มีกระแสข่าวพี่ตุ๊กตกอับ ไม่มีงานทำ ?
เดี๋ยวเขาเชื่ออีก ?
ช่วงนี้ทำอะไรบ้าง ?
เอาตรง ๆ ไม่ได้ลำบากเลย ?
พอมีประเด็นขึ้นมา ลูกชายว่ายังไง ?
แฟร้งค์กี้ : เราเห็นอยู่ครับ
ตุ๊ก : ไม่เห็นมันพูดอะไรเลย วันนั้นเดินเข้าร้านของพ่อเขา แล้วเขาเป็นเชฟขายพิซซ่า เราเดินเข้าไป คุณญาณี ขอตรวจกระเป๋าหน่อย เฮ้ย…มันเล่นมุกอะไร เรานัดเพื่อนไว้ข้างใน มันบอกขอดูกระเป๋าตังค์หน่อย มีเงินหรือเปล่า เห็นข่าวลงว่าตกอับ
แม่ทำอะไรไม่ค่อยแคร์สื่อ ไม่ว่าจะเป็นการจิบ การดื่ม การสูบบุหรี่ หรือว่าอะไรหลายอย่าง ?
ความสุขของแต่ละคนมีไม่เท่ากัน บางคนชอบเล่นไพ่ บางคนชอบปาร์ตี้ บางคนชอบอยู่บ้าน ?
แฟร้งค์กี้บอกว่าคุยทุกเรื่องกับคุณแม่เลย ?
แฟร้งค์กี้ : ก็คุยนะ ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ ถ้าไม่จำเป็นอย่าคุยดีกว่า คือถ้าไม่คุยเดี๋ยวเขาก็รู้อยู่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ตุ๊ก : สืบ ๆ เราไม่เล่นเฟซบุ๊กก็ไปถามลูกหลานว่าแฟร้งค์ลงอะไรบ้าง
เวลาเจอสาว ๆ ของแฟร้งค์กี้จริง ๆ เป็นยังไง หวงลูกไหม ?
เคยเจอไหม ?
ตุ๊ก : เคยเจอ มันก็มีกติกา มารยาท เขาบอกว่าสำเนียงส่อภาษา กิริยาส่อสกุล ส่วนความโง่ ความฉลาด ไม่ใช่คุณจบ ป.4 แล้วคุณโง่ ไม่จริง สมองเขาพัฒนาแล้ว ไม่ใช่คุณจบปริญญาเอกแล้วคุณฉลาด ไม่จริง คนโง่ก็เยอะ
แฟร้งค์กี้ : ตอนแรกทำเป็นดุ ๆ สักพักเอากระเป๋าแบรนด์เนมมาให้ เอาลูก เอาใบนี้ไป เอารองเท้านี้ไป
ตุ๊ก : ก็ไม่มีลูกสาว ถ้าตายไปจะให้ใคร แต่เวลาให้ของต้องถามก่อนนะว่าชอบไหม ถ้าไม่ชอบอย่าเอาไป เพราะเราจะไปให้คนที่เขาชอบ
ความลับของลูก แม่จะรู้หมด ?
แต่เขาน่ารัก เชื่อฟังแม่ ?
แม่ดุไหม ?
ไม่ทำการบ้าน ?
แฟร้งค์กี้ : เขาไม่สอน
ตุ๊ก : ขอโทษ ดิฉันมีนัดปาร์ตี้ทุกเย็น พี่เลี้ยงเขามาละ น้องตุ๊กคะ แฟร้งค์เขาทำการบ้านแล้วทำไม่ได้ นี่เลยบอกว่าเรื่องของมัน รู้ไหมเรียนโรงเรียนอินเตอร์ค่าเทอมปีละกี่แสน ฉันส่งไปเรียนดีแล้ว ช่วยตัวเอง ถ้าไม่ทำก็ทำโทษ ไม่ว่าครู บางคนเขาชอบเรียนกับลูก แต่พี่บอกว่าจบการศึกษาแล้ว ไม่อยากเรียนแล้ว
แม่บ่นเรื่องอะไร ?
แฟร้งค์กี้ : กลับบ้านดึก
ตุ๊ก : กลับบ้านดึกเราไม่ว่า ความห่วงใยของแม่บอกหน่อย เราจะได้รู้ แต่ไม่ใช่แบบโทร. ไปไม่รับ
เวลาแม่โกรธเราทำยังไง ?
สปอยล์เต็มที่เลย ถ้าลูกชายคนนี้อ้อน ?
ปกติแม่สปอยล์ลูก ลูกจะเอาแต่ใจ แต่นี่ไม่เป็น ?
เราเป็นลูกแม่ ใคร ๆ ก็รู้จักแม่ ทำตัวยากไหม ?
ย้อนไปอดีตนิด พี่ตุ๊กเลิกกับสามี ตอนนั้นแฟร้งกี้กำลังวัยรุ่น 16-17 แล้วเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ตอนนั้นรู้ด้วยตัวเองหรือคุณแม่บอก ?
แฟร้งค์กี้ : ไม่รู้เลย เป็นเทอมแรกที่ไปโรงเรียนประจำที่นู่น พวกยูไม่อยากบอก เพราะกำลังปรับตัวกัน
ตุ๊ก : พี่ขอไว้ หนังสือพิมพ์อะไรอย่าเพิ่งลง ขอให้พี่เป็นคนแรกที่พูดกับลูก
แฟร้งค์กี้ : ยูไปรับที่สนามบิน แล้วถามว่าพ่อไปไหน ทำไมคนขับรถเป็นคนใหม่ แม่บอกว่าเขาเสียแล้ว พอกลับมาบ้านถามว่าแด๊ดอยู่ไหน เขาบอกว่าเลิกกันแล้ว เลยบอกโอเค ไม่เป็นไร
ตุ๊ก : เขามาตบบ่า แฟร้งค์ก็รู้แหละ
แฟร้งค์กี้ : ตอนนั้นมี้เริ่มใช้ชีวิตแบบห่างกันนิดหนึ่ง มันเป็นเพื่อน
ตุ๊ก : อยู่กันคนละห้อง ดูกันคนละช่อง กิจกรรมร่วมกันไม่มี
แฟร้งค์กี้ : มันเป็นเรื่องของคนสองคน แฟร้งค์โอเค แฟร้งค์มีพ่อกับแม่อยู่แล้ว
ตอนนั้นเราก็มีไปให้กำลังใจแม่เหมือนกัน ?
แฟร้งค์กี้ : ใช่ ก็อยู่กับแม่
ตุ๊ก : ใช่ ถ้าอยู่กับพ่อก็อดตายไง นี่ฉลาด
พ่อแม่ไม่ได้โกรธกัน แค่เปลี่ยนสถานะนิดหนึ่ง ?
ตุ๊ก : โกรธ ไม่พูดกับเขาเป็นปี ใครจะไม่โกรธ มันต้องมีเหตุ มีประเด็น แต่กว่าเราจะทำใจได้ ขอใช้เวลาปีนึง ช่างเถอะ เขาก็เป็นพ่อของลูกเรา คุยกันแบบเพื่อน จบ
แฟร้งค์กี้ : เขาเคยพูดกับแฟร้งค์ ถึงแม้พ่อกับแม่เลิกกันก็ไม่ปล่อยให้พ่อลำบาก ก็จะช่วย ยังไงก็เป็นพ่อของลูก
เรามีโมเมนต์ไหมว่าอยากให้พ่อแม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม ?
แฟร้งค์กี้ : ไม่ครับ แฟร้งค์ว่าต่างคนต่างอยู่ก็แฮปปี้
ตุ๊ก : แล้วให้มี้ไปหาผัวใหม่บ้าง
แฟร้งค์กี้ : ได้อยู่ทั้ง 2 บ้าน ได้เงินเดือน 2 ที่ ได้ของขวัญ 2 ชิ้น สบาย