ล่าสุด (3 กุมภาพันธ์ 2566) ดู๋ สัญญา ก็ออกมาเปิดใจว่า ตอนนี้เขาบินกลับไปอเมริกาแล้ว ไปเรียนต่อ ส่วนที่เพิ่งบินกลับมาก็คือที่มีถ่ายแบบ ถ่ายไปเมื่อปลายปีที่ผ่านมา คือเขากลับมาได้ประมาณเดือนหนึ่ง ผู้จัดการเขาชวนไปถ่ายแบบ เหมือนชิมลาง งานทดลอง เชื่อว่าถ้าเป็นงานแสดงคือเขาต้องฝึกทักษะอีกพอสมควรเลย เพื่อให้ได้ทำงานได้ดีแบบมืออาชีพกับน้อง ๆ ทีมงาน
ถามว่าเขาสนใจงานในวงการไหม เขาก็สนใจ และพยายามแต่ถามว่ามีแววไหม ในภายภาคหน้าคิดว่าดูยาก เพราะว่าจริง ๆ ในยุคสมัยปัจจุบันทุกคนสามารถเป็นนักแสดงผ่านช่องทางของตัวเองในสื่อโซเชียลกันมากมายแล้วแต่ว่าใครจะออกแบบมาเป็นอย่างไร ฉะนั้นเมื่อช่องทางมากมาย มากกว่าช่องโทรทัศน์หรือช่องอื่น ๆ ก็แปลว่าบุคลากรก็จะมากมาย แน่นอนอันดับที่ 1 ความพยายามที่เหนือกว่าจะเอาชนะความพยายามที่ด้อยกว่าเสมอทุกเรื่อง ทุกคนก็มีโอกาสทำได้ดี เขาก็น่าจะมาสายนักแสดง
มีช่วยติวไหม ก็เหมือนเวลาขับรถ อย่าให้พ่อสอนมันจะสอนยากกว่าคนอื่น คนอื่นมันจะตรงไปตรงมาในเรื่องการสอน แต่พอเป็นครอบครัวเดียวกัน มันจะกลายเป็นว่าทำไมพ่อต้องพูดแบบนี้ก็จะลำบาก มีช่วงหนึ่งที่เคยให้เขาได้ลองเป็นผู้ดำเนินรายการ ตอนสัมภาษณ์ ชาริล ชับปุยส์ เป็นภาษาอังกฤษ รายการที่นี่หมอชิต คุณรู้ไหมข้อแม้แรกที่เขาบอกว่าจะทำ เขาบอกว่าตอนถ่ายทำ พ่อต้องออกไปจากกองถ่าย ไม่ให้อยู่ดู เขาก็ทำได้ในระดับหนึ่ง
เพราะเขาเกร็งพ่อ ส่วนตัวมองว่าถ้าเริ่มต้นจากคนธรรมดา หนึ่งเขาก็ไม่ต้องกดดัน สองคนอื่นที่ร่วมงานด้วยก็ไม่ต้องบอกว่าเรากำลังก้าวเข้าสู่สังคมที่ไม่ต้องบอกว่าฉันลูกใคร คุณจะทำอะไรก็ต้องดีด้วยตัวของคุณ และยุติธรรมกับทุกคนที่ร่วมงานด้วย
เรื่องอยากให้ลูกทำงานในวงการไหม มองว่างานทุกงานจะในหรือนอกวงการ อะไรที่ยังไม่เคยทำแล้วเป็นสิ่งที่ดี มันเป็นโอกาส เป็นสิ่งที่ท้าทาย ถ้าถามเด็ก ๆ ทุกคน เราจะเชียร์ให้ลองทำเพื่อจะได้รู้ว่ามันดี ไม่ดี เหมาะสมหรือเปล่า น้องยังไม่ได้ทำไง ยังไม่ได้ถ่าย ส่วนงานถ่ายแบบ เขาก็บอกว่าสนุกดี โชคดีว่าวิว วรรณรท เคยเจอกันแล้ว เลยไม่ต้องตื่นเต้นอะไรเท่าไหร่ และขอบคุณทุกคนที่ชมว่าเขาหล่อ เราก็ไม่ดันและไม่คาดหวังด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก วันบันเทิง oneบันเทิง