ต่อมาทาง "อีกี้" ก็ได้แชร์โพสต์จากเฟซบุ๊กของหญิงสาวรายหนึ่ง ซึ่งระบุว่าเป็นอดีตภรรยาของนักร้องชายคนดังกล่าว ออกมาโพสต์เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นแบบเต็ม ๆ เป็นข้อ ๆ ซึ่งสรุปได้ดังนี้
- วันที่ 15 พ.ค. 66 ก. เข้าพิธีแต่งงานกับแฟนหนุ่ม ที่คบกันประมาณ 3 ปี คบตั้งแต่ผู้ชายยังเรียนไม่จบ ยังไม่มีชื่อเสียงเท่าทุกวันนี้ ผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะ แต่พอเขาเริ่มมีชื่อเสียงเงินทอง ก็เปลี่ยนไป
- ทั้งคู่หมั้นกันตั้งแต่ต้นปี 65 จนแต่งงานกันกลางปี 66 ด้วยความรักระยะไกล ก. อยู่กรุงเทพฯ ฝ่ายชายอยู่อีกจังหวัด ก็เลยคุยกันว่าถ้าแต่งงานแล้ว ก. จะลาออกจากงาน แล้วไปช่วยเขาทำงานที่ต่างจังหวัด
พฤติกรรมเปลี่ยน ถึงงานแต่งทำเหมือนไม่เต็มใจ
- ช่วงใกล้งานแต่ง ก็เป็นไปตามปกติ แต่พอ 1 สัปดาห์ ก่อนแต่ง ฝ่ายชายมีพฤติกรรมผิดสังเกตหลายอย่าง ก. ก็สงสัยเรื่องผู้หญิง เลยเปิดใจคุย ถามเขาเรื่องผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอเห็นแล้วรู้สึกเอ๊ะแปลก ๆ
- ถามเขาว่า "ใครเหรอ" เขาบอกว่า "ไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้เลย สงสัยเป็น FC ไม่ต้องไปสนใจ หรอก เราจะแต่งงานกันอยู่แล้วนะเธอ เชื่อใจกันหน่อย" คือเขาปฏิเสธ และปฏิเสธเรื่องผู้หญิงคนนี้มาตลอด
- วันหนึ่ง ก. ไปเจอหลักฐานบางอย่างที่ผู้หญิงคนนี้พยายามอยากมีตัวตนในโซเชียล โพสต์และสื่ออะไรหลายอย่างถึงอดีตสามีเธอมาตลอด เธอก็พยายามไม่สนใจและเชื่อใจคนของเรา แต่ก็เคยเอาให้แฟนดูแล้วถามเขา ก็ได้คำตอบเดิมว่า "เธอคิดไปเอง เธอคิดมากไปเอง เค้าไม่รู้จักคนนี้เลย" แถมมีทะเลาะกันเวลาถามถึงผู้หญิงคนนี้
- มาถึงวันแต่งงาน เรียกว่ายิ้มทั้งน้ำตา เพราะ ก. รู้สึกว่าเจ้าบ่าวทำตัวเหมือนไม่เต็มใจสุด ๆ ฝืนยิ้มสุด ทรงผมก็ไม่ตัด ไม่ให้ความสำคัญอะไรเลย ดูออกว่าคนมันเปลี่ยนไป แต่ถึงวันงานแล้วทุกอย่างก็ต้องดำเนินต่อไปให้ดีที่สุด
หลังแต่ง 1 วัน ก็เจอคำพูดทำร้ายจิตใจ
- หลังแต่งงาน 1 วัน ก. ตัดสินใจพูดเปิดอกกับแฟน ว่าวันแต่งงานมันคืออะไร ได้คำตอบจากเขาว่า "เค้าไม่พร้อมจะแต่งงาน เค้าไม่พร้อมจะสร้างครอบครัว แต่ก็แต่งแล้วก็ลองอยู่ด้วยกันไปก่อน ถ้าอยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ค่อยว่ากัน"
- ก. ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก โดยหลังจากแต่งงานก็เจอคำพูดของเขาที่ทำร้ายจิตใจกันตลอด อาทิ
"ตลอดเวลาเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา เค้าหลอกเธอมาตลอดว่าเค้ารักเธอ"
"เงินสินสอดของเธอ ถ้าไม่ต้องเอามาแต่งเธอ ป่านนี้เค้าเอาไปออกรถแพง ๆ ที่เค้าอยากได้นานแล้ว"
"ยิ่งเค้าเห็นเธอร้องไห้ เค้ายิ่งสะใจ"
"เธอจะทนอยู่กับเค้าทำไม เค้าดูแลอะไรเธอไม่ได้ เค้าทำได้แค่นี้ ส่วนใจของเธอเค้าดูแลไม่ได้หรอกนะ"
"เราไม่น่ามารู้จักกันเลย"
"ไม่มีใครเคยได้เห็นสันดานดิบของเค้าเลยนะ เธอคือคนแรก ขนาดพ่อกับแม่เค้าก็ยังไม่เคยได้เห็นเค้ามุมนี้"
- หลังแต่งงานไป อยู่ด้วยกันมาประมาณ 2 เดือน เจอแต่คำพูดประมาณนี้แทบทุกวัน ไม่เคยพูดจาดี ๆ กับเราเลย
ฝ่ายหญิงป่วยเข้า รพ. แต่ผู้ชายหนีออกจากบ้าน
- วันหนึ่งมีปากเสียงกันบนรถระหว่างขับรถกลับบ้าน ก. เกิดอาการแน่นหน้าอก จะวูบ เครียด หายใจไม่ออก รีบไป รพ. หมอก็ฉีดยา ให้ยาคลายเครียดมากิน พ่อแม่เธอก็เดินทางมาหาด้วยความเป็นห่วง ขณะที่ฝ่ายชายหนีออกจากบ้าน ทั้งที่รู้ว่าเธอไม่สบาย
- เธอตื่นมาไม่เจอเขา พ่อแม่เขาก็บอกแค่ว่า "ไม่มีอะไรหรอกลูก ปล่อยมันไปสักพัก เดี๋ยวมันก็กลับบ้าน บ้านมันอยู่นี่มันไม่ไปไหนหรอก" ส่วนเธอติดต่อเขาไม่ได้เลย ไลน์ไม่ตอบ โทร. ไม่รับ
- เขาสั่งพ่อเขาไว้ด้วยว่า ห้ามทุกคนไปตามเขาที่งาน ไม่งั้นจะไม่กลับบ้านอีกเลย เธอก็ทำได้แค่รอเขาอยู่ที่บ้าน รอจนตัวเองซูบผอม ตัวเหลือง โดยไม่รู้ตัว มารู้ทีหลังว่าคืออาการของคนตรอมใจ คือเขาหายจากบ้าน ทิ้งเธอไป 14 วันเต็ม
- จนพ่อแม่เธอมาหาอีกรอบเพราะเป็นห่วง ผู้ใหญ่ก็คุยกันว่าอยากให้มาคุยปรับความเข้าใจกัน แต่เขาไม่กลับ จนพ่อแม่เธอ โทร. ไปหา เขารับ แต่บอกว่า "ผมคงไม่กลับเข้าไปหรอกครับ ผมจะกลับไปก็ต่อเมื่อ เลิกกันกับ ก. เท่านั้น ถ้าจะมาคุยแบบให้คืนดีกัน ผมไม่ไป"
- วันหนึ่ง ก. ก็ได้เจอหลักฐานว่า สรุปเขานอกใจมีเมียน้อยนั่นเอง ไปเจอรูปเขากับผู้หญิงคนนั้น ที่ปฏิเสธมาตลอดว่าไม่รู้จัก เขาอยนู่ด้วยกันในรูป รอบนี้ไม่ปิดหน้าด้วย เปิดเลย เหมือนรอจังหวะมานาน
- จุดนั้นทำให้พบคำตอบว่าอยู่กับผู้ชายคนนี้ไม่ได้อีกแล้ว ก. ตัดสินใจกลับไปตั้งหลักที่กรุงเทพฯ กับครอบครัว ไปปฏิบัติธรรม 7 วัน จากนั้นก็เจอหลักฐานอื่น ๆ ทั้งไทม์ไลน์ที่เขาแอบคุย แอบมีความสัมพันธ์กัน ตั้งแต่ปลายปี 65 จนถึงวันแต่งงาน ช่วงกลางปี 66
- ตอนนั้นเหมือนเธอตายทั้งเป็น ป่วยหลายโรค สภาพจิตใจย่ำแย่ เข้า รพ. เป็นว่าเล่น หายจากโซเชียลหลายเดือน ไปอยู่วัด ตัดขาดโลกภายนอก
เลิกแบบมีเงื่อนไข ก่อนเจอแฟนใหม่หน้าคุ้น
- สุดท้ายเราก็ทำข้อตกลงในการเลิกกันแบบมีเงื่อนไขบางอย่าง มีครอบครัว 2 ฝ่าย เป็นพยาน เพราะสิ่งที่เขาทำกับเธอมันเลวร้ายกับผู้หญิงคนหนึ่งเกินไป ซึ่งเขาก็ยอมรับเงื่อนไข เพราะเขาบอกว่า "อยากมีชีวิตอิสระมาก อยากโสดมาก"
- หลังเลิกกันไม่กี่วัน เขาก็ไปสานสัมพันธ์กับผู้หญิงที่เป็นมือที่สามคนนั้นต่อ ใครที่ติดตามเขาก็คงรู้ดีว่าเป็นใคร แต่ทุกคนยังไม่รู้ความจริงว่าเขาทำอะไรกับเธอไว้แค่ไหน เพราะเขายังลอยหน้าลอยตาในสังคมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เหมือนไม่ได้ทำอะไรผิดเลย
- ตอนนี้เธอกลับมาทำงานที่รัก และได้ชีวิตที่มีความสุขกลับมา และหวังว่าโพสต์นี้จะเคลียร์ทุกอย่างที่คาใจมานาน เพราะความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย เธอเชื่อเสมอว่าเวรกรรมมีจริง ปล่อยให้เวรกรรมทำหน้าที่ของมัน