ตอนแรกคิดว่าจบสวยแล้ว แต่เมื่อวานหรือวันก่อนหนิงโพสต์ตูมขึ้นมาเกิดอะไรขึ้น ?
หนิง ปณิตา : ตามที่หนิงโพสต์มันค่อนข้างชัดเจนว่าเรื่องราวที่ผ่านมามันจบแล้ว ทุกคนเข้าใจในแบบที่เรา Set up ว่ามันจะต้องจบแล้ว มันไม่ควรถูกพูดขึ้นมาอีก หรือว่าสัมภาษณ์ถึงสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาอีก ทั้ง ๆ ที่เราเองอยู่หน้าสื่อ ทำงานทุกวัน รายการหลาย ๆ รายการ ต้องการคอนเทนต์จากเรา ต้องการสัมภาษณ์ในหลาย ๆ เรื่องที่ไม่เคลียร์ หรือแม้กระทั่งรายการเราเองมีลูกค้ามาซื้อสปอนเซอร์ ต้องการให้พี่หนิงประเด็นนี้ ๆ ทุกคนก็ช่วยกัน จบแล้ว ๆ เราจะไม่พูดถึงอะไรแล้ว เพราะมันจบไปแล้ว แล้วมันก็เป็นข้อที่ทางคุณจินเองก็บอกด้วยว่าเราจะไม่มีทางพูดถึงว่าเลิกราหรือหย่าร้าง ให้ทุกคนเข้าใจว่าเราก็มีปัญหาแบบนี้ แต่เราอยู่ด้วยกัน
หนิงไม่เคยพูดคำว่าหย่า ?
จินก็น้องพี่ เป็กก็พี่ชายพี่ ?
สมมติถ้ากลับไปแก้บทได้ อยากให้โลกรู้อะไร ?
จินก็เป็นน้องพี่ ถ้าจินดูอยู่ก็เลี้ยงดูลูกอย่างที่หนิงขอไว้ ?
แล้วอยากได้อะไรให้ลูก ?
อนาคตจะเป็นยังไง ?
หนิง ปณิตา : ไม่ทราบค่ะ ทราบอย่างเดียวคือที่หนิงทำทุกวันนี้ทั้งหมด ตั้งใจทำงาน ใจเย็น ๆ มีสติในทุก ๆ วัน อาจจะไม่ได้ดีทุกวัน บางวันอาจจะมีหลุดไปบ้าง เพราะว่าสิ่งที่ต้องโฟกัสรอบข้างเยอะมาก งานหลายเรื่องมาก ๆ แล้วการเลี้ยงเด็กคนหนึ่งที่กำลังอยู่ในสภาวะเป็นวัยรุ่น แล้วเจอกับปัญหาในเรื่องอย่างนี้ มันยากมาก แล้วมันเป็นเรื่องใหม่มากสำหรับหนิง หนิงพยายามทำทุกวันให้มันดีที่สุด แต่ถูกใจใครไหมอันนี้ไม่รู้ แต่จะทำให้ได้ดีที่สุดเพื่อเด็กคนหนึ่งแค่นั้นเองที่หนิงคิดวันนี้
และอีกอันที่หนิงอยากจะบอกกับทุกคนว่าหนิงจะไม่หนีใครอีกแล้ว ทุกคนในคุยแซ่บShow รู้ว่า 1 ปีที่ผ่านมา เวลาที่มันมีประเด็นหรือมีเรื่อง หนิงจะโทร. กะทันหันเลยว่าขอไม่ไปทำงานนะ ขอหยุดงานนะ อีเวนต์อันนี้ขอไม่รับ ขอเลี่ยงนะ อันนี้เจอนักข่าว พี่ ๆ วันนี้ไม่สะดวกให้สัมภาษณ์ ต้องรีบไปรับลูก แล้วก็วิ่งหนีเข้าใจคำว่าวิ่งหนีนักข่าวไหม แล้วบางทีอยู่ในรายการ เราก็ต้องวิ่งลงบันไดหนีไฟ เพราะมีนักข่าวมารออยู่ข้างล่าง วันนี้หนิงจะไม่หนีใครอีกแล้ว หนิงจะออกมาทำในสิ่งที่หนิงควรทำ ซึ่งวันอาทิตย์นี้หนิงก็มีอีเวนต์ ถ้าปกติหนิงหนีแล้ว แต่หนิงจะไม่หนีแล้ว รู้สึกโล่งใจที่จินออกมาพูดเอง หนิงจะได้ไม่ต้องเก็บอยู่ในใจ แล้วเวลาใครถามอะไรก็ตอบไม่ได้ พี่พีเคยังไม่รู้เรื่องเลย คนในรายการก็ไม่มีใครรู้เรื่องเลย