ต้อม รชนีกร เปิดหน้าหลังศัลยกรรมตัดกราม-ดึงหน้า ชี้ยังไม่เข้าที่ รับจิตตก โดนบูลลี่หนัก

          ต้อม รชนีกร ปล่อยโฮ รับจิตตก-ใช้ชีวิตยาก ไม่กล้าออกจากบ้าน หลังทำศัลยกรรม แต่ดันโดนบูลลี่หนัก หวังสวยเหมือนเดิม แค่ต้องรอหน้าเข้าที่ 3 เดือน
 
ต้อม รชนีกร

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

          นักแสดงสาวมากความสามารถ ต้อม รชนีกร เปิดใจครั้งแรกหลังทำศัลยกรรมยกหน้าในวัย 52 ปี และสาเหตุของการถูกปล่อยภาพหลังจากการทำศัลยกรรมทันที พร้อมเผยความรู้สึกหลังโดนชาวเน็ตบูลลี่หนักจนไม่กล้าออกจากบ้าน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน 31 (20 ธันวาคม 2566) ที่มี เป็กกี้ ศรีธัญญา และซินแสเป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
 
ต้อม รชนีกร

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

พี่ต้อมไปทำอะไรมาบ้าง ?
 

          ต้อม : ตัดกราม แล้วก็ดึงหน้า แต่ก็ไม่ได้อย่างที่ออกข่าวมานะว่าไปทำจมูก ไปทำตาเพิ่ม ไม่ได้ทำ
 

ทำไมถึงตัดสินใจทำศัลยกรรมในครั้งนี้ ?
 

          ต้อม : จริง ๆ แล้วมีติดต่อจากโรงพยาบาลมาแล้วเกือบ 3 ปี แต่เราก็ ยังก่อน ๆ ยังไม่พร้อม ยังกลัวอยู่ ยังไม่อยากทำ แต่เห็นเพื่อน ๆ พี่ ๆ ก็ไปทำกันมาเยอะแยะ และที่สำคัญด้วยวัย เรามีความรู้สึกว่าถ้าเราเก็บไว้สัก 10 ปี 60 กว่าเนี่ย เราจะไหวไหมกับการไปดมยา ผ่าตัด
 

ถือเป็นครั้งแรกในการทำศัลยกรรมไหม ?
 

          ต้อม : ถ้าถือว่าเป็นผ่าตัดใหญ่ ใช่ค่ะ นอกนั้นก็เป็นผ่าตัดเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำจมูกก็ไม่ได้หนักหนา แต่อันนี้คือผ่าตัดใหญ่
 

เห็นบอกว่าเดิมทีการตัดกรามเป็นสิ่งที่เราไม่ได้อยากจะตัด ?
 

          ต้อม : ไม่เลย ไม่มีในหัวสมอง เพราะกรามน้อยของเรามันดูเซ็กซี่ออก เราชอบ แต่ว่ามันต้องย้อนไปตอนที่เราเป็นวัยรุ่น ที่เราไปฉีดสารเหลวตอนอายุ 20 กว่า ที่เรารู้ไม่ทัน แต่ก็ได้เลาะออกไปแล้ว แต่พอเราอายุมากขึ้นมันก็หย่อนคล้อยตาม คุณหมอบอกว่าไม่อยากทำอะไรที่มันเกี่ยวกับสารเหลวที่เหลือ จะเลาะก็กลัวเป็นรอย คุณหมอเลยดีไซน์ว่าขอเป็นการตัดกราม แล้วเอากรามมาต่อคางได้ไหม เพราะถ้าดึงไปเลย โดยที่ยังมีสารเหลวอยู่ หน้ามันจะแบน เราก็เลยโอเค ทำก็ทำ
 

มีแอบหาข้อมูลก่อนไหม ?
 

          ต้อม : เล็ก ๆ ค่ะ ไม่อยากเข้าลึก เพราะกลัว ยังไงก็กลัวอยู่ดีที่ต้องไปทำแบบนี้ ทำทุกครั้งบอกเลยว่าใจมันตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ทุกครั้ง ต้องสวดมนต์หลายอย่าง

 

ต้อม รชนีกร

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

เริ่มการทำในรอบนี้คือ มีการตัดกราม วันที่ผ่าตัดคือผ่าตัดกรามก่อนอย่างแรกและอย่างเดียว ?


          ต้อม : ใช่ แต่จริง ๆ แล้วตอนที่อยู่ในสัญญาคือตัดกรามแล้วดึงหน้าเลย แต่เราคิดว่ามันไม่น่าจะได้มั้ง ตัดกรามเขาบอกว่ารอพักฟื้น 3-4 วัน แล้วค่อยดึงหน้าเลย แต่พอออกมาเรียบร้อยแล้ว เรามีความรู้สึกว่าการพูดหรืออะไรมันยังไม่โอเค กลัวว่าจะติดปัญหาละคร เพราะตอนนั้นมีถ่ายละครมนต์รักลูกทุ่ง เราเลยบอกว่า งั้นขอไปถ่ายละครก่อนแล้วกัน สัก 4 เดือนแล้วค่อยว่ากัน ค่อยมาดึงหน้า
 

ณ ตอนนั้นตัดกรามแล้วเอามาใส่คางเลย เข้าไปอยู่ในห้องผ่าตัดนานเท่าไหร่ ?
 

          ต้อม : ไม่รู้จริง ๆ แต่รู้ว่าน่าจะมีเป็น 10 ชั่วโมงแหละ
 

ตอนผ่าออกมาเห็นว่าพูดลำบากเลย ?
 

          ต้อม : ก็พูดได้นะคะ พอฟื้นคืนชีพมาก็ขอกินน้ำเลย
 

การพูดระหว่างที่เราทำกรามอยู่มันชัดไหม ?
 

          ต้อม : มันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งที่มันมีเอฟเฟกต์ เราเพิ่งมารู้หลังจากที่เราทำซึ่งทุกคนจะขำ ๆ มันเป็นเรื่องธรรมดา พูดมันต้องมีปากเบี้ยวบ้าง เราก็อ้าว..เหรอ ฉันต้องถ่ายละคร ฉันต้องปากเบี้ยวทำไง
 

ตอนนั้นทุกคนเห็นแล้วทักเราไหม ทำไมมันเบี้ยวไป หรือเราเห็นด้วยตัวเราเอง ?
 

          ต้อม : มันเห็นด้วยตัวเราเอง ซึ่งมันแก้ไม่ได้ เพราะมันคือเอฟเฟกต์อยู่แล้ว ซึ่งคุณหมอบอกแล้วว่ามันจะมีนะ แต่มันจะมีอยู่แค่ประมาณเดือนหนึ่ง ณ ตอนนั้นรู้ก็ตกใจเหมือนกัน เราต้องใช้ชีวิตประจำวันยังไง กังวลใจ เพราะว่ามีช่วงหนึ่งที่มีคลิปหลุดไปว่า เนี่ยเป็นพิษศัลยกรรมที่ทำมา เอาภาพอันนั้นไป จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ มันคือเอฟเฟกต์ตรงนี้ มันมีหลายกระแสมากที่ทำให้เรา เฮ้ย..อะไรเนี่ย
 

ต้อม รชนีกร

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

แล้วหลังจากนั้นอีกนานไหมกว่าจะไปดึงหน้า ?
 

          ต้อม : ประมาณ 4-5 เดือน เพราะเราต้องถ่ายละครให้จบก่อน แล้วได้พักฟื้นประมาณ 2-3 วัน ถึงได้ไปดึงหน้า
 

ดึงหน้าต้องวางยาสลบไหม ?
 

          ต้อม : วางยาสลบ ถามว่ากลัวไหม กลัวทุกครั้ง คือกลัวที่สุดคือกลัวว่าทำแล้วไม่ฟื้น นั่นแหละคือปัญหา เรายังมี 2 หน่อต้องดูแล เรียนก็ยังไม่จบ การงานก็ยังไม่มีทำ ถ้าเราไม่ฟื้นขึ้นมาใครจะดูแล 2 หน่อนี่ล่ะ
 

แบกความกลัวและความหวังไว้ด้วยว่ามันจะดีขึ้นกว่าเดิม ?
 

          ต้อม : ใช่ค่ะ ทุกคนที่ทำศัลยกรรมทุกคนหวังหมดแหละ เราต้องสะกดจิตตัวเองว่ามันต้องสวยนะ ถามว่าเรามั่นใจในฝีมือคุณหมอไหม เรามั่นใจนะคะ ก่อนที่จะตัดสินใจทำ เรารู้อยู่แล้วคุณหมอต้องเก่ง แต่ทุกอย่างมันต้องรอเวลา
 

ทำออกมาแล้วพอเข้าที่มันสวย แต่ดันมีเรื่องมีราวก่อน ระหว่างผ่าตัดดึงหน้ามันเกิดเหตุการณ์ขึ้น อย่างที่เราเห็นคือมีการถ่ายคลิป ณ ตอนที่เราทำเสร็จแล้ว ?
 

          ต้อม : เอาจริง ๆ ถ่ายคลิป ถ้าถ่ายไว้เผื่อเอาไว้ดูกันในโรงพยาบาล มันเป็นปกติอยู่แล้วที่เขาจะต้องเอาไว้ดู เราก็ไม่ได้คิดว่ามันจะมีภาพหลุด ตัวพี่เองไม่รู้เลย จนกระทั่งนอนได้สัก 4 วันแล้วมีเจ้าของผลิตภัณฑ์ที่พี่เป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่โทร. มา เราก็รับเขาพูดว่า เจ๊เนี่ยหนูเห็นคลิปแล้วนะ เราก็ตกใจ คลิปอะไร เราไม่รู้เรื่อง ผู้จัดการก็ไม่บอก แฟนก็ไม่บอก โทรศัพท์เราก็ไม่ได้รับใด ๆ อยู่แล้ว จนกระทั่งน้องคนนี้โทร. เข้ามา มันจะมีปัญหาไหมเจ๊กับผลิตภัณฑ์ที่เราจะนู่นนี่นั่น ทำไมเขาจะต้องแต่งหน้าขนาดนั้นด้วย หนูไม่เข้าใจเลย คือเจ๊ไม่มีฝ้า ไม่มีกระใด ๆ เลย แล้วอย่างนี้มันจะกระทบกับครีมของน้องไหม เราก็เอาแล้วมันเกิดอะไรขึ้น เราก็บอกโอเค ขอเจ๊ดูก่อนนะ เดี๋ยวเจ๊จะบอกให้ พอวางสายเสร็จ คุยกับผู้จัดการว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาบอกมันมีคลิปออกไปตั้งนานแล้ว
 

ในคลิปคือ ณ ตอนนั้นพี่ต้อมสลบอยู่ ?
 

          ต้อม : ใช่ค่ะ
 

เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าเราบ้างที่เราเห็นแล้ว เฮ้ย ?
 

          ต้อม : เอาจริง ๆ พอหลังจากรู้ให้เขาเอามาให้ดู แต่เราแหกตาดูได้แค่นี้ เพราะตามันปิดหมดเลย เป็นคลิปที่ทุกคนอาจจะเห็นแล้ว ที่แบบนอนหลับตาอยู่แล้วหน้าตึง ๆ เจ๊เห็นแค่คลิปนั้นจริง ๆ เลยบอกว่าในเมื่อมันหลุดไปแล้ว มันก็ทำอะไรไม่ได้ เราก็เลยช่างมันเถอะ คงไม่มีอะไร แต่ที่ผู้จัดการเล่าให้ฟัง เขาได้มีการคุยกับทางโรงพยาบาลว่า ถ้าหลังจากนี้ไป ถ้าจะมีคลิปอะไรใด ๆ ออกไป ขอดูก่อนนะ ไม่ว่าจะเป็นตัวพี่ต้อมหรือผู้จัดการ เขาก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน จริง ๆ ผู้จัดการไม่ได้รู้ก่อนนะคะว่ามีอะไรด้วยซ้ำ แฟนคลับเจ๊เป็นคนส่งไปให้เขาดูว่าอันนี้ใช่พี่ต้อมหรือเปล่า แล้วทำไมถึงปล่อยให้มีภาพนี้หลุดออกไปได้ยังไง เขาถึงได้มานั่งรื้อดูว่ามันมีแบบนี้ด้วยเหรอ ก็เลยโทร. มาทางโรงพยาบาลว่าขออนุญาตได้ไหมว่าเอาออก หรือไม่ก็ซ่อน ทางโรงพยาบาลก็บอกว่าจะซ่อนให้ เขาเล่าให้เราฟังแค่นี้นะ เราก็คิดว่ามันคงจบแล้ว ภาพที่หลุดไปแล้วก็หลุดไป
 

          แต่สุดท้ายหลังจากนั้น 2 อาทิตย์ เรามีการถอดแม็กซ์บนหัว ถอดแม็กซ์ไปแล้ว ถ่ายคลิปไปแล้ว ก็ยังมีขอถ่ายคลิปอยู่ คือมีการคุยไปเรียบร้อยแล้วนะที่โรงพยาบาลว่าหลังจากนี้ถ้ามีอะไร เราขอดูคลิป ขอดูรูปก่อนนะ แต่ก็ยังไม่ได้คิดอะไร ในเมื่อเขาขอถ่ายตรงนี้เราก็ให้ถ่าย คิดว่ามันน่าจะไปลงเอยตอนที่เราหน้าสวยแล้ว แล้วเอาอันนี้มาโปรโมตใช้พร้อม ๆ กัน แต่ไม่ ลงระยะเวลานั้นพอดี ซึ่งไม่ได้เป็นตามข้อตกลงที่คุยกันไว้ว่า ขอดูก่อนนะ แต่พอหลังจากนั้นอีก มีชอตเด็ดอีก ผู้จัดการกับแฟนเอามาให้ดูว่ามันมีภาพที่เพิ่งออกจากห้องผ่าตัด น่าจะยังอยู่ในห้องไอซียู ที่มันมีเครื่องช่วยต่าง ๆ ซึ่งอันนั้นช็อกมาก เรามีความรู้สึกแบบ คือไม่ได้ว่าเขานะคะ เราเข้าใจแหละโรงพยาบาลเขาอยากทำข่าว ทำกระแส หรืออะไรใด ๆ แต่มันมากระทบที่เราแล้ว
 

          ตอนแรกเราไปเดินห้าง เอาลูกไปกินข้าว เราใส่หมวก ใส่แว่น ซึ่งเราคิดว่าคนไม่ได้สนใจ คงไม่จำหรอก เพราะว่าเราคิดว่าเรามีแค่ภาพนั้น แค่นอน แต่ปรากฏว่าพอกินข้าวกับลูกเสร็จ เสร็จทุกอย่างหมดแล้ว เดินขึ้นบันไดเลื่อน ก็มีซุ้มขายของ เรายังพูดกับลูกเลย เขาจำแม่ไม่ได้หรอกลูก หน้าบวมขนาดนี้เขาต้องจำแม่ไม่ได้แน่นอน พอเดินอ้อมบันไดเลื่อนกำลังจะขึ้น หันไปมอง พนักงานขายจากที่อยู่คนละซุ้ม หัวติดกัน เราแบบ..เรียบร้อยแล้ว มันคือการใช้ชีวิตลำบากสำหรับเรามาก ที่เขาเอาภาพพวกนี้ไปออกก่อนที่เราจะสวย ถ้ามันสวยแล้วเอาภาพพวกนี้มาประกบ เราจะไม่ใช้ชีวิตลำบากเลย ตอนนี้เราจะไปไหน คือเป็นจุดที่คนพร้อมจะมองแล้วแบบบูลลี่ตลอดเวลา
 

ต้อม รชนีกร

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

จิตใจตอนนี้มันแย่แค่ไหน ?
 

          ต้อม : มันตกค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนดารา ทุกคนจะบอกว่าทำไมเธอไปออกอย่างนี้ ฉันไม่ได้เป็นคนออก ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำ คือภาพที่นอนเป็นผัก นั่นคือเป็นอะไรที่เราช็อกมากนะว่าแบบมันออกไปได้ยังไง คือมันเหมือนศพ เราเข้าใจแล้วว่าทำไม fc เราถึงได้โทร. มาปรี๊ดกับทางผู้จัดการ ซึ่งจุดนี้คือพูดนะคะ ไม่ใช่ไม่พูด ว่าแบบขอตอนที่เราสวยเลยได้ไหม เพราะว่าเราก็มี fc เราอยู่ แล้วบอกเลยว่า fc เราทุกคนอยากเห็น ไม่ว่าเราจะอยู่ในสภาพอะไรก็แล้วแต่ เขาอยากเห็นเราสวย เพราะเราอยู่ในใจเขาที่เป็นแบบนั้น แต่พอเขามาเห็นสภาพเราเป็นแบบนี้ ทุกคนจะบอกว่า จะหน้าเหมือนเดิมไหม หน้าเก่าก็ดีอยู่แล้ว ทำไมไปทำ คือมาแบบกระหน่ำมาก
 

เวลาเห็นคอมเมนต์ไม่ดี มันมีผลต่อจิตใจเราขนาดไหน ?
 

          ต้อม : มันก็แย่นะ เราเข้าใจ มีทั้งคนรักและคนเกลียด ไม่ต้องบูลลี่ขนาดนี้ก็ได้ แค่นี้ก็ช้ำพอแล้ว แต่เราก็ไม่ตอบโต้ ไม่อ่านด้วย
 

ถ้าจะบอกคนที่คอมเมนต์ พี่ต้อมอยากบอกว่าอะไร ?
 

          ต้อม : เท่าที่เห็นก็คือทุกคนให้กำลังใจนะคะ แต่ทุกคนอยากให้กลับไปเหมือนเดิมมากกว่า อย่างที่บอกว่าสวยตกใจ ก็โอเคเข้าใจแหละ คุณอาจจะตกใจช่วงแรก ซึ่งไม่ใช่แค่คุณหรอกที่ตกใจ พี่ก็ตกใจเหมือนกัน พี่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่จะได้กลับไปอยู่ในสภาพเดิมเมื่อไหร่ แต่ทุกคนจะบอกให้กำลังใจว่าจะอยู่ที่ประมาณ 3 เดือน เราก็หวังเหมือนกัน
 

ตอนนี้มันมีผลกระทบกับการใช้ชีวิตเรายังไงบ้าง ?
 

          ต้อม : ไม่ว่าจะเป็นลูก เพื่อนลูก ก็ถาม อย่างลูกก็ถาม รู้ว่านางแกล้ง อุ๊ย...ใครเนี่ย หน้าตาตื่นตกใจนะแม่นะ สักพักก็จะตบหัวแล้วลูบหลัง แม่หนูดูด้านข้างแล้วเนี่ย ถ้าแม่หาย แม่ปั๊วะมากเลยนะ  ส่วนลูกชาย กอดแม่ได้หรือยัง กอดแล้วแม่จะเจ็บไหม แต่ถ้าใช้ชีวิตลำบากก็เนี่ยเป็นช่วงนี้ที่เราต้องมีการแปลงร่างบ้าง แอบบ้าง ปกปิดบ้าง เวลาออกไปไหนก็ลำบากที่จะออกไปนั่งกินแล้วปิด
 

พอลูก ๆ ให้กำลังใจเราแบบนี้เรารู้สึกยังไงบ้าง ?
 

          ต้อม : เราก็รู้แหละ ไม่ว่าเราจะหน้าดี หน้ายังไง คนที่อยู่ข้างเรา ลูก ผู้จัดการ แฟนอยู่แล้ว เราก็รู้แหละ ทุกคนให้กำลังใจ อยากให้มันดีขึ้น
 

ต้อม รชนีกร

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

เห็นว่าเพื่อนลูกก็มีพูดด้วย ?


          ต้อม : อันนั้นลูกมาเล่าให้ฟัง เพื่อนบอกว่าข่าวแม่แกมันไปเยอะมากเลยนะ ทำไมมันดราม่าขนาดนี้ แม่แกจะหน้ากลับมาเหมือนเดิมไหม เราก็แบบ วี่ วี่ไม่ต้องเล่าให้แม่ฟังก็ได้ แม่เสียใจ นางก็บอกว่าแม่ นางก็พูดไปอย่างนั้นแหละ แม่จะไปสนใจอะไรกับมัน แล้วบอกว่าถ้าแม่หายดีเมื่อไหร่ เพื่อนขอมาหานะ
 

ตอนออกไปข้างนอกต้องปิด ต้องบังตัวเอง มีความรู้สึกไหมว่าไม่อยากออกไปเลย กลัวคนมองเรา ?
 

          ต้อม : มี มีมากถึงมากที่สุด คือจะลงจากรถต้องถามแล้วว่า ใส่แมสก์อันนี้ดีไหม ใส่แว่นอันนี้ดีไหม ใส่หมวกอันนี้ปิดไปถึงไหน แม้กระทั่งผมที่ไม่เคยตัดมา 20 กว่าปีก็ต้องตัด เพื่อเอามาปิดไว้
 

แสดงว่า ณ วันนี้เวลานี้ พี่กังวลใจไปทั้งหมดในการออกนอกบ้าน ?
 

          ต้อม : กังวลใจมาก แล้วไม่ใช่แค่ออกนอกบ้านนะ กังวลใจไปถึงงานอะไรใด ๆ ที่ ณ ตอนนี้มันกระทบ เพราะงานที่เราคุยกันไว้ ติดต่อกันไว้ ง่าย ๆ เลย มันจะมีงานพรีเซ็นเตอร์ที่คุยไว้ก่อนก็มี เดี๋ยวอะไรใดๆ เสร็จแล้วเรามาเซ็น ก็หาย บายบ๊ายไปเลย 2 งาน ซึ่งแบบตรงนี้ใครรับผิดชอบ มันไม่ใช่น้อย ๆ ด้วยนะคะ แต่ก็ไม่รู้จะไปเรียกร้องใคร ถึงได้บอกว่ามันค่อนข้างจะกระทบพอสมควร
 

มันยากไหมที่จะฮีลใจ ปกป้องความเป็นเรา เอาหน้าให้คนทั้งประเทศเห็น ?
 

          ต้อม : บอกตรง ๆ ณ ตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะให้เห็นด้วยซ้ำ
 

ทำไมถึงตัดสินใจออกมาสู้กับเรื่องนี้ ?
 

          ต้อม : มันหลายกระแส เยอะมาก เข้าใจนะ ทางโรงพยาบาลต้องการออกมาช่วยแก้ข่าว ต้องการออกมาช่วย แต่ยิ่งแก้มันก็เหมือนยิ่งไปกันใหญ่ รู้ไหมว่าการที่เขาใช้ชีวิต เขาใช้ชีวิตของเขาลำบากมากเลยนะในแต่ละวัน เขาจะออกไปไหน เขาต้องติดเทป ไม่ใช่ค่ะ ตรงนี้ขอปฏิเสธก่อนเลย ที่บอกว่าติดเทป เรารู้กันอยู่ เราเป็นดารา นางแบบ การติดเทป บางทีเราถ่ายแบบเรายังต้องติดดเทปพยุงนม ติดเทปดึงตา ดึงคาง ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติ แต่ถามหน่อยเราสามารถดึงเทปได้ทั้งวันไหม ชั่วโมงนึงเราก็เจ็บแล้ว จะบอกว่าบางทียิ่งแก้ข่าว มันก็ยิ่งไปกันใหญ่ ณ ตอนนี้มีความรู้สึกว่าไหน ๆ ก็ไห นๆ แล้ว มันก็ต้องออกมาพูดบ้าง ไม่งั้นมันจะแบบใช่ ไม่ใช่ อยู่อย่างนี้ เจ๊ไม่ได้ว่าอะไรเกี่ยวกับโรงพยาบาล เข้าใจตรงนี้เขาต้องทำอยู่แล้ว แล้วอยู่ในสัญญากับเขาที่เราจะต้องทำ ต้องเป็นพรีเซ็นเตอร์ แต่แบบมันกลายเป็นด้วยระยะเวลาที่มันออกมาที่มันไม่พอดีเวลากัน มันเลยทำให้ชีวิตของเรามันแย่ไปในช่วงเดือนนึง บอกเลยว่ามันจิตตก

 

ต้อม รชนีกร

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

ณ ตอนนี้กี่เดือนแล้ว?
 

          ต้อม : เดือนหนึ่งพอดีค่ะ
 

พี่ต้อมอยากบอกอะไรกับคนที่มาบูลลี่ ?
 

          ต้อม : เข้าใจทุกคน มันก็นานาจิตตัง แต่ก็อยากให้เข้าใจเราด้วย เราก็ไม่อยากเป็นแบบนี้หรอก ไม่อยากให้ใครพูดถึงเราแบบนี้หรอก แล้วเราก็ไม่อยากให้ใครเห็นภาพเราเป็นผักแบบนั้นเหมือนกัน แม้แต่ตัวเราเองเราก็ไม่อยากเห็น ก็ต้องขอโทษทุกคนที่อาจจะเห็นภาพอะไรที่ตัวเองอาจจะไม่ปลื้ม แต่ก็ขอบคุณทุก ๆ คนเหมือนกันที่ให้กำลังใจ
 

เห็นบอกว่ามีอีกคนที่คอยดูแล ประกบใกล้ชิดเลย นี่คือแหล่งพลังงาน ความสุขทางใจได้ดีเลย นั่นคือคุณแฟน เขาดูแลยังไงบ้าง ?
 

          ต้อม : ก็มียิงมุก เล่นอะไรประหลาด ๆ ไม่ให้เราหัวเสีย จิตตก ตอนที่นอนโรงพยาบาล ทานอะไรไม่ได้ นางก็เอาไซริงค์มาป้อนน้ำ ป้อนโจ๊ก เพราะเราอ้าปากไม่ได้ แล้วจะไปหาอะไรที่คิดว่าคุณแฟนทานได้ กินแล้วน่าจะกระชุ่มกระชวย ขับรถไปไกลขนาดไหนก็ต้องรีบไปซื้อแล้วมาป้อนที่โรงพยาบาล เขาช่วยทุกอย่าง
 

พี่ต้อมรู้สึกไหมสิ่งที่เขาพยายามทำให้เรา เราก็รู้สึกเห็นใจเขา ?
 

          ต้อม : เคยถามว่าถ้าหน้ากลับมาไม่เหมือนเดิม แกจะยังรักฉันอยู่ไหม เขาบอกว่ามันไม่เกี่ยว ตรงนี้ไม่ต้องคิด ตรงนี้มันทำให้เราไม่โอเค มันอยู่ตรงที่ใจ
 

วันนี้พี่ต้อมอยากบอกอะไรแฟนพี่บ้าง ?
 

          ต้อม : ขอบคุณค่ะ ขอบคุณที่อยู่กันมา แล้วก็ตั้งแต่อยู่กันมา 5 ปีนี้เคยทะเลาะกันแค่ 2 ครั้ง เราชวนทะเลาะนะ ไม่ใช่เขา ขอบคุณค่ะที่เป็นคนดี แล้วเป็นคนที่น่ารักมาตลอด
 

ต้อม รชนีกร

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

ทำไมไม่เปิดตัว ?
 

          ต้อม : เคยถามแล้วค่ะ เขาบอกว่าให้เห็นของสวย ๆ งาม ๆ คนหล่อ คนสวยในทีวีเถอะ อย่าเอาเขาเข้าไปเลย
 

พี่ต้อมรู้สึกงอนบ้างไหมที่เขาไม่เปิดตัว ?
 

          ต้อม : ไม่รู้จะงอนทำไม เพราะปกติเขาจะเป็นแนวติสท์ ๆ อยู่แล้ว ไม่ค่อยยุ่งกับใคร
 

หรือพี่ต้อมรู้สึกว่าอยากมีชีวิตส่วนตัวที่เงียบ ๆ ด้วยหรือเปล่า ?
 

          ต้อม : ก็ไม่นะ อยากโชว์อยู่ แต่เขาไม่มา
 

อยากได้ข้อสรุปกับเรื่องนี้กับการที่เร่ไปทำตรงนี้ แล้วมันมีการดีลกันที่ไม่ชัดเจน ที่เรารู้สึกไม่โอเค หรืออะไรก็ตามที่มันสะเทือนใจเรา ที่เรารู้สึกว่าอันนี้มันไม่ได้ ครั้งนี้เราได้บทเรียนอะไรบ้าง ?
 

          ต้อม : ได้บทเรียนนะคะ ถือว่าเยอะแหละ อย่างที่เราคิดว่าเราทำสัญญา เขียนสัญญามันก็เหมือนกับทุก ๆ คน ทุก ๆ ที่ เหมือนกับดาราหลาย ๆ คนที่ทำ คือเราจะต้องสวยก่อน แล้วถึงออกมาให้คนเห็น แล้วภาพจริง ๆ ที่มันออกไป อยู่ห้องไอซียู ห้องผ่าตัด จริง ๆ มันก็เอาออกไม่ได้อยู่แล้ว เพราะนั่นมันคือการผิดกฎหมาย เราไปเจอตรงนั้น เราก็ช็อกเหมือนกัน โอเคหลังจากนี้ไปเราต้องทำทุกอย่างให้มันชัดเจน เพราะเราไม่รู้หรอกสังคมยุคนี้ทุกอย่างมันเร็วไปหมด มันออกตามสื่อไปหมด ก็ถือว่าเป็นบทเรียน


ศัลยกรรมในครั้งนี้พี่เข็ดไหม ?

          ต้อม : มันไม่ได้เข็ดหรอก จะเอาคำว่าเข็ดก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะเรายังไม่รู้เลยว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แต่เรามั่นใจว่าสวย แต่เราต้องรอบคอบกว่านี้ในการคุยกัน
 

ต้อม รชนีกร

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

          ติดตามชมรายการ คุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama
 
ต้อม รชนีกร

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

ต้อม รชนีกร

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บShow

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ต้อม รชนีกร เปิดหน้าหลังศัลยกรรมตัดกราม-ดึงหน้า ชี้ยังไม่เข้าที่ รับจิตตก โดนบูลลี่หนัก อัปเดตล่าสุด 21 ธันวาคม 2566 เวลา 16:47:20 76,545 อ่าน
TOP
x close