x close

ภาพล่าสุด ชลิต เฟื่องอารมย์ เล่านาทีชีวิต หลังวูบ ติดเชื้อในกระแสเลือด-ป่วยไฟลามทุ่ง

          น็อต วรฤทธิ์ ควงคุณพ่อ ตุ่ม ชลิต เฟื่องอารมย์ เล่านาทีชีวิต ติดเชื้อในกระแสเลือด วูบ ขยับตัวไม่ได้กว่า 6 ชั่วโมง กับอาการป่วยโรคไฟลามทุ่ง
 
ชลิต เฟื่องอารมณ์

          วันที่ 24 มกราคม 2567 นักแสดงมาดเข้ม น็อต วรฤทธิ์ ควงคุณพ่อ ตุ่ม ชลิต เฟื่องอารมย์ มาเผยวินาทีชีวิตติดเชื้อในกระแสเลือด วูบ ขยับตัวไม่ได้นานกว่า 6 ชั่วโมง กับอาการป่วยโรคไฟลามทุ่ง ผ่านทางรายการ คุยแซ่บShow ทางช่อง one31 ที่มี หนิง ปณิตา และ อาจารย์เป็นหนึ่ง เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
 
ชลิต เฟื่องอารมณ์

- ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าพ่อป่วย ?
 

          อาตุ่ม : มันพูดไม่ถูก มันเป็นอะไรก็ไม่รู้ ซึ่งตัวเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร อยู่ดี ๆ มันก็วูบหายไปเลย มีแต่ความรู้สึก แต่ทำอะไรไม่ได้เลย มันชา แม้กระทั่งจะเอื้อมมือยังไม่ได้ ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่มีอะไรเลย ตื่นเช้ามาทำทุกอย่างปกติ เดินลงมาจากห้องนอนลงมาข้างล่างจะมาเปิดประตูบ้าน พอมาถึงหมดสติล้มพับลงไป
 

- พ่อเป็นคนที่ดูแลตัวเองอยู่แล้ว ?
 

          อาตุ่ม : ใช่ ออกกำลังกาย รดน้ำต้นไม้
 

          น็อต : คือทำกิจกรรมทั้งวัน
 

- แล้วอาหารการกินล่ะ ?
 

          น็อต : กินวันละมื้อเหมือนพระ
 

          อาตุ่ม : 2 มื้อ ๆ
 

          น็อต : แกงถุงหนึ่งกินทั้งวัน
 

          อาตุ่ม : วันหนึ่งเสียค่ากับข้าว 50 บาท กับข้าวอย่างเดียว
 

ชลิต เฟื่องอารมณ์

- หรือกินน้อยไป ?
 

          อาตุ่ม : น่าจะเป็นอย่างนั้น แต่ดื่มนมทุกเช้า 1 กล่อง
 

- ตอนที่คุณอาล้มลงมีสติ แต่ขยับตัวไม่ได้เลย ?
 

          อาตุ่ม : ไม่ได้เลย ตอนนั้นฉันจะโทรศัพท์เรียกใคร เรียกคนงานให้มาช่วยเปิดประตูให้หน่อย มาดูเราสิว่าเราเป็นอะไร แต่มันคลานไม่ได้ ต้องค่อย ๆ นอนราบไปกับพื้น หยิบโทรศัพท์ไม่ได้ บังคับตัวเองไม่ได้
 

- เหตุการณ์เกิดขึ้นที่ไหน ?
 

          อาตุ่ม : ที่สวน จันทบุรี อยู่คนเดียว
 

- แล้วรอกี่ชั่วโมงกว่าจะมีคนมาเจอ ?
 

          อาตุ่ม : ไม่รู้ มันเหมือนกับฝัน เหมือนตัวเองไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งสิ้น เขามาเปิดประตูได้ยังไงก็ไม่รู้ เอาเราไปโรงพยาบาลได้ยังไงก็ไม่รู้ เพียงแต่ว่าเราทำตามที่เขาสั่งไปอาบน้ำก่อนไปโรงพยาบาล เพราะมันเหมือนกับฉี่ราด
 

          น็อต : คือบังคับตัวเองไม่ได้แล้ว
 

ชลิต เฟื่องอารมณ์

- ตอนนั้นความรู้สึกเรากลัวตายไหม ?
 

          อาตุ่ม : ไม่มีความรู้สึกตรงนั้นเลย รู้อย่างเดียวฉันต้องไปโรงพยาบาล
 

- ตอนนั้นเสียงสามารถพูดได้ไหม ?
 

          อาตุ่ม : ไม่ได้พูด เพราะไม่รู้จะพูดกับใคร จิตสั่งทางจิต ไม่รู้จะพูดกับใคร คนงานก็อยู่ไกล ตะโกนก็ไม่ได้ ต้องใช้โทรศัพท์อย่างเดียว
 

- แล้วใครเป็นคนไปเจอ ?
 

          อาตุ่ม : คนข้างนอกอยู่สวนไหนก็ไม่รู้ เขาต้องมาเข้าสวนมาหาเราทุกเช้า เขาเข้ามาร่วมเที่ยงแล้วมั้ง แล้วพาเราส่งโรงพยาบาล
 

- พี่น็อตรู้ตอนไหน ?
 

          น็อต : รู้ตอนถึงโรงพยาบาลแล้ว ลูกน้องพ่อโทร. มา แต่ก็พูดไม่รู้เรื่อง ก็คุยกับหมอ ซึ่งลักษณะหมอชอบพูดให้เรากังวล พ่อเป็นอย่างนู้นอย่างนี้ เอาไงดี สรุปเป็นอะไรกันแน่ มีทางรักษาไหม ตอนนี้พ่อมีสติอยู่หรือเปล่า เขาบอกว่ารู้ตัวแล้ว ขยับตัวได้ แต่ไม่รู้ว่าพ่อเป็นอะไร แล้วขั้นตอนการรักษาของหมอเป็นอะไรบ้าง ทำอะไรบ้าง เขาก็เล่า ๆ เราก็มาเล่าให้ที่บ้านฟัง ใครจะเป็นหน้าที่ไปดูแลพ่อยังไง แบ่งหน้าที่กัน ตอนนี้ไม่ว่างนะ แม่เลยเป็นคนที่ไปดูแลพ่อ ไปอยู่กับพ่อที่โรงพยาบาลกับพี่แนน
 

- ใจตอนนั้นกังวลแค่ไหน ?
 

          น็อต : ตอนที่รู้ข่าวเขาพูดไม่รู้เรื่อง เราก็กังวลนะว่าพ่อเราเป็นอะไรหนักหรือเปล่า แต่พอเราตั้งสติแล้วฟังคุณหมอเล่าเหตุการณ์ต่าง ๆ เราก็รู้แล้วว่าตอนนี้พ่อปลอดภัยแล้ว แต่ว่าอยู่ในช่วงการดูแลรักษาของคุณหมอว่าจะต้องดูให้ละเอียดรอบคอบมากกว่านี้ว่าสาเหตุที่พ่อเป็นเกิดจากอะไร ก็เลยเบาใจลง ค่อย ๆ วางแผนต่าง ๆ

 

ชลิต เฟื่องอารมณ์

- แล้วพี่น็อตคุยกับพี่แนนไหม ?
 

           น็อต : คุยกันตลอด เธอไปดูแลกับแม่ก่อนนะ แล้วคอยรายงานตลอด เพราะบางทีคุณหมอพูด เขาชอบพูดให้เราตกใจ เขาไม่ให้ความหวังเรา เขาต้องเผื่อไว้อีกทาง
 

- พี่ใช้คำพูดว่าคุณหมอพูดไม่ให้ความหวัง แปลว่าอาการที่วันนั้นฟังคือวันนั้นพ่ออาจจะเสียชีวิต ?
 

           น็อต : ถามว่าถึงขั้นเสียชีวิตหรือเปล่า คงไม่เสียชีวิต ณ ตอนนั้น แต่มันมีโอกาสให้คุณพ่อเสียชีวิตได้ถ้าไม่รักษาให้ทัน แต่มันเป็นธรรมชาติของคุณหมอไง คุณหมอจะไม่พูดในแง่บวกเพื่อไม่ให้ความหวังเรา ให้เราเตรียมใจไว้เพื่อระมัดระวังมากขึ้น อันนี้เราเข้าใจ
 

- วันนั้นคุณหมอวิเคราะห์ว่าอาการเป็นอะไร ?
 

           น็อต : หมอบอกไม่รู้ว่าพ่อเป็นอะไร คาดว่าน่าจะติดเชื้อในกระแสเลือดนะครับ แล้วติดเชื้อในกระแสเลือดจากสาเหตุอะไร คุณหมอก็ยังหาสาเหตุไม่เจอว่าเกิดจากอะไร แต่คิดว่าน่าจะเป็นแผลเล็ก ๆ ที่ขาแล้วมีอะไรแปลกปลอมเข้าไปแล้วไปติดเชื้อ คือไม่รู้สาเหตุ
 

- รู้สึกขัดแย้งไหมกับสิ่งที่คุณหมออธิบายมา ?
 

           น็อต : ตัวเราก็ไม่มีความรู้หรอก แต่เรารู้ว่าอาการของพ่อวันนั้นที่เข้าโรงพยาบาลคือขาบวมมาก
 

           อาตุ่ม : แต่เราไม่รู้นะว่าขาบวม
 

           น็อต : ขาบวมแล้วมีแผล คาดว่าพวกเชื้อโรคต่าง ๆ จะเข้าไปทางแผล ทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือด นั่นคือความคาดเดาของคุณหมอนะว่าวินิจฉัยว่าเป็นอย่างนั้น แล้วคำว่าติดเชื้อในกระแสเลือดในความรู้สึกเรามันคือรุนแรง มันคือเรื่องใหญ่ แต่ถ้าอยู่ในโรงพยาบาลแล้วใกล้มือหมอ โอกาสรอดมันสูงอยู่แล้ว

 

ชลิต เฟื่องอารมณ์

- ใช่แผลที่ขาที่พ่อทายาอยู่ทุกวันนี้ไหม ?
 

          อาตุ่ม : ใช่ ๆ
 

          น็อต : ทุกวันนี้ยังไม่หายเลยนะ แต่อันนี้ดีขึ้นมากเลย
 

          อาตุ่ม : ทายาสมุนไพร เพราะโรงพยาบาลรักษาไม่หาย
 

- ทุกวันนี้พ่อดีขึ้น กลับมาใช้ชีวิตได้ปกติ แต่ยังไม่รู้ว่าสาเหตุของโรคคืออะไร ?
 

          อาตุ่ม : ใช่ ไม่รู้ แต่เราก็ถือโอกาสทำบอลลูนไปเลย รอให้การติดเชื้อในกระแสเลือดหายเรียบร้อย แล้วเราก็ทำบอลลูนอีกเส้นหนึ่ง
 

- เขาเรียกว่าไฟลามทุ่งใช่ไหม ?
 

          อาตุ่ม : เขาเรียกว่าไฟลามทุ่ง ที่มันเหมือนสะเก็ดเงินแต่ไม่ใช่ เหมือนแผ่นเนื้อมันไหม้แล้วมีการพอง ตอนอยู่โรงพยาบาลเขาก็เอาเข็มมาจิ้มให้น้ำเหลือง น้ำหนอง น้ำใส ๆ ออกมา นี่ 6 เดือนแล้วยังไม่หายเลย
 

- ความทรมานตอนที่เรามีสติ เรารู้สึกตัว ?
 

          อาตุ่ม : ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่คัน มันมีแต่แผลขึ้นมา
 

- สาเหตุของการเกิดโรคทุกวันนี้ก็ยังวินิจฉัยไม่ได้ ?
 

          อาตุ่ม : ไม่ได้ไปหาหมอ หมดไปเยอะแล้ว ตรงไหน ๆ ไปหมด มีหมอเป่าน้ำมนต์เราก็ไป เป่าเหล้าเราก็ไป ทำทุกอย่าง ไม่หาย
 

น็อต วรฤทธิ์

- พ่อเป็นคนดูแลตัวเอง เป็นคนเนี้ยบคนหนึ่ง พอมาเป็นแบบนี้รู้สึกกังวลใจอะไรไหม ?
 

          อาตุ่ม : เฉย ๆ ปลงแล้ว อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิด อะไรมันจะหายมันก็หายไปเอง มันเกิดได้มันก็หายได้
 

- พ่ออยู่โรงพยาบาบาลเป็นเดือนเลย ?
 

          อาตุ่ม : ครึ่งเดือน เพราะติดเชื้อในกระแสเลือด เขาต้องรักษา เราก็เบลอไม่รู้เรื่อง แล้วเราเป็นคนติดบุหรี่ อาละวาดทั้งโรงพยาบาล เราไม่รู้ตัวว่าอาละวาด ในความคิดของเรา ฉันต้องสูบบุหรี่ให้ได้ ฉันอยากสูบบุหรี่เหลือเกิน เรียกหมอมาด่า เพื่อน ๆ มา โรงพยาบาลนี้กูไม่เข้าอีกแล้ว จำเอาไว้ โพสต์ด้วยนะ โพสต์ในกลุ่มเพื่อน
 

- เห็นว่าหลังจากที่เหตุการณ์นี้เกิด พี่น็อตตั้งกฎเหล็กขึ้นมา มีกฎอะไรบ้าง ?
 

          น็อต : ไม่ใช่ผมหรอก แต่ทั้งครอบครัว ก็คือเรื่องของการขับรถ เราไม่ให้ขับรถแล้ว เพราะว่าเราไม่รู้ว่าอยู่ดี ๆ จะวูบไปตอนไหน มันเกิดอุบัติเหตุได้
 

- พ่อดื้อไหม ?
 

          น็อต : ไม่ดื้อ หลังจากเกิดเหตุการณ์ผ่านความตายนี่โอ้โห..เลี้ยงง่ายมาก พูดอะไรก็เชื่อ
 

          อาตุ่ม : เราทำอย่างนี้เพื่อให้ทุกคนในบ้านสบายใจ ไม่ต้องห่วงเรา
 

- อีกหนึ่งข่าวดีคือคุณพ่อเลิกสูบบุหรี่ ?
 

          อาตุ่ม : ถูกต้อง หาวิธีการเยอะแยะมาก ไปซื้อยาหม้อต้ม หลายอย่าง เมื่อก่อน 3-4 หน เลิกไม่ได้ ยังไงก็ต้องกลับมาดูด แล้วดูดวันละ 2 ซอง ขนาดไปทำบอลลูนเส้นแรก หมอบอกคุณชลิตอยากตายไหม ถ้าอยากตายดูดต่อไป ถ้าไม่อยากตายเลิกดูด ผมเลิกไม่ได้ครับหมอ ช่วยผมหน่อยเถอะ มาทำเส้นที่ 2 เข้าโรงพยาบาลเที่ยวนี้เลิกได้เพราะอยู่โรงพยาบาลนาน
 

ชลิต เฟื่องอารมณ์

          ติดตามบทสัมภาษณ์ของ น็อต วรฤทธิ์ กับคุณพ่อ ตุ่ม ชลิต เฟื่องอารมย์ แบบเต็ม ๆ ได้ในรายการ คุยแซ่บShow ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama
 
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ภาพล่าสุด ชลิต เฟื่องอารมย์ เล่านาทีชีวิต หลังวูบ ติดเชื้อในกระแสเลือด-ป่วยไฟลามทุ่ง อัปเดตล่าสุด 9 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 11:17:45 9,576 อ่าน
TOP