นับเป็นอีกหนึ่งข่าวฮือฮาหลังจากที่แรปเปอร์รุ่นใหญ่ ขันเงิน ไทยเทเนี่ยม ทุ่มเงินกว่า 650 ล้านบาท ซื้อหุ้นบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จํากัด (มหาชน) หรือ MPIC 92.46% จากบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2566
โดยสำนักข่าว TNN รายงานว่า นางสาวฐิตาภัสร์ อิสราพรพัฒน์ เลขานุการบริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR ได้เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า บริษัทได้เข้าลงนามในสัญญาซื้อ-ขายหุ้นสามัญทั้งหมดที่บริษัทถืออยู่ในบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPIC จำนวน 1,202,130,480 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 92.46% ให้กับ นายขันเงิน เนื้อนวล หรือ ขันเงิน ไทยเทเนี่ยม ซึ่งไม่ใช่บุคคลที่เกี่ยวโยงกัน เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2566 สำหรับการซื้อ-ขายหุ้น MPIC ครั้งนี้ เป็นการซื้อ-ขายด้วยวิธีการโอนหุ้นแบบมีใบหุ้น ซึ่งจะทำรายการซื้อ-ขายวันที่ 26 พฤษภาคม นี้ หรือวันอื่นใดที่คู่สัญญาได้ตกลงกันเป็นลายลักษณ์อักษร
ขันเงิน กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนในฐานะผู้ซื้อ ได้ให้นายชินวัฒน์ อัศวโภคี ซึ่งเป็นที่ปรึกษา เข้าเจรจาและทำ MOU จะซื้อ-ขายหุ้น MPIC ให้กับตน ซึ่งช่วงนั้นมีผู้สนใจหลายราย จึงจำเป็นต้องหาคนเป็นตัวแทนจับจองซื้อให้เอาไว้ก่อนเพื่อให้เกิดสัญญา เมื่อเกิดความชัดเจนในการซื้อ-ขายหุ้น ตนในฐานะผู้ซื้อที่แท้จริงจึงเข้าทำสัญญาซื้อ-ขายในนามตัวเอง และการตัดสินใจเข้าสนใจซื้อหุ้น MPIC ในครั้งนี้ เนื่องจากธุรกิจของ MPIC สอดคล้องกับธุรกิจบันเทิงที่ตนทำอยู่และธุรกิจอื่น ๆ ในอนาคตนั่นเอง
สำหรับธุรกิจเดิมของ MPIC ไม่ว่าจะเป็นการจัดซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์ไทยและต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจผลิตภาพยนตร์ไทย จะยังดำเนินการตามปกติ โดยที่ MAJOR ยังคงป็นพันธมิตรเช่นเดิม และจะเน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบันเทิงให้ครอบคลุมมากขึ้น เช่น การจัดงาน การจัดอีเวนต์ ไม่ว่าจะเป็นงานเพลงหรือคอนเสิร์ตต่าง ๆ ทั้งศิลปินไทยและศิลปินต่างชาติ เพื่อให้ MPIC เป็นบริษัทบันเทิงที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ครอบคลุมในหลากหลายมิติ
สำหรับบริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2544 เพื่อประกอบธุรกิจด้านการลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจสื่อ โดยเน้นการบริหารการตลาดด้านข่าวกีฬาผ่านสื่อวิทยุและโทรทัศน์ ภายหลังมีการควบรวมกับ เอ็ม พิคเจอร์ส เพื่อขยายธุรกิจภาพยนตร์ จัดหาลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เพื่อจัดจำหน่ายให้โรงภาพยนตร์, ผู้ผลิต VCD, DVD, BLU-RAY, ฟรีทีวี, เคเบิลทีวี, เพย์ทีวี กระทั่งในปี 2554 เริ่มผลิตภาพยนตร์ไทย ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 656 ล้านบาท
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าว TNN
ภาพจาก Instagram khanthaitay, M Pictures Entertainment