ฝน ธนสุนทร แจงดราม่าโปรเจกต์ปลดหนี้-สบู่ ชี้เป็นแค่พรีเซ็นเตอร์ พ้อโดนโยงเอี่ยวพนัน

          จากกรณีที่ ฝน ธนสุนทร มีคลิปเปิดโปรเจกต์ปลดหนี้ สบู่แบรนด์กายา ที่บอกว่าตัวแทนสามารถปลดหนี้ได้ทั้งหมดด้วยการขายสบู่ และมีคนปลดหนี้ไปกว่า 25 ล้านบาทแล้ว จนถูกดราม่าและมีการโยงว่าเป็นธุรกิจคล้าย ๆ กับแชร์ลูกโซ่ อีกทั้งยังถูกโยงว่าเป็นนักร้องเสียงหวานติดหนี้พนัน

          ล่าสุด (11 มีนาคม 2567) คุณส้ม ดร.ตรีชฎา ใจสบาย ผู้บริหาร บริษัท เดอะ เจเนอรัส จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายแบรนด์สบู่กายา และทนาย แถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับกระแสดราม่าว่า ตนกล้าพูดได้ชัดเจนว่าไม่ใช่แชร์ลูกโซ่ และไม่ใช่ธุรกิจเครือข่าย เป็นการซื้อขายปกติ ซื้อมา ขายไป บริษัทไม่เคยมีเจตนานำเงินของลูกค้าไปลงทุนในส่วนอื่น ซึ่งทางแบรนด์ไม่มีการบังคับยอด ไม่มีการบังคับให้ออกไปหาดาวน์ไลน์ เราไม่ได้ทำระบบนั้น เรามีการสร้างทีม สำหรับคนที่อยากจะสมัครมาเป็นตัวแทน ก็เท่ากับว่าเป็นทีมงานของเรา ไม่มีการบังคับยอดการสั่งซื้อ และไม่มีการบังคับให้ออกไปหาตัวแทน หากทำให้หลาย ๆ ท่านเกิดการเข้าใจผิด คิดว่าเราเป็นธุรกิจแชร์ลูกโซ่ คิดว่าเราชักจูงคน เราน้อมรับที่จะปรับปรุงแก้ไข นับจากนี้ไปการสื่อสารจะมีความชัดเจนมากขึ้น

          ขณะที่ ฝน ธนสุนทร ได้ชี้แจงผ่านทางโทรศัพท์ ยืนยันไม่ได้เป็นเจ้าของแบรนด์ เป็นแค่พรีเซ็นเตอร์เท่านั้น และสาเหตุที่ตัวแทนจำหน่ายเรียกพี่ฝนว่าบอส เพราะเขานับถือพี่ฝน อยากให้เกียรติพี่ฝน เท่านั้นเอง อย่างที่คุณส้มบอกว่าทำหน้าที่พรีเซ็นต์ในเรื่องสินค้า การที่เราไปทำกิจกรรม ก็ไปตามหน้าที่ตามสัญญาพรีเซ็นเตอร์ ถ้าคนไม่เข้าใจก็จะเข้ามาเป็นห่วงว่าจะจริงได้เหรอ ปลดหนี้ได้จริงเหรอ บางทีเขาฟังไม่จบ ว่าเอาเงินมาให้เรา เดี๋ยวเราไปปลดหนี้ให้ เขาฟังไม่จบ จริง ๆ ไม่ใช่ เราจะสอนให้ขายของ สอนให้ทำงาน ถ้าใครขยันก็ปลดหนี้ได้แน่นอน ถ้าใครไม่ขยันก็คงตามที่ตัวเองทำ เราก็พยายามสอนให้ทุกคนได้ทำ ได้ค้าขายออนไลน์ได้

          ฝนเป็นแค่จุดเล็ก ๆ เป็นพรีเซ็นเตอร์ ไม่ใช่เจ้าของโปรเจกต์ เราอยากให้ผู้บริหารได้มาชี้แจง อธิบาย แสดงเอกสารที่ถูกต้อง ใครอยากตรวจสอบก็เข้าไปเช็กได้ ถ้าให้ฝนนั่งตอบก็อาจตอบไม่หมด ให้ผู้บริหารตอบก็น่าจะชัดเจนกว่า แต่ในส่วนเรา เราทำหน้าที่พรีเซ็นเตอร์เท่านั้นเอง อยากให้ทุกคนฟังให้จบ และฝนจะไม่ฟ้องใคร ถ้ารู้ว่าไม่ใช่เข้ามาขอโทษเรา แก้ไขให้เราก็พอใจแล้ว โลกวุ่นวายมากพอแล้ว เรื่องเยอะมากพอแล้ว เราอย่าทำอะไรให้เป็นเรื่องกันอีกเลย ฝนเลยรู้สึกว่าไม่อยากจะฟ้องร้องหรืออะไร ถ้าเข้าใจผิดก็มาคุยกัน

          และเมื่อถามถึงกระแสข่าวโยงว่านักร้องเสียงหวาน มีปัญหาเรื่องการเงิน และมีเอี่ยวกับการพนัน ฝน ก็บอกว่า รู้สึกแย่ เพราะไม่ใช่เรื่องจริงเลย จริง ๆ เรื่องนี้ มันมีกระแสมานานแล้ว แต่มันไม่ใช่เรื่องจริง พี่ฝนไม่ได้สนใจ ยุ่งเกี่ยวอะไร เพราะมันไม่ใช่ความจริง ตอนนี้เอามาโยงอีก ทำไมยังไม่จบ พูดได้เต็มปากว่า การพนันไม่ใช่เรื่องจริง 100%  ถ้าเป็นแฟนคลับที่รู้จักนิสัยใจคอเรา เขาก็จะรู้ว่าเราไม่ใช่แบบนั้น

          เรื่องขายบ้าน มีนักข่าวมาสัมภาษณ์ที่บ้าน ก็คุยปกติ คุยเรื่องผลงาน เรื่องอนาคต ซึ่งฝนชอบทำการเกษตร ก็เลยบอกว่าอนาคตฝนฝันอยากมีบ้านสวน อยากอยู่แบบพอเพียง อย่างที่ในหลวง ร.9 ท่านสอน ฝนฝึกทำปุ๋ยทำโน่นนี่ ฝึกตัวเองเพื่ออนาคตเราไปอยู่บ้านสวนในบั้นปลายเกษียณหลังจากเลิกร้องเพลง เขาเลยถามว่าถ้าไปอยู่ตรงนั้น แล้วบ้านหลังนี้เราก็บอกว่าถ้าเราต้องไปอยู่บ้านสวน บ้านหลังนี้เราก็ต้องขายแล้วมั้ง แค่นั้นเอง ไม่ได้ประกาศขายบ้าน แต่พูดจริงว่าถ้าเราถึงขั้นไปทำสวน มีสวน ไปอยู่สวรรค์บนดินตามสิ่งที่เราปรารถนาแล้ว บ้านหลังนี้ก็คงต้องขายแล้วมั้ง อาจจะฟังไม่จบ หรือฟังไม่ได้ศัพท์ หรือฟังแค่ว่าขายบ้าน หรือดูแค่พาดหัวว่าฝนจะขายบ้านแล้ว แต่นิดหนึ่ง นักข่าวก็ขอเราว่าขอพาดหัวแรง ๆ ได้ไหม เราก็เรียนนิเทศฯ มาเนอะ พาดหัวคนก็สนใจ หารู้ไม่ว่ามันจะมากระทบเรา แต่ถ้าคนได้ฟังเนื้อหาตั้งแต่ต้นจนจบจริง ๆ ก็จะเป็นอย่างที่ฝนเล่า ให้ฝนเล่ากี่รอบก็เหมือนเดิม เพราะเป็นความจริง