หลายคนยังคงตามต่อกับกรณีดราม่าของ เบียร์ เดอะวอยซ์ ซึ่งนอกเหนือจากเรื่องจูบกับ ปลื้ม ตอนที่ยังไม่เลิกกับ แอนนี่ เพจดังก็ยังทิ้งระเบิดด้วยการโพสต์ว่า "นี่ไม่ใช่ครั้งแรก แค่รอบก่อน ผญ เป็นคนไม่สู้คน ไม่ได้ประจาน โดน ผช เทไปคบกับนางเลยก็แย่งแฟนเขาไปเลย ไม่เคยรู้สึกผิดจน ผญ เป็นซึมเศร้าคนนี้แฟนคนที่ 2 ที่เล่า คือคนที่……แย่งไป สรุปผช ไปโผล่เปิดตัวกันที่ญี่ปุ่นฉ่ำ ไปหาดูกันเองนะจ๊ะ"
พร้อมชี้เป้าคลิปของ กิ๊กกี้ อดีตแฟนของนักร้องหนุ่ม ฮาย ธันวา วง Paper Planes ที่เคยมีข่าวคบกับ เบียร์ เดอะวอยซ์ และได้จบความสัมพันธ์ไปแล้ว
ล่าสุด (6 มกราคม 2567) oneบันเทิง รายงานว่า ฮาย ธันวา ได้ออกมาเปิดใจกรณีโดนขุดปมคบซ้อน ก่อนเปิดตัวคบ เบียร์ เดอะวอยซ์ แล้ว โดยระบุว่า จริง ๆ เรื่องราวเป็นเรื่องเก่า 6-7 ปีมาแล้ว ตนก็จำดีเทลได้บางส่วน จริง ๆ วันนี้ตนกับแฟนเก่าคนนั้น ก็ยังคุยกันอยู่ในฐานะเพื่อน และแฟนของตนก็ยังติดต่องานกันอยู่ มีการติดต่อหางานให้กัน พอมีข่าวเกิดขึ้นก็แอบเอ๊ะนิดหนึ่ง แต่จริง ๆ เราคุยกันตลอด
สำหรับข่าวที่เกิดขึ้นก็มีความจริงบางส่วน แต่ก็มีส่วนที่ถูกและมีส่วนที่ไม่ถูกอยู่ แต่ต้องบอกว่าปกติตนไม่ใช่คนโซเชียล การที่ตนจะออกมาพูดอะไรก็รู้สึกว่าไม่ใช่ตัวเอง เพราะรู้สึกว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้นเรามีการได้คุยกันภายในแล้ว และคิดว่าการที่เราออกมาพูดอะไรมันเหมือนการประกาศสงครามบนโซเชียล แล้วมันไม่จบ แต่ที่จะบอกคือเรามีการคุยกันแล้วตั้งแต่ 6-7 ปีก่อน
ส่วนที่ไม่ถูกต้องเราก็ไม่ได้อยากจะออกมาแก้ต่าง เพราะข่าวบันเทิงเมื่อเราออกมาแก้ต่าง ก็เหมือนการเปิดประเด็น ซึ่งตนไม่ได้ซีเรียส เพราะที่ผ่านมาเวลาจะคบกับใคร เมื่อมีข่าวออกมาตนไม่เคยตอบโต้เลย ตนปล่อยให้มันเป็นไป และรู้สึกว่าคนที่เขาเสพข่าวจริง ๆ เขาจะไปติดตามดูว่าอะไรเกิดขึ้นตอนไหน ว่าง่าย ๆ คือเราไม่ซีเรียส
เมื่อถามว่ารู้สึกยังไงที่คนขุดมา แล้วเหมือนตัดสินเราไปโดยที่เรายังไม่ได้พูดอะไรสักคำ หนุ่มฮายชี้ว่า ตนรู้สึกเหมือนเมื่อก่อนเลย ตอนที่ตนคบกับแฟนอีกคนแล้วตนโดนบูลลี่เรื่องหน้าตา ตนก็เลิกเล่นโซเชียลไปเลย รู้สึกว่าทำไมมันเกิดขึ้นเร็วแบบนี้ เขาไม่แม้แต่จะคิดรอฟังความจากอีกฝ่ายเลย เขาเหมือนกับดูรายการมา ทางนั้นให้สัมภาษณ์แบบนี้แล้วก็เข้ามาด่าเลย
ตนเป็นสไตล์นี้จริง ๆ คือเลิกกะใคร จะคนดังไม่ดัง ตนก็ไม่เคยออกมาพูด เพราะตนมีเป้าของตนคือแค่ใช้ชีวิต และตนรู้สึกว่าคนที่เสพข่าวจริง ๆ เขาจะไม่ตัดสินเร็ว เขาจะดูเรื่องราวจริง ๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ตนคิดว่าไทม์ไลน์ต่าง ๆ มันอยู่ในโซเชียลอยู่แล้ว
เมื่อถามว่ามีสักแวบไหมที่อยากจะออกมาพูดอะไร กับคนที่คิดกันไปเอง หนุ่มฮายยอมรับว่า แวบหนึ่งก็มี แต่ตนแบ่งว่า คิดว่าคอนเซปต์ข่าวมีสัก 2-3 ประเภท หนึ่งคือเสพเพื่อรับข่าวจริง ๆ กับสองคือคนที่ไม่สน ใครชนะตนอยู่ข้างนั้น ซึ่งคนแบบนี้มีมากกว่า การที่ตนออกมาพูดมันเหมือนการฟีดให้คอนเทนต์มันคงอยู่ แล้วให้คนสนุกกันไปเรื่อย ๆ การที่เราออกไปพูดความจริงหรือการไปแก้ต่างมันไม่ค่อยมีประโยชน์
ความรักนั้น คนรู้กันอยู่แล้ว ว่ามันมีแง่มุมที่หลากหลาย เราไม่ได้อยากออกมาพูดเพื่อสาวความยืด เหมือนคนหนึ่งออกไปยืนหน้าบ้าน ไปบอกว่าทำไมแกทำกับฉันแบบนี้ แล้วลองนึกภาพอีกคนที่เป็นคนไม่ค่อยพูดอะไร เขาจะออกไปตะโกนด่ากันหน้าบ้านเพื่อให้คนอื่นมาตัดสินเราทำไม ทำไมเราไม่กลับเข้ามาคุยกันในบ้าน ตนคิดแบบนั้น ซึ่งเราก็คุยกันอยู่แล้ว ล่าสุดไม่นานมานี้ตนยังไปเปลี่ยนโปรโมชั่นเบอร์โทรศัพท์ให้เขาอยู่เลย ตนก็ไม่ได้คิดจะเปิดศึกอะไร
เรื่องที่อยู่ ๆ คนก็ขุดมาทั้งที่เรื่องเกิดมานานแล้ว ตนคิดว่าเป็นผลพวงจากข่าวอีกคนหนึ่ง เหมือนตอนนี้คนเกิดอคติกับน้องเขาแล้ว การที่เราออกไปแก้ต่างคนก็จะไม่ค่อยเชื่อ และมองว่าก็น้องคนนั้นทำแบบนั้นน่ะ มันก็ต้องทำแบบนี้แหละ การที่ตนออกมาตอนนี้ไม่มีประโยชน์ และที่สำคัญคือเรื่องมันผ่านมา 6-7 ปีแล้ว
ถ้าเข้าไปดูคือมันนานมาก แล้วตนได้คุยกันแล้ว เป็นเพื่อนกันแล้ว เป็นเพื่อนประเภทที่โทร. กัน ถามสารทุกข์สุกดิบแล้ว แม้แต่แฟนตนก็ยังเป็นเพื่อนของเขา แล้วอยู่ ๆ เราจะมาสร้างเรื่องเพื่ออะไร ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องของเรา 2 คนแล้ว จริง ๆ มันเป็นเรื่องส่วนตัวที่เราอยากเก็บไว้เป็นเรื่องส่วนตัว
ทั้งนี้ ตนไม่เคยทรีตตัวเองว่าเป็นดารา ความสัมพันธ์ที่ผ่านมาอย่าคิดว่าการที่ตนเลิกกันกับใคร เพราะคิดว่าเขาคนนั้นเป็นดาราหรือไม่ ตนปฏิบัติกับทุกคนเท่ากัน สิ่งที่อยากจะบอกก็คือทุกความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น ตนไม่เคยเลือกใครเพราะใครดังกว่า หรืออะไรก็ตาม ตนบอกตรง ๆ แล้วถ้าเขานึกย้อนกลับไปก็น่าจะรู้ว่าความรักของตนครั้งนั้น ตนตั้งใจมาก ๆ และตนว่าเขาจำได้ แล้วเราเต็มที่กันแล้วทั้งคู่ เมื่อถึงวันหนึ่งที่เราเลิกกัน มันไม่มีเหตุผลอะไรนอกจากตัวเราสองคนเอง
เมื่อถามว่าแบบนี้เรามีภูมิคุ้มกันกับโซเชียลแล้วหรือไม่ ฮายกล่าวว่า ตนเลือกที่จะไม่สนใจมากกว่า เพราะเราเปลี่ยนใครไม่ได้จริง ๆ ยิ่งคนจำนวนเยอะก็เปลี่ยนไม่ได้เลย ตนเข้าไปดูบ้างแค่ว่าคนตีความยังไง แต่สุดท้ายตนก็ไม่ทำอะไร เพราะรู้สึกว่าเขายังไม่มาวุ่นวายอะไรกับครอบครัวตนก็ดีแล้ว ขอให้ยังอยู่ในพื้นที่แสดงความคิดเห็น แล้วตนคิดว่าสิ่งนี้มันควรเป็นมาตรฐานในเรื่องความเป็นส่วนตัวไม่ว่าจะดาราหรือของใครก็ตาม
ตนมองว่าศิลปินไม่จำเป็นต้องตีแผ่เรื่องราวส่วนตัวขนาดนั้น ตนมองว่าเราควรแก้ปัญหาให้ตรงเหตุ ถ้าเรามีเรื่องทะเลาะกับใครก็ต้องไปแก้กับเขา ไม่ใช่ออกมาขอโทษต่อหน้ากล้อง เราควรขอโทษต่อหน้าเขา ซึ่งตนได้ทำสิ่งนั้นแล้ว ได้ปรับความเข้าใจ ได้คุยกันแล้ว สังเกตได้ว่าตนไม่เคยออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องใครเลย แม้เราจะโดนมาขนาดไหนก็ตาม