นางเอกมากความสามารถที่โลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงไทยมาอย่างยาวนาน "เบนซ์ พรชิตา" ซึ่งตอนนี้เป็นคุณแม่ลูกสามที่ครอบครัวน่ารักมาก ได้มาเปิดใจในรายการ WOODY INTERVIEW เล่าถึงเรื่องราวชีวิตคู่ กว่าจะมีทุกวันนี้ก็ผ่านจุดที่เกือบแยกทางกันมาก่อน และยอมรับเคยมีปัญหากับสามีเรื่องเซ็กส์เพราะน้ำหนักตัว ทุกวันนี้เป็นครอบครัวที่อบอุ่นอยู่ในความฝันอันสูงสุด จะไม่ยอมให้หลุดออกไป ไม่พร้อมที่จะแตกแยกอะไรทั้งนั้นเลย
คนไทยจะรู้จักเบนซ์ในหลากหลายรูปแบบทั้ง นักร้อง นักแสดง และเป็นอีกหลายอย่างในชีวิต เรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว ?
เบนซ์ : 20 ปีค่ะ
ผ่านมาแล้ว 20 ปีคุณก็คงเจอกับทุกรูปแบบในโลกใบนี้แล้ว มีจุดไหนไหมก่อนแต่งงานที่รู้สึกว่าคงไปต่อลำบาก ?
เบนซ์ : จริง ๆ ก่อนแต่งงานเยอะมากนะคะ เพราะว่าหนูแสบมาก ตอนนั้นอายุ 25 คิดว่าไม่อยากเสียเวลากับคนเยอะ ถ้าใช่ก็ใช่ ไม่ใช่ก็เลิกไปเลย ก็เลยรู้สึกว่าตอนเจอพี่มิค เบนซ์ก็จัดแน่นเลย หึงสุด ๆ งี่เง่าสุด ๆ โวยวายสุด ๆ เอาแต่ใจทุกอย่างยิ่งกว่าในละคร โมโหก็คือโมโหแบบสุดทางเลย เขาก็ถามเรานะทำแบบนี้เพื่ออะไรตอนนั้น ก็เลยบอกพี่เจอเลยแบบเต็มที่
จะได้รู้ว่าหนูเวลาโมโหที่สุดหรืองี่เง่าที่สุด พี่รับได้หรือเปล่า ถ้ารับไม่ได้ก็เลิกไป เพราะว่าสักวันหนึ่งพี่อยู่กับเบนซ์ต้องมีวันหนึ่งที่เป็นแบบนี้ จะได้ไม่ต้องพูดว่าคบมาไม่เคยเป็นแบบนี้ ซึ่งแล้วจริง ๆ ก่อนหน้านั้นก็มีเรื่องที่ทำให้เรารู้สึกว่าน่าจะยาก เพราะแม่ไม่ชอบเลย เพราะว่าด้วยคาแรกเตอร์เขา ดูกะล่อน ดูเจ้าชู้พูดไปเรื่อย ๆ แล้วแม่บอกว่าเราหาดีกว่านี้ได้ไหม หนูก็รู้สึกว่ามันก็ต้องลองดูก่อน บางทีการคุยกับแต่ละคนจะมีบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าคนนี้น่าจะเป็นคนดีนะ เป็นเซนส์ที่รู้สึกว่าคนนี้ไม่ได้มาหลอก ซึ่งจะบอกว่าพี่มิคเขาเป็นสุภาพบุรุษก็ได้ แล้วก็เป็นคนที่โคตรอดทนสำหรับเบนซ์
กำลังคิดว่ามิคเขาต้องปรับตัวเยอะขนาดไหน ?
เบนซ์ : โห เยอะมากพี่ เพราะจริง ๆ พ่อแม่เขาเลี้ยงมาดีมาก แต่อีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าเกือบจะมีปัญหากันเลย คือทุกวันอาทิตย์ บ้านเขาต้องไปกินข้าวกัน แล้วต้องกินที่โรงแรม ความเป็นที่เราเป็นเด็กบ้าน ๆ ก็จะรู้สึกว่าแพงมากเลย ฉันต้องไปกินเป็นหมื่นเลยเหรอ หนูไม่ได้ขี้เหนียวนะ แต่ว่าเสียดายตังค์ ทำไมต้องไปกินแพงขนาดนี้ แต่เราก็ไม่ได้เป็นคนที่แชร์กับเขานะ แต่แค่ไปกับเขาก็รู้สึกว่าไฮโซทำตัวไม่ถูก อันนี้ก็ไม่เคยกิน กินไม่ถูก คือเราไม่เคยอยู่ในสังคมแบบนี้
มีวันหนึ่งหนูเลยบอกเขาว่า พี่ต้องกินแบบนี้ตลอดไปเลยหรือเปล่า เสียดายตังค์ อนาคตเราต้องมีตังค์เท่าไหร่ถึงจะเลี้ยงทุกคนได้ เบนซ์รู้สึกว่าเปลี่ยนเป็นร้านที่ถูกกว่านี้ได้ไหม พี่มิคก็เลยบอกว่าโอเคถ้าถามมาแบบนี้ งั้นกลับบ้านเดี๋ยวคุยกัน ประโยคเดียวสั้น ๆ หนูก็เลยเงียบไปจนถึงบ้านเลยค่ะ ถึงบ้านเขาบอกเลยว่า พี่ขอพูดเลยนะว่าพ่อแม่มิคต้องมาก่อนเสมอ แล้วเขาก็บอกว่า การที่พ่อแม่มิคส่งมิคไปเรียนเมืองนอก ส่งพี่ ๆ ไปเรียนเมืองนอกเขาต้องใช้เงินกับมิคเยอะมาก
การที่มิคดูแลเขาแค่นี้ มันไม่ได้เสี้ยวหนึ่งของการที่เขาดูแลมิคเลย ถ้าคิดว่าไม่โอเคเลิกกันไปเลยนะ เขาจริงจังเด็ดขาดแล้วก็ชัดเจนมากเรื่องครอบครัว วันนั้นหนูฟังแล้วรู้สึกว่าไม่เคยเจอผู้ชายพูดแบบนี้ แต่แทนที่หนูจะรู้สึกว่าแรง ไม่คุยดีกว่า หนูกลับคิดว่าชอบจังเลย เขาให้พ่อแม่เขามาก่อน เหมือนฉันเลย รู้สึกว่ามีคนเหมือนกันเลย เลยทำให้เราก็รักเขามากขึ้นและก็เบาไปเลยกับเรื่องอื่น ๆ เพราะอย่างน้อยความคิดเขาก็เป็นคนรักครอบครัวแล้วหนึ่ง ถ้าเขารักครอบครัวรักพ่อแม่เขา เขาก็น่าจะรักเราและลูกด้วย ก็เป็นข้อหนึ่งที่เรารู้สึกว่าอ่อนไปเยอะเลย
เรื่องของคู่ชีวิตที่แต่งงานมีลูกกัน แน่นอนก็มีหลายคู่ที่พอเจอปัญหาก็จบ แต่สำหรับเบนซ์ปัญหาแม้จะหนักขนาดไหนคุณก็จะไม่ยอมให้มันจบใช่ไหม ?
เบนซ์ : เคยคิดเรื่องนี้หลายครั้งมากเวลาที่เราเห็นข่าว สมัยก่อนที่ยังไม่แต่งงานและก็ยังไม่มีลูก เราก็เคยคิดว่าจะทนเพื่ออะไร ทำไมต้องเสียใจ ถ้าเป็นฉันจะไม่ทนฉันหาเงินเองได้ ดูแลตัวเองได้ ดูแลลูกได้ แต่พอมาวันนี้เบนซ์มีลูก แล้วรู้สึกว่าความพยายามที่จะสร้างครอบครัวกันระหว่างเบนซ์กับพี่มิคมันไม่ใช่เรื่องง่าย มันไม่ใช่เจอกัน 2 ครั้งแล้วก็รีบแต่งงาน รักกันทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี
กว่าที่เราจะผ่านอุปสรรคต่าง ๆ มาได้ กว่าที่เราจะแต่งงานก็เรื่องหนึ่งแล้ว เรื่องที่เราจะเป็นนักแสดงก็ต้องมีความระมัดระวังในการวางตัวในการเป็นแฟนกันในยุคก่อน ส่วนหนึ่งที่ทำให้เบนซ์พยายาม แล้วก็ไม่อยากทำให้มันแยกออกจากกัน เพราะเบนซ์ดูพ่อแม่เบนซ์เอง พ่อแม่พี่มิค รู้สึกว่าทุกคนมีปัญหาหมดเลย บ้านเราก็มีปัญหา แต่พ่อแม่เขาก็คุยกันได้
จนถึงทุกวันนี้ เบนซ์ยังรู้สึกว่าเราอยู่ในครอบครัวที่อบอุ่นมาก ๆ นั่นคือความฝันอันสูงสุดของเรา ความคิดหนูตั้งแต่เด็กจนโต อยากเป็นแม่ที่อยู่ในครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนทุกวันนี้ รู้สึกว่าในทุกวันนี้เรามาอยู่ในความฝันที่สูงสุดแล้ว จะไม่ปล่อยให้มันหลุดออกไป และการที่เราเป็นครอบครัวแล้วเบนซ์ไม่พร้อมที่จะแตก ไม่พร้อมที่จะแยกอะไรทั้งนั้นเลย อะไรที่เบนซ์ยอมได้เบนซ์ยอม อะไรที่เราไม่ยอมก็ขอคุย เอาจริง ๆ นะสามีมีชู้แทบจะไม่อยู่ในสมองเลย นึกภาพเหล่านั้นไม่ออกเลยว่ามันจะเสียใจแค่ไหน เพราะว่าถ้ามันเกิดขึ้นจริง ๆ จะพยายามประคองมันให้ดีที่สุด
จนกว่าลูกจะพูดว่าถ้าแม่ไม่ไหว แม่ออกมา แต่หนูจะไม่เป็นคนพูด เชื่อว่าเราจะทำแบบนั้น เพราะยังอยากให้ครอบครัวเป็นครอบครัว แต่ถ้าสมมุติพี่มิคไม่ได้ให้เกียรติเรา ไปให้เกียรติทางโน้น และไม่ได้รักเราเลย อันนั้นอาจจะพูดได้เลยว่าโอเค ถ้างั้นเลิก แต่ถ้าเขายังคงให้เกียรติเราแล้วก็ทำทุกอย่างเหมือนเดิมเป็นคุณพ่อที่ดี ดูแลเรา ไม่ได้มีการว่ากล่าวกัน เบนซ์ก็ยังรู้สึกว่าเขาทำหน้าที่สามีได้โอเค ก่อนหน้านี้เบนซ์ก็จะมีปัญหาชีวิต ไม่ค่อยมีอะไรกับพี่มิค เขาจะรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สำหรับเขามาก แต่สำหรับเราก็ไม่เห็นเป็นอะไรนี่นา ไม่ได้เดือดร้อนไม่มีก็ไม่เป็นไร แต่ผู้ชายไม่ได้ก็คือต้องมีไง
เรื่องเซ็กส์มันเป็นสิ่งที่ต้องมี พออายุมากขึ้นก็รู้สึกว่าไม่มีก็ได้ แต่สามีคุณดูท่าทางเขาจะยังไม่หมดอารมณ์ ?
เบนซ์ : ไม่ขนาดนั้นหรอก แต่เขารู้สึกว่าเวลาเบนซ์ปฎิเสธ ชอบคิดว่าเบนซ์รังเกียจเขา คือหนูไม่ได้ปฎิเสธแบบง่วงนอนพรุ่งนี้ได้ไหม ไม่ใช่ แต่เวลาเขาจะจับจะแบบ อืม !! ทันที แบบไม่ต้องจับได้ไหม ความรู้สึกเขา ก็แบบจับเมียตัวเองก็ไม่ได้เหรอ อะไรอย่างงี้ เขาบอกรู้สึกแย่มากเลยนะ ว่าคนที่เขารักรังเกียจเหรอ มิคอ้วน ไม่หล่อใช่ไหม เป็นอะไร เหมือนเขาจริงจังมากเลยนะช่วงนั้น เบนซ์ก็บอกว่าพี่ มันไม่ใช่แค่พี่คนเดียวนะที่คิดว่าตัวเองไม่โอเค หนูก็คิดว่าหนูไม่โอเค เพราะช่วงที่หนูอ้วน ช่วงที่ท้องตัวใหญ่ แล้วรู้สึกว่าฉันเป็นคนที่เคยสวยมากเลยนะ (หัวเราะ) พอฉันอ้วน นม ตูด ใหญ่เบ้อเร่อ พุงห้อย ไม่ต้องเห็นไม่ได้เหรอ รู้สึกไม่โอเค มันเป็นความรู้สึกที่ผู้หญิงไม่อยากให้เห็น คือรู้สึกว่าอยากให้เขาจำแต่ภาพดี ๆ นึกออกไหม เพราะตอนนั้นหนัก 86 ค่ะ
สามารถติดตาม WOODY INTERVIEW ได้ที่ช่องทาง Facebook: Woody , Youtube: Woody