หายหน้าหายตาจากหน้าจอไปนานหลายปี สำหรับอีดตนักแสดงสาวลูกครึ่งสุดเซ็กซี่ เจมี่ บูเฮอร์ ที่ถือเป็นนางร้ายแห่งยุคในช่วงก่อนเลยก็ว่าได้ และฝากฝีมือการแสดงไว้หลายเรื่อง อาทิ ปริศนา, เงาอโศก, ห้องหุ่น, ฝันเฟื่อง, หนึ่งในทรวง, เจ้าสาวสายฟ้าแลบ ฯลฯ
แต่ล่าสุด (18 มกราคม 2566) เจมี่ บูเฮอร์ ก็ได้ออกมาโพสต์คลิปลง Tiktok ส่วนตัว เปิดใจถึงเหตุผลที่เลิกเล่นละคร ทั้ง ๆ ที่มีหลายคนเรียกร้องให้กลับมารับงานด้วย โดยได้แฉแบบสนั่นวงการเลยทีเดียวว่าถูกผู้ใหญ่ในวงการดิสเครดิต ใส่ร้ายให้เสียชื่อเสียง เพียงเพราะไม่พอใจที่ไปร่วมงานกับคนอื่น และยังถือสิทธิ์ว่าเป็นคนสร้างให้ เจมี่ บูเฮอร์ มีชื่อเสียง อีกทั้งยังตามทำร้ายกันถึงทุกวันนี้
คลิปนี้เจมี่จะมาบอกนะคะว่าทำไมเจมี่ถึงไม่เล่นละครอีกแล้ว ก็คือว่ามันเกิดเหตุการณ์ใหญ่หลวงเกิดขึ้นสำหรับเจมี่นะคะอาจจะไม่ได้ออกหน้าสื่อ แต่นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง คือเจมี่ไปร่วมงานกับบริษัทหนึ่งและเขาก็สนับสนุนเราเพื่อให้ได้ประโยชน์ของงานเขา มันก็ดูเป็นการสมประโยชน์ เจมี่ก็ทำงานให้เขาอย่างเต็มที่ ซึ่งมันก็ใช้สปิริตเยอะมากสำหรับงานศิลปะ มันก็มีช่วงหนึ่งที่คนเราทำงานร่วมกัน แต่ในวงการไม่มีใครทำงานกับใครได้ตลอดเวลาที่มันจะไม่ได้ทำงานร่วมกับที่อื่นเขา
ตอนนั้นเจมี่ไปร่วมงานกับที่อื่น ไปถ่ายละครที่สุขุมวิทผู้หญิงคนนั้นก็มากับสามีผู้ยิ่งใหญ่ของเขา เจมี่นั่งแต่งหน้าอยู่อีกห้องหนึ่ง แต่สองคนนั้นไปนั่งคุยกับผู้จัดละครที่เจมี่เล่นและพูดใส่ร้ายเจมี่ ดิสเครดิตทำให้ผู้จัดคนนั้นเค้าเกลียดเจมี่ เพราะเขารู้สึกว่าแบรนดิ้งความเป็น เจมี่ บูเฮอร์ ชื่อนี้มันเป็นสิทธิ์ของเขา เขาเป็นคนสร้างมา แต่จริง ๆ แล้ว ตอนที่เจมี่ไปร่วมงานกับเขา เจมี่มีชื่อเสียงแล้ว เขาถึงเอาเจมี่ไปร่วมงานด้วย ซึ่งเป็นเรื่องปกติเพราะบริษัทอื่นก็สนับสนุนเจมี่แบบนี้ แต่เขาถือวิสาสะยึดเอาคำว่า เจมี่ บูเฮอร์ ไปเป็นกรรมสิทธิ์ของเขา ถ้าเจมี่ไม่ทำงานกับเขาก็ไม่มีสิทธิ์ทำงานกับคนอื่นได้
เจมี่มองว่าแอตติจูดแบบนี้มันคืออันธพาล ไม่มีใครอยากเข้าใกล้คนแบบนี้หรอก อย่าเรียกว่าคนเลยนะคะ มันเป็นอสุรกาย เจมี่ก็ไม่อยากยุ่งกับคนแบบนี้เพราะเขามาล่วงละเมิดเรา พอยิ่งหนีเขาก็ยิ่งทำร้ายเราเพื่อที่จะให้เราซมซานไปทำงานกับใครไม่ได้เลยต้องกลับไปหาเขา
หลังจากนั้นก็มีอยู่วันหนึ่งเป็นงานเลี้ยงของช่อง เจมี่ก็ไปสวัสดี ซึ่งเขาก็นั่งอยู่กับในโต๊ะที่มีผู้บริหารช่องใหญ่ ๆ ทั้งนั้นเลย เราก็ด้วยมารยาทเลยเข้าไปสวัสดี แต่หลังจากที่เจมี่เดินคล้อยหลังกลับมาเขาก็พูดในโต๊ะว่า เจมี่ขายบริการ ซึ่งเขาเป็นคนที่มีความน่าเชื่อถือมาก เขาพูดว่าเจมี่ทำงานไซด์ไลน์ ขายบริการ เอาความน่าเชื่อถือของเขาเพื่อมาใส่ร้ายเจมี่ เขาพูดว่าเชื่อเขาสิเขาไปเช็กมาแล้วว่าเจมี่ทำงานแบบนี้จริง ๆ และส่งเด็กไปขายบริการที่ประเทศญี่ปุ่น ตอนนั้นไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่ไม่เชื่อเขา เพราะบารมีของสามีเขา เหมือนเขาใช้พาวเวอร์ประมาณว่าถ้าเธอไม่เชื่อฉัน เธอก็ต้องหักกับฉัน เขามีการข่มขู่ทางอารมณ์ เพราะเขาทำใจไม่ได้ที่ชื่อเสียงของเจมี่ที่เขาสร้างมาไม่ได้ไปอยู่กับเขา ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้สร้างมันมาทั้งหมด มันมีหลายบริษัทมากที่ร่วมกันสร้าง มันไม่ใช่เขาคนเดียว แล้วเจมี่ก็มีชื่อเสียงแล้วด้วยตอนที่มาร่วมงานกับเขา เขามองว่าเขามีกรรมสิทธิ์คนเดียว ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วทางกฎหมายเขาไม่มีสิทธิ์ ทางคุณธรรมก็ไม่มีสิทธิ์
เจมี่ ยังกล่าวอีกว่า "เธอฟังฉันให้ดีนะ แรงงานที่ฉันทำงานให้เธอ เธอได้เงินจากสปอนเซอร์จนเธอเอาไปซื้อตึก สร้างตึกที่เธอก็ยังอยู่อาศัยอยู่ทุกวันนี้ นี่คือแรงงานที่มาจากฉันและคนอื่น ๆ อีกมากมายถูกต้องไหม"
ถึงแม้ทุกวันนี้เจมี่จะมาทำ TikTok เขาก็ยังตามมาส่องว่าเอาชื่อเสียงของ เจมี่ บูเฮอร์ ที่เขาคิดว่าเขาสร้างเอามาใช้เพื่อสร้างชื่อเสียง สร้างรายได้ให้กับตัวเอง ถ้าเจมี่ไม่ยอมกลับไปทำงานให้กับเขา มีทางไหนอีกที่เขาจะทำลายเจมี่ได้อีก ส่วนในวงการบันเทิงถ้าเจมี่ไปเล่นละครที่ไหนเขาจะยกหูหาทีมงานและใส่ร้ายเจมี่อย่างมากมายด้วยเรื่องที่เป็นเท็จและปราศจากหลักฐานใด ๆ ทั้งสิ้น
แล้วก็มีอยู่วันหนึ่งเจมี่ไปกิจนข้าวกับเพื่อนที่โรงแรมที่แถวถนนวิทยุ แล้วเจมี่ก็ถ่ายรูปลง Facebook ว่าวันนี้มาเที่ยวโรงแรมสวย ซึ่งเมียของลูกน้องเขาก็เห็นที่เราลง ก็โทร. ไปบอก แล้วเขาก็บอกฉันน่ะรู้ดีว่าเจมี่ไปขายบริการที่โรงแรมนี้ ไปเช็กมาแล้วกับโรงแรมนี้ว่าจริง ๆ ข่าวลือที่เจมี่ขายตัวเป็นเรื่องจริง ทั้ง ๆ ที่ตอนนั้นเจมี่ไปกินข้าว ซึ่งถ้าเจมี่ไปทำอะไรที่ไม่อยากเปิดเผยเจมี่จะถ่ายรูปลง Facebook ทำไม ซึ่งตอนนั้นมันก็ไม่มีหลักฐานอะไรเลยนอกจากคำใส่ร้าย แล้วเขาก็เอาคลิปนี้ไปให้ผัวเขาดูด้วยแล้วก็ถามด้วยว่าจะฟ้องฉันได้ยังไงบ้าง เพราะเขาคิดว่าบารมีผัวสามารถเสกทุกสิ่งทุกอย่างให้เขาได้ อย่างที่เธอคิดอย่างนั้นจริง ๆ
เจมี่ ยังได้ทิ้งท้ายประเด็นนี้ด้วยการฝากถึงผู้ใหญ่ในวงการคนดังกล่าวแบบฟาดเดือดว่า "ฉันจะบอกให้ เธอก็แค่คนกระจอก ๆ คนหนึ่งที่เอาบารมีคนอื่นมาใช้อย่างสุรุ่ยสุร่าย คนที่เขาอยู่สูงจริง ๆ เขาไม่มีพฤติกรรมแบบนี้หรอก เขาต้องบริหารจัดการให้พาวเวอร์ของเขามันดำรงอยู่และไม่ใช่วิธีการที่เธอทำอย่างนี้ ฉันไม่ฟาดเธอเล็ก ๆ หรอกนะมันไม่สมมง ฟาดก็ฟาดตอนที่อาวุธครบมือไม่ดีกว่าเหรอ เตรียมหาประเทศสำรองไว้บ้างนะคะ เพราะคนอย่างเธอติดคุกไปก็เปล่าประโยชน์ เปลืองข้าว เปลืองน้ำเปล่า ๆ ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะอาชีพของเธอก็มีรองรับอยู่แล้ว มาเป็นโสเภณีอย่างที่เธอเป็นอย่างทุกวันนี้ คงต้องทำอาชีพเอาเด็กไปขายบริการอย่างที่เธอใส่ร้ายฉันนั่นแหละ มีหลักฐานตรงไหนบ้างที่บอกว่าฉันทำอาชีพนี้ ใครเป็นคนซื้อคะ หลักฐานโอนก็ต้องมีนะคะ มีหรือเปล่า ใครเป็นคนติดต่อ มันหาง่ายมากเลยค่ะถ้าเกิดว่าฉันทำแบบนั้นจริง ๆ
จุดประสงค์ของเธอก็รู้อยู่ว่าเธอทำแบบนั้นเพราะอะไร เพราะเธออิจฉาที่ฉันเอาชื่อเสียงที่ฉันสร้างขึ้นมาด้วยน้ำพักน้ำแรงของฉัน กับการให้โอกาสของคนอีกหลายพันคนในวงการบันเทิง เขาให้โอกาสฉัน แล้วฉันก็สร้างมันด้วยวิริยะอุตสาหะของฉัน ฉันทำตรงนี้เพราะว่าฉันเป็นศิลปิน ศิลปินคือคนอุทิศชีวิตส่วนตัวเพื่องานศิลปะ คนพวกนี้จะมีศักดิ์ศรีซึ่งเป็นคำที่เธอไม่รู้จัก เพราะคนอย่างเธอเขาเรียกว่าโสเภณี โสเภณีที่ทำทุกอย่างได้เพราะเงิน ฝากบอกสามีด้วยนะคะ เราไม่เตือน ไม่ตำหนิ ไม่แก้ไขสิ่งที่ภรรยาไประรานผู้อื่น ระวังคนเขาจะหาว่าเราสมรู้ร่วมคิด ปลามันเน่าตัวเดียวระวังนะคะ มันจะเน่าไปทั้งตระกูล"
ขณะที่ในคอมเมนต์ต่างก็เขามาฮือฮากับเรื่องที่เจมี่เล่า พร้อมแสดงความคิดเห็นกันสนั่น อีกทั้งยังให้กำลังใจกับเจ้าตัวเป็นจำนวนมาก และยังบอกว่าคิดถึง อยากให้กลับมาเล่นละครอีก