x close

สุกัญญา มิเกล หลั่งน้ำตาได้คุยกับพ่อที่ตามหา 50 ปี - เผยเลิกสามี แต่ยังอยู่บ้านเดียวกัน

          สุกัญญา มิเกล ควง จอม เปิดใจ ลดสถานะเหลือแค่เพื่อน แต่ยังอยู่บ้านเดียวกัน หลั่งน้ำตาวิดีโอคอลหาพ่อบังเกิดเกล้ากลางรายการ 
สุกัญญา มิเกล

             สุกัญญา มิเกล ขอเปิดใจครั้งแรก กับการรอคอยกว่า 50 ปี ตามหาพ่อแท้ ๆ จนสำเร็จแล้ว ขอบคุณตัวเองที่ไม่ฆ่าตัวตายในวันนั้นเพื่อเจอหน้าพ่อบังเกิดเกล้าในวันนี้ พร้อมเปิดหน้าพ่อชาวอเมริกันวัย 70 ปีเป็นที่แรก เตรียมควงลูกชายย้ายไปอยู่อเมริกาถาวรจริงหรือ หลังปิดฉากสัมพันธ์สามีภรรยากับ "จอม" ไปเรียบร้อยแล้ว ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา และ บูม สุภาพร เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
สุกัญญา มิเกล

ได้เจอคุณพ่อแล้ว ?

            มิเกล : จริง ๆ เจอพ่อประมาณ 3 ปีแล้ว คือตั้งแต่เกิดไม่เคยเจอ ตามหาคุณพ่อจนเจอจนได้ เป็นสิ่งที่พระเจ้าประทานให้ ใช้เวลา 50 ปีในการตามหา แล้วเวลารู้ก็คือรู้ เรารู้แหละว่าเรามีพ่อ ไม่ได้ออกจากกระบอกไม้ไผ่ แต่ไม่รู้ว่าพ่อชื่ออะไร ไม่รู้เราเป็นลูกครึ่งอะไร ไม่เคยเห็นหน้าพ่อมาก่อนเลย หน้าเราเหมือนใคร

วินาทีทราบว่าผู้ชายคนนี้คือพ่อเราจริง ๆ ?

            มิเกล : มันมีหลายคนมาก ไปค้นดูได้เลย ไล่มาปึ๊บ ๆ แต่ละคนก็ทรงคล้าย ๆ หมดเลย แล้วได้รับการคอนเฟิร์มจากน้องสาวคนละแม่ว่านี่คือพ่อ เราอยู่กับตายายตั้งแต่เล็กเลย พี่เกลเกิดที่ระยอง แม่ก็อุ้มหนี รพ.ระยอง เพราะไม่มีตังค์จ่ายตอนคลอด แม่ก็เอาไปไว้ที่นครสวรรค์กับตายายตั้งแต่เด็ก ก็เคยถามยายเหมือนกันว่าพ่อคือใคร พ่ออยู่ไหน หน้าฝรั่ง พ่อเป็นใคร ยายก็บอกว่าพ่อเป็นฝรั่งนั่นแหละ ไม่ใช่มังคุด เขาไม่รู้จะตอบยังไง พี่รู้อย่างเดียวว่าจมูกพี่เหมือนพ่อ จมูกพี่ไม่เหมือนแม่ แค่นั้น ส่วนอื่นไม่รู้จริง ๆ เพราะไม่มีเหมือนพ่อจริง ๆ ด้วย

สุกัญญา มิเกล

เป็นปมในใจไหม ?

            มิเกล : พอเราโดนล้อว่าไอ้ลูกกำพร้า หรือล้อว่าเป็นลูกไม่มีพ่อไม่มีแม่ สมัยหลังสงครามเวียดนาม ลูกครึ่งเป็นกำพร้าแน่ ๆ แหละ แต่มีช่วงเวลาสัก 5-6 ขวบ เป็นปมเลยว่าอยากตามหา ยายบอกเอ็งมีพ่อแม่แหละ แต่เขาไม่ได้อยู่ด้วย เราไปตามหาดูว่ารูปที่อยู่ในลังของแม่ คนไหนน่าจะเป็นพ่อเรา ฝรั่งเยอะมาก แต่ละคนก็แฟนแม่ทั้งนั้น เราก็ไม่รู้ว่าคนไหนอีก เหมือนมีบางอย่างมาบอกเรา เป็นการ์ดวันคริสต์มาสที่ส่งมาจากแม่ที่อยู่ที่อิตาลี เป็นภาพจากพระเยซูแล้วมีเสียง เหมือนมีคนพูดว่าไม่เป็นไร คนนี้ก็เป็นพ่อ ก็เลยกลายเป็นความอุ่นอยู่ข้างใน ไม่รู้สึกว่าเราขาดพ่อ เพราะเรามองว่าพระเจ้าคือพ่อเรา

จากคำถามในใจตั้งแต่เด็กที่ค้นหามาตลอด พออายุ 50 เจอคุณพ่อ ปมหายไปไหม ?

            มิเกล : หายครับ ก่อนหน้านี้เด็กที่ไม่รู้ว่าต้นตระกูลตัวเองคืออะไร เด็กที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่ตัวเองเป็นใคร ขอแค่ได้รู้ ความอุ่นใจจะเกิดขึ้น แต่อย่างของพี่เกล โชคดีที่อยู่กับตายาย แต่ก็มีความรู้สึกว่าเราไร้ราก เราไม่รู้ว่าเขาคือใคร หน้าตายังไง เหมือนเคว้งคว้าง พอวันหนึ่งที่รู้ว่าเขายังไม่ได้สูญเสียไป เขายังมีชีวิตอยู่ แล้วได้รู้ว่าเขาพร้อมเจอเรา อยากเจอเราเสมอ มันเหมือนหัวใจมันเต็ม จากที่แหว่ง ๆ มันฟูไปหมดเลย มีพลังมาก พี่เกลพูดเสมอว่าครอบครัวคือขุมพลัง มันเป็นเรื่องความรู้สึกที่เติมเต็ม มันไม่ขาด มันอบอุ่นอยู่ข้างใน เด็กบางคนโทษตัวเองว่าโลกนี้คงไม่มีใครต้องการเรา คำนี้รุนแรงนะ เวลาคนรู้ว่ามีเด็ก ๆ เป็นกำพร้า อย่างแรกไม่ควรไปจี้จุดเขาว่าพ่อแม่ของแกเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ แล้วไม่ควรไปตั้งคำถามว่าพ่อแม่อยู่ไหน หรือถ้าเป็นลูกกำพร้าที่มีเพื่อน ๆ ที่เป็นกำพร้า ก็ไม่ควรไปถามว่าโคตรเหง้าศักราชอยู่ไหน เพราะสิ่งเหล่านั้นกลายเป็นการเอาเข็มทิ่มเข้าไป เพราะเขาไม่รู้จะหาคำตอบยังไง ตัวเขาเองก็ไม่รู้คำตอบ 

สุกัญญา มิเกล

มีช่วงหนึ่งพี่เกลก็อยากลาโลกเหมือนกัน ?

            มิเกล : เคย หลายครั้งอยู่ เพราะรู้สึกว่าไม่อยากดูแลตัวเอง ไม่รักตัวเอง รู้สึกว่าไม่เป็นที่ต้องการ ไม่จำเป็นต้องดูแลตัวเอง เหมือนเราเป็นสิ่งหนึ่งที่ไม่มีใครต้องการ เราเลยไม่รักตัวเอง และทับถมตัวเอง ตั้งแต่วัยรุ่นเลยนะ หลังสุดคือช่วงก่อนหย่า นี่คือครั้งสุดท้าย

กลับมาได้ยังไง ?

            มิเกล : เวลาตั้งใจจะทำ มักมีเหตุหรือมีใครบางคนมาเตือนว่าให้ลองมองอีกอย่างหนึ่งนะ มาเสนอแนะ เบี่ยงเบนความคิดเรา ไม่รู้ใครส่งมาเหมือนกัน แล้วอีกอย่างจะมีเสียงในหัวว่า มีบางสิ่งบางอย่างค้างคา ยังไม่จบ จบตอนนี้ยังไม่ได้ ต้องทำให้สำเร็จ ซึ่งไม่รู้ว่าอะไร แปลก เหมือนบางอย่างที่รออยู่ยังไม่สำเร็จ ยังไม่ใช่ตอนนี้

สุกัญญา มิเกล

ต้องขอบคุณตัวเองที่ไม่ได้ลาโลกไป เพราะไม่งั้นจะไม่ได้เจอคุณพ่อ ?

            มิเกล : ใช่ ถ้าตัดสินใจหรือไม่ฟังอะไรเลยตอนนั้น ดื้อแพ่งที่จะไป ก็จะไม่มีโอกาสแบบนี้ สอง ความเสียใจจะเกิดกับลูก กับคนที่รักเรามาก ๆ ด้วยความคิดที่ว่าเราไม่รักตัวเอง แค่นั้นเอง

วันนี้มีความสุข ได้เจอคุณพ่อด้วย หลายคนถามว่าถ้าเราไม่รู้ว่าครอบครัวเราคือใคร แล้วเราอยากไปตามหา จุดเริ่มต้นไปค้นหาคุณพ่อ แล้วไปเจอได้ยังไง ?

            มิเกล : ตอนแรกคิดว่าชาตินี้คงไม่ได้เจอกันแล้ว เราคงไม่มีปัจจัยอะไรไปตามหาเลย เพราะไม่รู้ชื่อ ไม่รู้นามสกุล ไม่มีรูป เคยคิดไปสอบถามกับกรมทหารผ่านศึกอเมริกา แต่เราไม่มีรูป ศูนย์หมดทุกอย่าง จนปีที่ลูกชายเกิด ลูกชายมีผมหยักศกไม่เหมือนเรา เราก็เอ๊ะ เจ้าหนูนี่หน้าเหมือนใคร สงสัยเหมือนพ่อเรา ก็โทร. คุยกับแม่ที่อิตาลีว่า แคลเลย์ พ่อตั้งชื่อให้เราหรือยังไง แม่บอกไม่ใช่ มันคือนามสกุล ตอนนั้นมีกูเกิลพอดี ก็เสิร์ชเลย เอาแค่ว่าเรานามสกุลนี้ มีเชื้อสายไอริช แค่นี้ก็รู้รากแล้วนะ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ไม่ได้ตั้งใจจะค้นหาถึงขั้นตรวจดีเอ็นเอขนาดนั้นนะ เรื่องของเรื่องคือแต่งงานกับพี่จอม ปี 2019 แล้วพี่จอมกับพี่เกล ชื่อแม่ชื่อเดียวกัน เลยต้องพิสูจน์กันก่อนว่าเป็นพี่น้องกันหรือเปล่า แล้วมีพี่สาวที่หายไปด้วย ตอนนี้เจอแล้วด้วย จัดการตรวจดีเอ็นเอแล็บเดียวกันด้วย (หัวเราะ)

สุกัญญา มิเกล

พอแต่งงานก็ตรวจกันก่อนว่าไม่ใช่พี่น้องกันนะ ก็เลยไปตรวจดีเอ็นเอ ?

            มิเกล : ใช่ พอดีมีเพื่อนลูกครึ่งเอากล่องตรวจดีเอ็นเอจากอเมริกามาขายต่อ เราก็ซื้อ 2 กล่อง บ้วนน้ำลายแล้วเพื่อนก็หิ้วไปส่งที่อเมริกา เพราะแล็บนี้ไม่รับส่งแถบเอเชีย รอเกือบ 2 อาทิตย์ ผลก็ออกมา ของพี่จอมน้ำลายเสีย (หัวเราะ) ผลไม่ออก แต่ของพี่เกล ออกมาปรี๊ดเลย ดีเอ็นเอไปตรงกับผู้คนเยอะมาก 1.9 หมื่นกว่าคน ดีเอ็นเอเราไปตรงกับต้นตระกูล มีรากจากญาติ ๆ เรา มันออกมาเลยว่ามีชื่อหลายคนนะ แต่เราก็ไม่รู้ว่าคนไหน จะมีอยู่คำนึง ชื่อไมเคิล คิม แคลเลย์ ข้างใต้จะเขียนว่าไม่เป็นพ่อแม่ก็เป็นลูก แค่นั้นก็คิดว่าใช่แล้วแหละ

ติดต่อเลยไหม ?

            มิเกล : ไม่ ไม่กล้าติดต่อไป ไม่รู้เขาพร้อมเจอเราไหม เพราะส่วนใหญ่ทหารอเมริกันที่มา ก็มีลูกโดยไม่ได้คาดเดาว่าจะมี แต่ละคนก็มีปัญหาของตัวเอง เวลาเขาย้ายกลับไป อย่างนึงที่รู้คือยังไม่ตาย เราก็ไม่กล้าติดต่อไปว่าฉันคือโน่นนั่นนี่ ไปติดต่อหลานชายพ่อ อ้อมไปโน่นเลย (หัวเราะ) บอกว่าฉันชื่อนี้ อยู่ประเทศนี้ ฉันคาดว่าคุณเป็นญาติฉันหรือเปล่า สรุปน้องสาวที่เป็นลูกของพ่อต่างมารดากัน เขียนเข้ามาในแมสเสจแล็บนี้ว่า ฉันคิดว่าคุณกับฉันเราน่าจะเป็นญาติกัน ดีใจมาก เราเจอน้องสาว แล้วก็เขียนกลับไปว่าฉันมีที่อยู่นี้นะ อีเมล เฟซบุ๊กนี้นะ รอดูว่าเขาสนใจคุยกับเราไหม ปรากฏว่าน้องก็ติดต่อกลับมา ก็ยาวเลย คุยกับน้องสาว 1 ปี พ่อไม่มีอีเมล เป็นคนยุคเก่า พ่อไม่ใช้มือถือ ต่อต้านเทคโนโลยีมาก เวลาน้องสาวไปเยี่ยม เราก็ถามว่าเธอบอกเขาหรือยังว่าเจอฉันแล้ว น้องสาว น้องชายไม่กล้าพูดกับพ่อเรื่องนี้ เพราะทุกคนไม่เคยได้ยินจากปากพ่อว่ามีลูกอยู่เมืองไทย ฝรั่งเขาให้เกียรติกัน ถ้าไม่เปิดไว้ เขาก็ไม่กล้า เขาถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวมาก ๆ น้องสาวคิดว่าพ่ออาจไม่อยากได้ยินก็ได้มั้งอาจลืม ๆ ไปหรือเปล่า ผ่านไปปีนึง น้องชายไป ก็บอกว่าคราวนี้ลองบอกพ่อหน่อยนะว่าเจอฉันแล้ว ปรากฏว่าไปปุ๊บ น้องสะใภ้บอกว่าฉันได้ยินเขาพูดว่าไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ ความโกรธขึ้นเลย ก็ต้องคุยแล้วแหละ ก็ขอที่อยู่กับน้องสะใภ้ ส่งเป็นบทความ หนังสือได้เลย ก็ขอเล่าทุกอย่างที่มีในชีวิตตัวเอง แล้วตบท้ายว่าถ้าคุณไม่อยากคุยถึงสิ่งเหล่านี้ฉันก็โอเค แต่อย่าพูดว่าเป็นความผิดของคุณไปจนกระทั่งคุณตาย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความผิดของคุณ ขอให้รู้แค่นี้ แล้วแม่เลี้ยงก็ติดต่อมาทางเฟซบุ๊ก

สุกัญญา มิเกล

วันนี้จะได้ยินเสียงและหน้าคุณพ่อของพี่มิเกลพร้อมกัน คุณพ่ออยู่ในสาย ?

           ไมเคิล : hi สวัสดี ที่นี่ดึกแล้ว

วันแรกที่ได้คุยกับลูกเป็นไงบ้าง ?

           ไมเคิล : ผมแฮปปี้มาก แล้วก็กลัว เพราะไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน

เตรียมตัวยังไงที่จะต้องได้เจอกัน ?

           ไมเคิล : รอไม่ไหวแล้ว (คุณพ่อบอกว่าพูดไทยได้นิดหน่อย)

            มิเกล : (เช็ดน้ำตา)

สุกัญญา มิเกล

มีอะไรอยากพูดกับพี่มิเกล ?

           ไมเคิล : เป็นคนสำคัญคนหนึ่ง ตามหา 50 ปีเหมือนกัน

คุณพ่อก็ตามหาพี่มิเกลเหมือนกัน ตามมา 50 ปี ?

           ไมเคิล : ใช่ ซึ่งมันยาก

ตอนนี้พ่อพี่มิเกล แพลนให้ลูกชายพี่มิเกล ไปมีโรงเรียนที่โน่น คุณตาจะให้พี่มิเกลกับลูกไปอยู่ที่โน่น เขาเตรียมรอ ทำเต็มที่เพื่อหลาน ?

            มิเกล : เตรียมรอมาปีกว่าแล้ว

           ไมเคิล : จริง ๆ ซะด้วย (พูดไทย)

สุกัญญา มิเกล

ธาเนียอยากไปไหม ?

           ธาเนีย : อยากไปครับ อยากเจอคุณตา

           ไมเคิล : อยากเจอเร็ว ๆ แล้ว

          ธาเนีย : อยากไปกอดมากครับ

           ไมเคิล : ต้องมีแขนยาว ๆ นะ (หัวเราะ)

อยากบอกอะไรคุณพ่อ ?

            มิเกล : ถ้าไปจะอยู่ด้วยกันตลอดไปจนหมดลมหายใจ ฝรั่งเขาไม่ได้คิดแบบเรา แต่คนไทยจะคิดแบบนี้ คำแรกที่รอคอย แทนที่จะอธิบายโน่นนั่นนี่ เขาส่งคลิปเสียงมาสวัสดี พี่เกลน้ำตาไหลเลย การที่เขาเคยมาอยู่ที่นี่ เขาอยู่นานมากนะ เขามาตอน 18-19 เขาอยู่กับแม่พี่เกลนานมาก จนพี่เกลอยู่ในท้องแม่ 6 เดือน เขาถูกเรียกตัวกลับ เขาทำเรื่องกลับมาเพราะรู้ว่ามีลูก แต่ช่วงเวลานั้นประเทศไทยยกเลิกฐานทัพแล้ว ก็เลยกลับมาไม่ได้

สุกัญญา มิเกล

คิดย้ายไปอยู่ถาวรเลยไหม ?

            มิเกล : พี่เกลเป็นคนไทย ตอนนี้ได้เป็นคน 2 สัญชาติ ไทยด้วย อเมริกันด้วย อันนี้คือแผ่นดินแม่ อันโน้นคือแผ่นดินพ่อ ก็คงจรลีแบบนี้

คราวนี้จะได้ไปอยู่ด้วยกันที่โน่นเลย เหมือนละคร ?

            มิเกล : น้ำเน่าด้วย ก่อนหน้าตรวจดีเอ็นเอ เราก็พยายามตามหา แคลเลย์คนไหน ถ้าตามหาแล้วไม่มีชีวิตอยู่แล้วเหมือนพ่อของหลาย ๆ คน อันนั้นก็เป็นความเศร้า แต่อย่างน้อย ๆ ได้รู้ว่าเขาคือใคร พี่เกลก็คิดว่าต่อให้เขาไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้แล้ว พี่เกลก็จะไปหาเขาที่หลุม ถ้าเขาไม่มีชีวิตก็ต้องไปเจอเขา แต่ตอนนี้ดีกว่า เพราะเขายังมีชีวิตและแข็งแรงมาก ๆ และรู้ว่าเขาไม่ได้ไปเพราะเขาไม่ต้องการพี่ เหมือนที่รู้สึกตั้งแต่เล็กว่าเขาไม่ได้ทิ้งเรา

สุกัญญา มิเกล

ล่าสุดพี่มิเกลกับพี่จอมเลิกกันแล้ว ?

            มิเกล : ไม่ได้เลิก

สถานะอะไร ?

            มิเกล : เราไม่มีการจดทะเบียนเหมือนหญิงชาย เราไม่ได้เลิก แต่ลดสถานะ จากคู่รักมาเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม แต่เรายังเป็นครอบครัวเดียวกันเหมือนเดิม อยู่บ้านเดียวกัน อยู่เหมือนเดิมทุกอย่าง

            จอม : ถ้าร้องไห้ก็ช่วยซับน้ำตาหน่อยนะ เหมือนเราเห็นชีวิตพี่มิเกลตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ จอมรู้สึกว่าก่อนเป็นเพื่อนแล้วมาเป็นคนรัก พอเป็นคนรักปุ๊บเราเป็นคนไม่น่ารัก เรานอยด์เก่ง เราไม่อยากสูญเสีย วันหนึ่งเหมือนจิ๊กซอว์ที่ถูกต่อแล้ว

            มิเกล : เราพยายามไม่ให้มันพัง ดีกว่าดึงสถานะกันไปจนเราเกลียดขี้หน้ากัน นี่คือความคิดเขานะ พอเป็นคู่รักต่างคนต่างคาดหวัง เขาคาดหวังให้พี่เกลหวานขึ้นบ้าง เพราะปกติเป็นคนกระด้าง พี่เกลก็คาดหวังว่าเธอน่าจะมีระเบียบเหมือนฉันบ้าง พอคาดหวังมากไปเรื่อย ๆ ก็มีแต่ลบ ๆ เราไม่อยากให้มันลบ เพราะเราตั้งใจเอาไว้ว่าจะเป็นครอบครัวกันไปตลอด เราก็ดึงสถานภาพเพื่อนกลับมา

            จอม : เป็นเพื่อนกันดีที่สุดแล้ว

            มิเกล : พอเป็นเพื่อน เราเปิดที่ว่างให้คุณทำผิดได้

สุกัญญา มิเกล

ให้อิสระต่อกัน รวมถึงถ้าจะมีคนอื่นได้ไหม ?

             มิเกล : จริง ๆ อยากให้เขามี แต่ละคนก็อยากให้อีกคนมี

            จอม : จริง ๆ จอมไม่อยากมี แต่ว่าอยากให้เขามีความสุข

             มิเกล : พี่จอมคิดมาก ว่าเดี๋ยวพี่ไปกับลูกที่โน่น

อยู่ด้วยกัน แต่คิดว่าถ้าเป็นอิสระ เวลาอยู่ไกลกันจะได้ไม่ต้องกังวล แต่เราพร้อมอยู่ตรงนี้รอเสมอ ?

            จอม : ใช่ค่ะ ครอบครัวมันก็ยิ่งใหญ่ พอเป็นเพื่อนปุ๊บ ไม่มีความหึงหวงแล้ว เป็นความรักที่อยากเห็นเขามีความสุข ฟังดูดีมาก (หัวเราะ) ก็ยังรักตั้งแต่แรกจนถึงทุกวันนี้ พอเป็นเพื่อนแล้วกล้าพูด กล้าโวยวาย แต่เขาน่ารัก

             มิเกล : พอพี่จอมขอเป็นเพื่อน พี่เกลก็ถามเหตุผล พอถามเหตุผลก็บอกว่ามีข้อเดียวที่ฉันจะไม่ยอม คือการขอออกไปจากครอบครัว ยังไงก็ต้องเป็นครอบครัวเดียวกัน นอกนั้นฉันยอมหมด

            จอม : ก็จะดูแลกันไปจนแก่

สุกัญญา มิเกล

พรุ่งนี้คือวันอะไร ?

             มิเกล : เขาอยู่กับหม่ามี๊มา 15 ปีแล้ว พรุ่งนี้วันเกิดธาเนีย (รายการมอบเค้กให้น้องธาเนีย) ก็ขอให้ลูกแข็งแรง มีสติสตางค์สมบูรณ์ อายุแต่ละปีที่เติบโตขึ้น ลูกก็จะค่อย ๆ เป็นผู้ใหญ่ไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องห่วงว่าต้องมาคอยดูแลหม่ามี๊ สิ่งสำคัญที่อยากได้คือให้หนูดูแลชีวิตตัวเองเอาตัวเองให้รอด ให้สู้กับโลกอนาคตได้

              จอม : ขอให้ลูกแข็งแรง ทั้งกำลังกายและกำลังใจ มีสติปัญญาทั้งทางโลกและทางธรรม เป็นเด็กดี

สุกัญญา มิเกล

           ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
สุกัญญา มิเกล หลั่งน้ำตาได้คุยกับพ่อที่ตามหา 50 ปี - เผยเลิกสามี แต่ยังอยู่บ้านเดียวกัน อัปเดตล่าสุด 25 เมษายน 2567 เวลา 10:41:52 11,075 อ่าน
TOP