี้เรามีลูกชาย 1 คน ลูกหญิง 1 คน ถ้าสมมติมีอีกอยากได้เพศไหน ?
ซาร่า : เขาอยากได้ผู้ชาย
- แล้วเราจะย้ายไปอยู่สิงคโปร์ไหม เพราะว่าหลัก ๆ เขาก็อยู่ที่สิงคโปร์ใช่ไหม ?
ซาร่า : โอเค ถึงว่าเราจะจดทะเบียนสมรสกันแล้ว แต่เราก็ต่างคนต่างทำงาน ตัวซาร่าเองก็ยังต้องทำงานเลี้ยงดูตัวเองอยู่ แล้วก็ลูกด้วย แล้วตัวเขาก็ต้องทำงาน ต้องให้เวลาเขาพิสูจน์ตัวเองด้วยกับเรา ครอบครัว แล้วก็สังคม ก็ยังคิดว่าเราน่าจะอยู่ที่ภูเก็ตและกรุงเทพ เขาก็น่าจะอยู่สิงคโปร์ อีกอย่างพ่อซาร่าอยู่สิงคโปร์มาจะ 40 ปีแล้ว ซึ่งการไปภูเก็ต สิงคโปร์ เป็นเรื่องปกติของที่บ้าน
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama