โอม Cocktail พูดเมื่อ 5 ปีก่อน ถึงแผนเลิกเป็นนักร้องตอน 40 ก่อนยุบวงจริง ชีวิตคือการวางแผน

          เป็นข่าวที่ช็อกอยู่ไม่น้อยของวงการดนตรี เมื่อวง Cocktail เผยว่าจะมีการยุบวง ด้วยวัยและความเปลี่ยนแปลง โดยเป็นแผนที่จะยุบวงในระยะเวลา 2 ปี และนับจนถึงวันนี้ ทางวงก็ไม่มีอะไรที่ต้องเสียดาย

          อ่านเพิ่มเติม COCKTAIL ประกาศยุบวง ร่ายยาวเหตุผลประกาศล่วงหน้า 2 ปี - จากนี้โอม แขวนไมค์

          ทั้งนี้ ย้อนกลับไปเมื่อปี 2559 โอมได้มีโอกาสไปพูดในวัน Settrade Streaming Day 2019 ถึงเรื่องการวางแผนชีวิต การวางแผนการลงทุน ซึ่งสรุปออกมาได้ว่า

          โอมเกิดมาในครอบครัวที่มีอันจะกิน มีธุรกิจของครอบครัวที่ดีอยู่แล้ว ไม่ต้องดิ้นรนมาก มี passive income ก่อนหน้านี้โอมค่อนข้างเป็นเด็กเกเร ไม่เอาถ่าน และเคยเรียนปริญญาตรีจนถูกรีไทร์มาแล้ว แต่โอมได้เปลี่ยนชีวิตตัวเองใหม่เพียงเพราะว่า ต้องการทำให้ชีวิตของโอมดี ไปด้านใดด้านหนึ่ง จนโอมสามารถเรียนจบปริญญาตรีอีกใบด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1

          ก่อนที่โอมจะมาเป็นนักร้อง โอมได้เป็นอาจารย์ที่คณะนิติศาสตร์ที่นิด้ามาก่อน ตอนนั้นเงินเดือน 12,000 บาท เงินเดือนเหลือแต่ละเดือนคือ 25 บาท และกดออกจากตู้เอทีเอ็มไม่ได้ จากนั้นโอมจึงไปเรียนต่อที่ปักกิ่ง เมื่อกลับมาก็ได้กลายเป็นนักร้อง จากที่โอมตั้งใจว่า เป็นนักร้องแค่ 3 ปีก็จะเลิก แต่กลายเป็นว่ามีเพลงดังมาก ๆ ขึ้นมา ก็เลยทำให้โอมได้ทำเพลงต่อ

          ก่อนหน้านี้โอมไม่คิดเรื่องการลงทุนเลย เพราะเงินเหลือแต่ละเดือนน้อยมาก แต่เมื่อมาเป็นนักร้องทำให้โอมคิดเรื่องการออม การลงทุน การเป็นนักดนตรีก็มีเรื่องกลไกราคา เราจะจ่ายเงินให้ตัวเองเท่าไร จ่ายเงินให้นักดนตรีเท่าไร และจ่ายให้โบรกเกอร์เท่าไร ต้องศึกษาคู่แข่ง และต้องตั้งราคาให้เหมาะสม เพราะส่วนใหญ่นักดนตรีเหมือนกันก็ไปเล่นที่เดียวกัน

          ในการตั้งราคานั้น โอมต้องหักค่าตัว 20% ให้แกรมมี่ ตอนเริ่มทัวร์แรก ๆ ค่าตัวอยู่ที่ 40,000 บาทต่อชั่วโมง หารกันตกถึงตัวได้คนละ 2,700 บาท ตอนนั้นเล่นเดือนหนึ่ง 25 งาน จบที่เดือนละเกือบแสน และค่าตัวก็ขึ้นเรื่อย ๆ เป็น 60,000 80,000 120,000 150,000 และจบที่ 220,000 บาท

          ในการจัดการวง โอมจัดให้มีการจัดเก็บเงินกองกลางของวง ตอนแรกเมื่อจ่ายเงินไปแล้ว ก็ให้ทุกคนเอาเงินออกมา 10,000 บาททันที แต่ทำแบบนี้ไม่มีใครอยากจ่าย โอมจึงเปลี่ยนเป็นการตั้งบริษัทขึ้นมา เมื่อเงินจากลูกค้าเข้ามา เงินจะเข้าไปที่กองทุนนี้ทันที ซึ่งตั้งชื่อว่า “กองทุนเกษียณอายุของวง”

          ความเสี่ยงของการเป็นนักร้องนั้น ไม่ใช่แค่มีวงใหม่มาตลอด สุขภาพ แต่สิ่งสำคัญคือเรื่อง “อายุ” ต่อให้นักดนตรีมีเงินเดือนกว่า 350,000  - 400,000 บาทต่อเดือน แต่ช่วงชีวิตของการเป็นนักดนตรีนั้นสั้นมาก

          โอมเป็นนักร้องตั้งแต่อายุ 24 ปี ตั้งใจที่จะเลิกเป็นนักร้องเมื่อทำงานเมื่ออายุ 40  (ปัจจุบันโอมอายุ 38 ปี หากยุบวงในอีก 2 ปี อย่างที่ว่าไว้ โอมก็จะหยุดเป็นนักร้องตอน 40 พอดี) เท่ากับว่ามีเวลาเป็นนักร้องแค่ 16 ปี นักร้องอาจจะมีเงินเดือนเป็นแสน ๆ  ในตอนนี้ แต่ด้วยอายุการทำงานที่สั้นมาก เมื่อเทียบกับข้าราชการที่ทำงานได้จนอายุ 60 ปี หากเอามาหารกันแต่ละเดือน จะพบว่าเป็นข้าราชการเงินเดือนมากกว่าเป็นนักร้องนักดนตรี

          คนเราอย่าคิดแค่ว่าจะขึ้น มีลงได้เสมอ เราต้องคิดว่าเราอยากจะมีใช้เท่าไหร่ ซึ่งตอนนี้กองทุนของวง หาเงินได้ประมาณ 2.6-3 ล้านบาทต่อปี ตนเล่นดนตรีได้ถึงอายุ 39 ปี ตอนนั้นจะมีเงินในกองทุน 18 ล้านบาท และเมื่อหารกัน 5 คน (นักดนตรี 4 คน และผู้จัดการอีก 1 คน) และเมื่อหารกันจะเหลือเงินแค่ 4 ล้านบาท ใช้ทั้งชีวิตอย่างไรก็ไม่พอ

          การจะทำให้เงินจำนวนนี้งอกเงยนั้น อาจต้องมีถึงร้อยล้าน ทางวงก็จึงเอาเงินไปลงทุนธุรกิจ ซื้อโลหะมีค่า ซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซื้อหุ้น

          วิชาที่โอม Cocktail สอนนั้น คือวิชาประวัติศาสตร์กฎหมาย ซึ่งจะเอาไปหากินยากมากหากไม่เป็นอาจารย์ โอมจึงเลือกเป็นนักร้องด้วย เพราะจะทำให้โอมได้เดินทางและได้สัมผัสผู้คน  ที่สามารถเอามาประยุกต์ใช้ในการสอนได้ ซึ่งนอกจากเป็นนักร้องโอมก็ยังสอนกฎหมาย และมีบริษัทกฎหมายเป็นของตัวเอง รับปรึกษาปัญหาหย่าร้าง เรื่องหนี้ มรดก แย่งชิงสิทธิ์เลี้ยงดู

          เมื่อถามว่า โอมมีฝันอะไร โอมบอกว่า ตนแอนตี้คำว่าฝัน มันดูโรแมนติกเกินไป ตนเป็นคนทะเยอทะยานในใจ ถ้าจะทำต้องทำให้ดี ทำให้เลิศ ถ้าได้ทำก็อยากทำให้ดีที่สุด ทุกวันนี้โอมทำหมดเลย อยากเก็บเงินให้วงมีเงินเก็บเยอะ ๆ และได้เป็นผู้บริหารก็อยากทำให้มันดี ถ้าจะใช้คำว่าฝัน ก็ขอมีความสุขในสิ่งที่ตัวเองทำอยู่ก็พอ

          ส่วนเรื่องเล่นหุ้นนั้น โอมไม่ถนัด เพราะโอมไม่เชี่ยวชาญ และไม่ชอบยุ่งกับตัวเลข โอมมีผู้บริหารกองทุนให้ เอาเงินไปแช่ไว้ให้เงินงอกเงยก็พอ