แม้ ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์ กับ แพรวพราว แสงทอง จะเลิกรากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ดูเหมือนสัมพันธ์ของทั้งคู่จะมีดราม่าตามมาไม่เลิก โดยเฉพาะเรื่องสมบัติ จนกลายเป็นประเด็นให้ชาวเน็ตและแฟน ๆ ได้จับตามอง
ล่าสุด (24 เมษายน 2567) ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์ ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องนี้ในรายการ แฉ พร้อมตอบปมความสัมพันธ์กับ เบส รักษ์วนีย์ ด้วย โดยได้เผยเรื่องการทะเลาะเรื่องสมบัติว่า มันก็มีจริง ๆ แต่ก็ไม่ทะเลาะกันหรอก เราตกลงกันไปแล้ว จบทุกอย่างแล้ว แต่ก็มีญาติเขาไม่จบ ตัวเขาอาจจะไม่มีอะไรหรอก หรือมีเราก็ไม่รู้ แต่เราก็เงียบมานานแล้วหลังจากออกรายการแฉครั้งก่อน ก็ไม่พูดแล้ว จบ
แต่ก็มีประเด็นให้พูดอีก ก็เลยโพสต์ว่าแบ่งคนละครึ่ง กับเรื่องต่าง ๆ ที่มีออกมามันก็เป็นสิ่งที่เราก็ไม่ได้อยากให้เกิด แต่เมื่อมันเกิดแล้วก็ตามอารมณ์ มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเรา แต่คนอื่นอาจจะไม่ใหญ่ ตอนแรกสมบัติก็จะยกให้ลูก 2 คน คือถ้าผมจะเอาก็เอาแต่แรกแล้ว แต่ว่าผมไม่ได้ตั้งใจที่จะเอา แต่บางอย่างคือถ้าไม่จบจะพูดนะ ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าถึงขั้นตอนไหน แต่ก็เห็นเงียบไปแล้ว ญาติเขาก็ปิดเฟซบุ๊กไปแล้ว
ส่วนเรื่องรถบีเอ็ม คือว่าตอนที่อยู่ด้วยกันเขาซื้อให้เราเป็นของขวัญวันเกิด มันเป็นเงินผ่อน พอแยกทางกันเขาโทร. มาบอกว่า 7 แสนที่เหลือจะผ่อนจ่ายเองไหม ผมก็คิดขึ้นมาว่าทำไมต้องผ่อนจ่ายเขาซื้อเป็นของขวัญวันเกิด เพราะสิ่งที่ผมซื้อให้เขาก็ไม่ได้ขอคืนเหมือนกัน ทุกคันที่ซื้อให้ก็ซื้อเงินสดเหมือนกัน พอเขาถามแบบนั้นผมก็บอกว่าไม่ผ่อน ให้เขาเอาไปเลย ถามว่าเอาเงิน 7 แสนปิดงวดรถ แล้วเอาไปขายก็ได้กำไร แต่ผมไม่ได้อยากทำแบบนั้น มันเป็นคุณค่าทางจิตใจ แต่ผมไม่ได้เป็นคนเอาไปคืนเอง เพราะไม่ว่างไปเล่นคอนเสิร์ต ก็เลยให้พนักงานที่บริษัทเอาไปคืนแทน แล้วผมก็ไปเอารถกระบะกลับมาใช้ รถบ้าน ก็เอามาทุกอย่างที่เป็นชื่อผม
ส่วนเรื่องเงิน 100 ล้าน ถ้าให้พูดว่าเงินเหลือหรือไม่เหลือ ผมตอบไม่ได้ แต่ถ้าเป็นทรัพย์สินมีอยู่แล้ว แปลงเป็นสินทรัพย์ รถ บ้าน ที่ดิน ถามว่าที่ยื่นคำขาดแบ่งคนละครึ่ง ตอนแรกผมตั้งใจว่าจะไม่แบ่ง ผมพูดว่าถ้าไม่จบก็จะแบ่ง พอเขาเงียบไปแล้ว ก็เงียบไป แต่ผมก็ยังพิจารณาอยู่ ไม่ให้คำตอบ เพราะเราก็มีข้อมูลหลักฐานชัดเจนว่าไม่ได้จดทะเบียนสมรส แต่ตามกฎหมายแล้วอยู่ด้วยกันเกิน 5 ปี ทุกอย่างสามารถแบ่งครึ่งได้ตามกฎหมาย ผมก็มีศึกษากฎหมายบ้าง แต่ก็ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่จะไปอยากได้ เพราะลูกก็อยู่กับเขา 2 คน ก็เป็นทรัพย์สินที่หาด้วยกันมา อันไหนที่เป็นทรัพย์สินส่วนตัวเราจะไม่ก้าวก่ายกัน อันนี้พูดถึงส่วนกลางที่หามาด้วยกัน มีบ้าน รถ วงดนตรี ที่ดิน ก็เยอะครับ ถามว่าเครียดไหม เครียด ผมอายุ 23 ปี ต้องแบกรับเรื่องราวค่อนข้างเยอะ เวลามีเรื่องหนึ่งจะนอนไม่หลับ 3 วัน
กับคุณแม่ที่กลับมาคืนดีกัน คือเราโกรธกันเป็นปีเลย เพราะว่าตอนนั้นมีปัญหาเรื่องการเข้าใจผิดบ้าง แล้วเราไม่เคยอยู่กับแม่ด้วย ผมไปอยู่ฟินแลนด์กับแม่แค่ 2-3 ปี พอผมกลับมาเมืองไทยก็ห่างกัน เวลาคุยผ่านโทรศัพท์ก็อาจจะไม่เต็มร้อย ตัดขาดกันเลยนะช่วงหนึ่ง เอาตรง ๆ มันเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วก็ลามไปเป็นเรื่องใหญ่ ก็ปีหนึ่งที่ไม่ติดต่อกันเลย บล็อกมาก็บล็อกกลับ ดุเดือดช่วงนั้น แต่พอผมเจอเหตุการณ์ที่ผ่านมา เขามองว่าผมน่าจะตัวคนเดียวในเวลานี้ เลือดยังไงก็ตัดไม่ขาด เขาก็บินมาหาผม วันแรกที่เจอหน้าแม่ รู้สึกเฉย ๆ เพราะรู้ว่าวันนี้ต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว เห็นหน้ากันก็ไม่ได้เคลียร์อะไรเลย ยิ้มกันปกติ พูดกันปกติเลย ลิงก์กันอัตโนมัติ ตอนนี้แม่ก็อยู่ที่บริษัทผม ความสัมพันธ์ก็พยายามดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามประสาแม่ลูกก็มีลิ้นกับฟันนิดหน่อย แม่เขาก็เป็นห่วงผมแหละ
สำหรับประเด็นที่จะเอาลูกสาวคนโตมาเลี้ยงนั้น ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์ เผยว่าเอามาเป็นรอบ ๆ หมายถึงว่าเป็นสัปดาห์ ๆ ถ้าวันหยุดเราก็เอามาอยู่ด้วย วันเกิด วันสำคัญ แต่ตอนนี้เขาอยู่กับคุณป้าซึ่งเป็นพี่สาวของแพรวพราวเป็นหลัก ลูกจะสนิทกับทางนั้นและผูกพันกับสถานที่ด้วย อนาคตเขาโตมาอยากจะอยู่กับพ่อ ผมว่าเขาเลือกได้ ถ้าไปบังคับเขา ความสุขอาจจะไม่จริง
ยอมรับว่าลูกมีถามทำไมพ่อไม่นอนกับแม่ คือผมก็อัดคลิปตามปกติ ทีนี้ผมบอกว่าจะหาบ้าน แต่ยังหาไม่ได้ นอนออฟฟิศไปวัน ๆ ลูกก็ถามขึ้นมา ตอนนั้นผมก็รู้สึกว่าตัวผมเองก็ขาดครอบครัวแต่เด็ก ก็ไม่เคยคิดว่าวันนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเราเอง มั่นใจมากว่าเคยเจอมาแล้ว จะไม่ให้เกิดแบบนี้กับตัวผม แต่ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้วก็ทำใจยากลำบากอยู่นะ เราปฏิญาณตน เราเป็นคนซื่อสัตย์ และจะไม่ให้ลูกเป็นแบบเราแน่นอน เพราะเราเข้มแข็ง หาเงินได้ แต่ลูกอาจจะภูมิคุ้มกันไม่เหมือนเรา วันที่ลูกถามก็น้ำตาไหลเลย เพราะไม่คิดว่าวันนี้จะเกิดขึ้น ก็สะอึกนิดหน่อย
ส่วนความสัมพันธ์กับ เบสท์ คำสิงห์ ที่มีการตอบโต้กันในอินสตาแกรม จนหลายคนจับตาว่ามีซัมติงกันไหม ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์ก็เผยว่า เรื่องของเรื่องคือว่า วันนั้นเขาไปคอนเสิร์ตผม มีการซ้อมด้วย ทีนี้เขาอาจจะซ้อมหนัก เขาป่วยมาอยู่แล้ว พอซ้อมและแสดงจนเสร็จก็ไข้ขึ้นสูง ขากลับเครื่องบินดีเลย์อีก ผมก็บอกไม่ต้องรอ ให้นั่งรถตู้กลับเลย พอถึงกรุงเทพฯ ก็เข้าโรงพยาบาลเลย หัวฟาดพื้นอีก ก็เลยโทร. ไปถามเขาตื่นแล้วให้รับสายหน่อย เราเป็นห่วงเพราะเขาเพิ่งทำงานกับเราเสร็จ เราก็คิดว่าหรือเราใช้งานเขาหนักไหม ก็เป็นห่วงแค่นั้น เป็นเพื่อนกัน
ผู้ใหญ่บ้านฟินแลนด์ ยังยืนยันสถานะว่า ตอนนี้โสด ถามว่ามีคนเข้ามาไหม ก็มี มีหมดทั้งผู้หญิง ผู้ชาย แต่เราก็เพิ่งเลิกใหม่ ๆ เพิ่งเดือนเดียวเอง แผลยังสดถ้าปีหนึ่งก็อาจจะมีสิทธิ์ได้