นักแสดงรุ่นใหญ่ โอ๊ต วรวุฒิ วันนี้ (24 มีนาคม 2566) จะมาเปิดใจครั้งแรกกับข่าวปิดฉากคู่รักต่างวัยกับ จีน่า อันนา เหลือเพียงหน้าที่พ่อและแม่ของลูก ผ่านทางรายการคุยแซ่บShow ช่อง one31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ เบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
- ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าพี่โอ๊ตและภรรยาได้ยุติความสัมพันธ์ในฐานะสามีภรรยาแล้ว ณ ตอนนี้สถานะคืออะไร ?
โอ๊ต : เป็นพ่อและแม่ของลูก
- เห็นข่าวมาสักพักแล้ว แต่พี่ก็ยังถ่ายรูปด้วยกันลงไอจี เต้น TikTok เป็นครอบครัวอยู่ ก็คิดว่ามันคงเป็นข่าวเฉย ๆ แต่มันคือเรื่องจริง ?
โอ๊ต : ต้องยอมรับว่ามันคือเรื่องจริงครับ
- ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเลยเหรอ ?
โอ๊ต : จริง ๆ ข่าวออกพฤษภาคมนะ แต่เราเริ่มที่จะคุยกันจริงจังมากขึ้น แล้วสรุปของเราตั้งแต่เดือนมีนาคมปีที่แล้ว
- 1 ปีแล้ว ?
โอ๊ต : ใช่ครับ
- วันที่เราทั้งคู่ตัดสินใจจะให้อิสระกันและกัน วันนั้นอารมณ์มันเป็นยังไง ทะเลาะไหม ?
โอ๊ต : พี่ออกตัวนิดหนึ่ง การที่คุยวันนี้มันอาจจะมีผลกระทบถึงบุคคลอื่นที่ไม่ได้มานั่งคุยกับเราในวันนี้ อันนี้เป็นเหตุผลในทางของพี่โอ๊ตฝ่ายเดียว ซึ่งพี่คุยกับทางคุณจีน่าแล้วว่าโอเค วันนี้เรามาออกรายการ เราจะคุยประมาณนี้ ได้แค่ไหนพี่ตอบแค่นั้น จะตอบเท่าที่จะตอบได้ บรรยากาศในการคุยวันนั้นเป็นการคุยปกติธรรมดา ใช้สติในการคุยกัน คุยแบบเป็นเพื่อนกัน ไม่ได้ทะเลาะกัน ในการยุติความสัมพันธ์คิดว่าเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราเองและตัวลูกด้วย
- สำหรับตัวพี่เองคิดว่าเหตุผลหลักในการคืนอิสระให้กับอีกฝ่ายคืออะไร ?
โอ๊ต : จริง ๆ มันไม่ได้มีอะไรผิดไม่มีอะไรถูกในการที่เราจะมองเป้าหมายในชีวิตของเรา ต่างคนต่างมีทางของตัวเอง เราคิดว่าตรงนี้เป้าของเรายังต่างกันอยู่ เขาก็ยังมีเวย์ของเขาอยู่ เราก็มีเวย์ของเรา เวย์ของเราอาจไม่ได้หวือหวาเหมือนกับที่เขาตั้งเป้าในทางเดินของเขาไว้ มันก็เลยสวนทางกันในการดำเนินชีวิต เลิกกันแบบนี้ก็เลยง่ายกว่า
- มันเป็นเรื่องความห่างของอายุด้วยไหม ?
โอ๊ต : จะบอกว่าไม่สำคัญเลยไม่ได้นะ มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะว่าในช่วงที่เราอายุวัยเดียวกับเขา เราก็คิดเหมือนกับเขานี่แหละ เราอยากไปให้สุดในเส้นทางของเรา มันห้ามไม่ได้ พอมันมาถึงอายุที่มากขึ้น 50 กว่า มันรู้สึกว่าทางเรามันลงเขาแล้ว มันเริ่มหาจุดสงบแล้ว มีความสุขแบบนิ่ง ๆ มันก็เลยสวนทางกัน ทางขึ้นกับทางลง แต่ว่าสิ่งนี้ไม่มีใครผิดใครถูก
- ปีนี้พี่โอ๊ต 52 ถ้าเขาอายุน้อยกว่า 21 ปี ก็คือ 30 ต้น ๆ เท่านั้นเอง ?
โอ๊ต : ใช่ครับ
- วันนั้นของเดือนมีนาคมปีที่แล้ว บทสรุปคือ ?
โอ๊ต : เราลดสถานะของการเป็นสามีภรรยา แล้วมาเป็นพ่อกับแม่ของลูก
- แต่เราก็ยังอยู่บ้านเดียวกัน ?
โอ๊ต : อยู่บ้านเดียวกัน เราแยกห้องนอนกัน คือต้องบอกว่าเราแยกห้องนอนกันมานานแล้วด้วย 1. พอนอนด้วยกันเขาไม่สบายตัว ที่นอนมันพอดีเกินไป ก็แยกไปอยู่อีกห้องก่อนหน้านั้นนานแล้ว แล้วที่มาคุยกันก็คือเรื่องการแยกห้องนอนในสถานะที่มันเปลี่ยนไป
- พอเราตัดสินใจเดินออกจากกันและกัน ความรู้สึก มันต้องเซ็นใบหย่าไหม ?
โอ๊ต : ไม่ต้อง เพราะเราไม่ได้จดทะเบียนสมรสตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว แค่จัดงานเฉย ๆ ที่เราไม่ได้จดทะเบียนสมรส 1. ด้วยเราทำธุรกิจด้วย กลัวผลกระทบที่จะตามมาในอนาคต ซึ่งคนที่ทำธุรกิจมีความไม่แน่ไม่นอน ก็กลัวมีผลในภายภาคหลัง ก็เลยไม่เลือกที่จะจดทะเบียนสมรสกัน
- อยู่บ้านเดียวกัน ต้องปรับตัวยังไง เพราะว่ามันต้องเจอกันทุกวัน ตลอด 5 ปีที่แต่งงานมา เขาคือภรรยา แต่พอวันที่แยกกันแล้ว ?
โอ๊ต : เขาคือเพื่อน แล้วเป็นแม่ของลูก ยังมีความเอื้ออาทร มีความห่วงใยกันในฐานะเพื่อนแล้วก็แม่ของลูกด้วย ฉะนั้นเวลาทำอะไรไปไม่ได้แค่เฉพาะความรู้สึกของเราคนเดียว ต้องแคร์ความรู้สึกของลูกด้วยอีก 2 คนนั่งมองอยู่ เราใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน พื้นที่ส่วนตัวก็แยกห้องนอน ยังไปไหน ทำกิจกรรมทุกอย่างปกติเหมือนเดิม
- แล้วลูก 2 คนนอนยังไง ?
โอ๊ต : นอนกับพ่อทุกคืน พ่อติดลูกด้วย ติดกล่อมลูก ติดนอน เขาจะนอนตรงแขนพ่อ
- พอเราอยู่ด้วยกันเข้าใจแหละว่าแยกห้อง พอเราทำอะไรด้วยกันลูกเขารู้ไหม ?
โอ๊ต : โอเลิฟมีพูดได้บ้าง แบบอยากให้แม่นอนตรงนี้ ให้พ่อนอนตรงนี้ แล้วลาฟกับเลิฟก็นอนตรงนี้ อันนี้มันเป็นคำที่บางทีก็สะเทือนใจเรา บางทีเลิฟจับมือพ่อกับแม่มาแล้วบอกว่า เลิฟอยากเห็นพ่อกับแม่รักกัน แล้วเลิฟจะมีความสุข เราก็น้ำตาไหล มองหน้ากันกับคุณจีน่า ซึ่งมันก็สะเทือนใจ เราไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ข้างใน แต่ว่าในหน้าที่ของการเป็นพ่อเป็นแม่ เราพยายามทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด เมื่อถึงวันหนึ่งที่มันสมควร หรือดูวุฒิภาวะที่มันไม่กระทบกับเขามาก เราจะพูดความจริงกับเขา เราจะค่อย ๆ บอก ตอนนี้เรากำลังดูเขาอยู่ว่ามันเหมาะสมแค่ไหน
- พี่ว่าอายุเท่าไหร่เราถึงจะเปิดใจคุยกับเขาได้ ?
โอ๊ต : สัก 10 ขวบถึงค่อยบอก แต่ว่าตอนนี้เราพยายามสร้างบรรยากาศในครอบครัวให้มันดูปกติที่สุด
- ไปไหนก็ยังไปด้วยกันอยู่ ล่าสุดยังไปงานแต่งงานลูกพี่ผัดอยู่เลย ?
โอ๊ต : ใช่ ยังไปด้วยกัน ก็ปกติเราเป็นเพื่อนกัน ความสัมพันธ์ทุกอย่างก็ปกติ ก็ยังดูแลกันในครอบครัว มันแค่แยกสถานะของความเป็นส่วนตัวออกไป แล้วลดสถานะของความเป็นสามีภรรยา
- พอมันเป็นแบบนี้มันสบายใจกว่า ?
โอ๊ต : สบายใจกว่า หมายถึงว่าเราไม่ต้องคาดหวังในเรื่องส่วนตัวของเขา ในบางสิ่งบางอย่างที่เราคาดหวังแล้วไม่เป็นอย่างที่เราคิด เรื่องพวกนี้ตัดทิ้งไปได้เลย เพราะว่าเขาก็สามารถใช้ชีวิตเขาได้เต็มที่ในส่วนของเขา เราก็สามารถใช้ชีวิตในส่วนของเราได้ แล้วมีหน้าที่ร่วมกันคือรับผิดชอบในเรื่องของลูก
- มีบางวันที่พี่อยากจะรู้ไหมว่าเขาคุยกับใคร คบกับใครไหม หรือไม่เลย ?
โอ๊ต : เฉย ๆ เราปล่อยชีวิตให้เขาอิสระเลย ก็มีพอรู้อยู่บ้างแหละ เขาไม่ได้ปิด แต่ไม่ได้มีผลกระทบต่อลูกไง โฟกัสของผมตอนนี้หลัก ๆ เลยคือความรู้สึกของลูก แต่ก่อนยังมีความรู้สึกของตัวเองบ้างนะ อยากมีนู่น อยากไปนี่ อยากอะไรต่ออะไร แต่ตอนนี้ไม่มีเลย ความรู้สึกของตัวเองคือลูกอย่างเดียวเป็นที่ตั้งเลย
- แบ่งเวลาในการดูแลลูก ๆ ยังไง ?
โอ๊ต : ตอนนี้เวลางานประจำของผมคือ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี อาจจะมีเลยไปวันศุกร์บ้าง แต่ไม่ประจำ เวลานี้เขาก็จะช่วยดูแลลูก ตอนเช้าไปโรงเรียน แต่ว่าเราจะมีแม่บ้านด้วยมาคอยซัพพอร์ตอีกทีหนึ่ง พอศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ก็จะเป็นของเราฟูลไทม์เต็มที่เลย ออกต่างจังหวัดไปหาคุณย่าบ้าง ไปทำกิจกรรมบ้าง ลุย จักรยานอยู่ท้ายรถเรียบร้อย ปั่น เขาชอบอะไรลุย ๆ
- เป็นห่วงพี่วันเดียวจริง ๆ คือวันที่ต้องบอกลูก เตรียมประโยคไว้ไหม ?
โอ๊ต : ตอนนี้เตรียมโรงเรียนไว้ให้ลูกในอนาคตว่าสักวันหนึ่งเราจะส่งลูกไปเรียนโรงเรียนที่ไหน แล้วเราจะคุยกับลูกยังไง แล้วเราจะคุยกับลูกเรื่องของสถานะพ่อกับแม่เนี่ยได้ตอนไหน แค่ไหน ก็มีเตรียม ๆ ไว้ แต่ไม่ได้วางแผนอะไรมากมาย แค่ดูความแข็งแรงของเขาก่อนว่าเราสามารถคุยกับเขาได้แค่ไหน
- สิ่งที่ดีกว่านั้นคือเราอยู่ด้วยกันแล้วเขาเห็นว่าเรารักกัน หมายถึงพ่อแม่รักกัน ไม่ได้ทะเลาะกัน บางบ้านไม่ได้เลิกกันแต่ทะเลาะกันทุกวัน อันนั้นรู้สึกแย่กว่า ?
โอ๊ต : บรรยากาศของการอยู่ร่วมกัน บรรยากาศที่เขาอยู่กับเราด้วย มันสำคัญมาก
- ณ วันนี้โสด พ่อลูก 2 ?
โอ๊ต : ครับผม
- ยังมองหาอยู่ไหม คำว่าความรักเนี่ย ?
โอ๊ต : จริง ๆ ไม่เคยเข็ดนะ ไม่เคยเข็ดเรื่องความรักเลยนะ อยากมีความรักตลอดเวลา ความรักมันเป็นสิ่งที่ดี สวยงาม อยากมีความรักแบบชีวิตคู่ ลุง ป้า มีความรักแบบคนที่เป็นเพื่อนกัน อยากมีมาก แต่มีไม่ได้ ติดเรื่องลูกยังเล็กอยู่ อย่าคิดว่ามีแฟนเลยนะ ตอนนี้คนคุยยังไม่มีเลย
- พี่ปิดประตูใส่เขาใช่ไหม ?
โอ๊ต : เราคิดว่าเรายังไม่พร้อม
- ถ้าเกิดมีใครอยากไลน์มาคุยด้วยตอนนี้ หน้าตาต้องเป็นไง ?
โอ๊ต : หน้าตาไม่เกี่ยวแล้ว ขอคนที่คุยด้วยแล้วสบายใจ อยู่ในทิศทางเดียวกัน อายุเยอะหน่อยก็ดี
- คำว่าเยอะคือ ?
โอ๊ต : มันมั่นคงมากกว่า สัก 35 ขึ้น
- คิดว่าจะให้เวลาในความเป็นโสดของตัวเองเท่าไหร่ ?
โอ๊ต : อีกสัก 5 ปี แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรนะ ถ้าไม่มีคนที่อยู่ด้วยกันแล้วมันมีความสุขจริง ๆ หรือไม่ได้อยู่ในความคิดความต้องการใกล้เคียงกันก็ไม่เอานะ เพราะไม่อยากเป็นทุกข์
- อีก 5 ปีน้องเขาโตขึ้นแล้ว มันมีโอกาสที่จะกลับมารีเทิร์นไหม ?
โอ๊ต : ในอนาคตพูดไม่ได้เลย แต่ในปัจจุบันเราคิดว่าเราอยู่แบบนี้เราสบายใจกว่า
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama