ฉีดวิตามินผิวขาวดีอย่างไร ปลอดภัยในระยะยาวหรือไม่

          อยากขาวเร็ว เห็นผลว่าผิวกระจ่างใสอย่างชัดเจน หลายคนเลือกฉีดวิตามินผิวขาว แต่การบำรุงผิวด้วยวิธีนี้ดีจริงไหม ในระยะยาวจะปลอดภัยหรือเปล่า มาหาคำตอบกัน
ฉีดวิตามินผิวขาว

          ผิวที่ขาว กระจ่างใส มีออร่า เรียกได้ว่าใคร ๆ ก็อยากมี ซึ่งในปัจจุบันนี้วิธีการที่จะทำให้ผิวขาวนั้นก็มีอยู่ด้วยกันมากมาย การฉีดวิตามินผิวขาว เป็นวิธีที่จะทำให้ผิวขาวกระจ่างใสขึ้นได้จริง อีกทั้งยังปลอดภัยอีกด้วย แต่การฉีดวิตามินต่าง ๆ เข้าร่างกายจะปลอดภัยในระยะยาวหรือไม่ มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร ไปดูคำตอบในบทความนี้กันได้เลยค่ะ

การฉีดวิตามินผิวขาว คืออะไร ?

          การฉีดวิตามินผิวขาว เป็นการฉีดวิตามินต่าง ๆ เข้าสู่ทางเส้นเลือด เพื่อให้วิตามินเหล่านั้นสามารถผ่านเข้าสู่ชั้นผิวได้โดยตรง ช่วยยับยั้งเม็ดสีเมลานิน และช่วยบำรุงผิวได้จากระดับเซลล์ ทำให้ผิวกายมีความกระจ่างใสขึ้น ซึ่งเห็นผลได้ชัดเจนและรวดเร็วกว่าการทาครีมหรือการรับประทานอาหารเสริมหลายเท่า การฉีดวิตามินผิวขาว จึงได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการให้ผิวขาวใสอย่างเร่งด่วน ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง หรือต้องการฟื้นฟูผิวที่คล้ำเสียให้กลับมามีออร่ามากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการชดเชยวิตามินให้ร่างกายอีกด้วย และช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน สร้างภูมิต้านทานให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี
          ซึ่งสิ่งที่ทำให้หลายคนมักเข้าใจผิดว่าการฉีดวิตามินผิวขาวนั้นเป็นอันตราย เพราะโฆษณาชวนเชื่อต่าง ๆ ที่มักจะโฆษณาว่าจะทำให้ผิวขาวอมชมพู แต่ในความเป็นจริงแล้ว การฉีดวิตามินผิวขาว จะช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นตามเฉดสีผิวตามธรรมชาติหรือพื้นผิวเดิมแต่กำเนิดของแต่ละคน ดังนั้น การฉีดวิตามินผิวขาว ก็ไม่ได้ดูน่ากลัวแต่อย่างใด

ผิวของเราจะขาวสุดได้มากแค่ไหน ?

          เป็นอีกหนึ่งคำถามยอดฮิตเลยก็คือ “ผิวของเราจะขาวได้มากที่สุดแค่ไหน?” “ดำกรรมพันธุ์ สามารถขาวขึ้นได้จริงไหม ?” ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าเฉดสีผิวของคนเอเชียนั้นจะมีอยู่ด้วยกัน 3 เฉด คือ สีผิวอมชมพู (Cool), สีผิวขาวอมเหลือง (Warm) และสีโทนเขียวมะกอก (Neutral) ซึ่งหากใครที่มีผิวคล้ำเสียก็อาจจะมาจากการที่ถูกแสงแดดเผาไหม้ผิวจนทำให้ผิวคล้ำและแห้งกร้าน หากต้องการให้ผิวกลับสู่สภาพเดิมก็จะต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเดิมทีแล้วเรานั้นมีสีผิวแบบใด โดยสามารถเช็กได้ง่าย ๆ ดังนี้
  • สังเกตจากสีของเส้นเลือดบริเวณหลังข้อมือ
          สีของเส้นเลือดบริเวณหลังข้อมือจะเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่าเรามีเฉดสีผิวแบบใด โดยเส้นเลือดสีม่วงหรือน้ำเงิน จะจัดอยู่ในเฉดผิวแบบ Cool Tone หรือสีผิวอมชมพู เส้นเลือดเป็นสีเขียว จะจัดอยู่ในเฉดผิวแบบ Warm Tone หรือสีผิวขาวอมเหลือง และสุดท้าย หากเส้นเลือดเป็นสีผสมกัน มองไม่ชัดว่าเป็นสีไหน อาจจะเป็นเฉดผิว Neutral หรือสีโทนเขียวมะกอกได้
ฉีดวิตามินผิวขาว

  • การตอบสนองของผิวกับแสงแดด
          การตอบสนองของผิวกับแสงแดดก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้เช่นกันว่าเรามีเฉดสีผิวแบบใด ซึ่งถ้าหากเป็นคนผิวไหม้ง่าย แสดงว่าเป็นคนที่มีเม็ดสีเมลานินน้อย จึงจัดอยู่ในกลุ่ม Cool Tone หรือสีผิวอมชมพู แต่ถ้าหากเป็นคนผิวคล้ำง่าย แต่ไม่ไหม้ จะจัดอยู่ในกลุ่ม Warm Tone หรือสีผิวขาวอมเหลือง
  • เช็กจากหลังใบหู

          การเช็กสีผิวของตนเองสามารถเช็กได้จากหลังใบหู อีกทั้งยังเป็นวิธีที่ดีอีกด้วย เนื่องจากหลังใบหูนั้นเป็นจุดที่สัมผัสแสงแดดน้อย จึงจะทำให้เห็นสีผิวเดิมของตัวเองมากที่สุด

วิตามินที่เข้าสู่ร่างกาย จะทำงานอย่างไร ?

          เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่หลายคนกังวลเกี่ยวกับการฉีดวิตามินผิวขาว คือกังวลว่าสารต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกายนั้นจะไปตกค้างจนก่อให้เกิดอันตราย แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อคุณหมอทำการฉีดวิตามินผิวขาวเข้าสู่เส้นเลือดเรียบร้อยแล้ว วิตามินต่าง ๆ ก็จะวิ่งเข้าสู่ร่างกายผ่านทางเส้นเลือดดำโดยตรง เพื่อเข้าไปยับยั้งการทำงานและการเกิดใหม่ของเม็ดสีเมลานินส่วนเกิน ซึ่งในวิตามินนั้นก็จะมีสารสำคัญหลายอย่าง เช่น
  • คอลลาเจน : ที่จะทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ช่วยปกป้องผิว ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรง และมีความเนียน กระชับยิ่งขึ้น
  • NAC : ช่วยต้านสารอนุมูลอิสระ ช่วยให้ร่างกายเกิดการสังเคราะห์ กลูตาไธโอน (Glutathione) ในร่างกายได้ดียิ่งขึ้น จึงช่วยให้ผิวมีความขาว กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ

การฉีดวิตามินผิว อันตรายไหม ?

          การฉีดวิตามินผิวขาว อันตรายไหม ? ขอตอบในที่นี้เลยว่าไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอน เพราะวิตามินต่าง ๆ ที่นำมาฉีดนั้นล้วนเป็นวิตามินที่ร่างกายมีความต้องการอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี หรือกรดอะมิโน เป็นต้น เมื่อสารเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายแล้วก็จะกระจายเข้าสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไม่ก่อให้เกิดอันตราย ในทางกลับกันยังส่งผลดีอีกด้วย
          แต่ที่เรามักจะได้ยินกันมาว่า การฉีดผิวขาวเป็นอันตราย นั่นมาจากการไปฉีดวิตามินที่ไม่ได้คุณภาพ ไม่มีมาตรฐานรองรับจากหมอกระเป๋า หรือจากคลินิกที่ไม่ได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการ ซึ่งมักจะนำสารชนิดหนึ่งมาฉีด ที่ชื่อว่า กลูตาไธโอน (Glutathione) เป็นสารที่ทำให้ผิวขาวขึ้นจริง แต่ก็ส่งผลอันตรายต่อร่างกายไม่น้อยเลยทีเดียว อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงและอาการแพ้ได้ ซึ่งอาการข้างเคียงหลังฉีดกลูตาไธโอน ได้แก่ ผิวหนังแดง ความดันโลหิตต่ำ หอบหืดเฉียบพลัน และยิ่งใช้เครื่องมือที่ไม่สะอาดก็จะยิ่งส่งผลเสียที่เป็นอันตรายอย่างมาก
ฉีดวิตามินผิวขาว

ฉีดวิตามินผิวขาว ดีอย่างไร ?

          ขึ้นชื่อว่าเป็นวิตามินผิวขาว แน่นอนว่าสามารถทำให้ผิวขาวใสได้ แต่รู้หรือไม่ว่านอกเหนือจากการทำให้ผิวขาวใสได้แล้ว การฉีดวิตามินผิวขาวยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น
  • ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวมีความยืดหยุ่น ดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น
  • ช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ มีออร่ามากขึ้น
  • ช่วยเสริมสร้างการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระได้ดียิ่งขึ้น
  • ช่วยลดอาการอ่อนเพลีย เพราะเป็นการเติมวิตามินต่าง ๆ ที่ร่างกายต้องการ ป้องกันการเกิดหวัดและภูมิแพ้
  • ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน  ทำให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้น
  • ช่วยปกป้องผิว ทำให้เซลล์ผิวแข็งแรงมากขึ้น และไม่กลับไปคล้ำเสียได้ง่าย

          แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผลลัพธ์หลังจากการฉีดวิตามินผิวขาวจะเห็นผลชัดเจนมากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองหลังจากการฉีด รวมถึงสภาพผิวเดิมของแต่ละบุคคลด้วยว่ามีความคล้ำเสียมากแค่ไหน

สามารถฉีดวิตามินผิวขาวบ่อย ๆ ได้ไหม ?

          โดยปกติแล้วการฉีดวิตามินผิวขาวกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง แพทย์จะทำการแจ้งคอร์สหรือระยะการฉีดที่เหมาะสมกับผู้เข้ารับบริการแต่ละบุคคล ว่าจะต้องฉีดกี่ครั้ง กลับมาฉีดอีกทีเมื่อไหร่ เพราะจริง ๆ แล้วการฉีดวิตามินผิวขาวหรือการดริปวิตามินนั้นไม่ได้ทำทุกวัน และจะมีระยะห่างในการฉีดอย่างเหมาะสม เช่น สัปดาห์ละ 1 ครั้ง, 2 สัปดาห์ ต่อ 1 ครั้ง เป็นต้น ซึ่งการเว้นระยะห่างจะเป็นการทำให้วิตามินเข้าไปทำงานได้อย่างเต็มที่ ไม่ได้ส่งผลอันตรายต่อร่างกายแต่อย่างใด

ใครบ้างที่ไม่เหมาะแก่การฉีดวิตามินผิวขาว ?

          เพื่อความปลอดภัยที่สุด เราจะต้องรู้ก่อนว่าใครบ้างที่ไม่เหมาะแก่การฉีดวิตามินผิวขาว เพราะยังมีบุคคลบางกลุ่มที่อาจจะยังไม่เหมาะแก่การรับสารต่าง ๆ ภายนอกเข้าสู่ร่างกาย โดยผู้ที่ไม่เหมาะแก่การฉีดวิตามินผิวขาว มีดังนี้
  • สตรีตั้งครรภ์ หรือผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • ผู้ป่วยโรคตับ/โรคไต
  • ผู้ป่วยโรคมะเร็ง
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน
  • ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง หรือมีความผิดปกติของโลหิต
  • ผู้ป่วยที่มีภาวะพร่องเอนไซม์ (G6PD Deficiency)
  • ผู้ป่วยที่มีภาวะเหล็กเกิน เนื่องจากวิตามินซีจะเข้าไปทำให้ร่างกายเกิดการดูดซึมธาตุเหล็กได้มากขึ้นอีก ทำให้เกิดความไม่สมดุลของแร่ธาตุได้
  • ผู้ป่วยที่มีประวัติการแพ้วิตามินที่กำลังจะทำการฉีด

เลือกคลินิกฉีดวิตามินผิวขาวอย่างไร ให้ปลอดภัย

          เพื่อความปลอดภัยในระยะยาว และผลลัพธ์หลังจากการรักษาที่พึงพอใจมากที่สุด ผู้เข้ารับบริการควรเลือกคลินิกฉีดวิตามินผิวขาวที่ได้มาตรฐาน โดยการเลือกคลินิกฉีดวิตามินผิวขาว ควรเลือกดังนี้
  • คลินิกที่มีการเปิดให้บริการอย่างถูกกฎหมาย ได้มาตรฐาน มีใบอนุญาต มีป้ายชื่อสถานพยาบาล ติดอยู่ที่หน้าคลินิกอย่างชัดเจน
  • คลินิกที่มีการใช้วิตามินที่ได้คุณภาพ มีความเข้มข้น ปลอดภัย และเลือกใช้วิตามินที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) จากประเทศไทยเท่านั้น
  • คลินิกที่มีรีวิวจากผู้เข้าใช้บริการก่อนหน้า หรือเลือกคลินิกที่มีดารา เน็ตไอดอล อินฟลูเอนเซอร์ เข้าใช้บริการ
  • คลินิกที่ให้บริการโดยแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะ และมีการให้บริการที่ดีทั้งก่อนและหลังเข้ารับบริการ
ฉีดวิตามินผิวขาว

สรุป การฉีดวิตามินผิวขาวเห็นผลจริงไหม ปลอดภัยหรือไม่ ?

          การฉีดวิตามินผิวขาว เป็นการฉีดสารวิตามินต่าง ๆ ที่ร่างกายต้องการเสริมเข้าไป โดยวิตามินแต่ละชนิดก็จะมีส่วนช่วยที่แตกต่างกัน ในเรื่องผลลัพธ์ของผิวนั้นจะสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ก็ต่อเมื่อมีการฉีดจนครบจำนวนครั้งที่แพทย์แจ้ง ซึ่งทำให้ผิวกระจ่างใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติได้จริง มีความปลอดภัยต่อร่างกายอย่างแน่นอน

          ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า การฉีดวิตามินผิวขาว ไม่เป็นอันตราย หากมีการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีประสบการณ์ การฉีดวิตามินผิวขาว จึงถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับใครที่ไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ต้องการให้ผิวดูขาวใสขึ้น และยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายอีกด้วย

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ฉีดวิตามินผิวขาวดีอย่างไร ปลอดภัยในระยะยาวหรือไม่ อัปเดตล่าสุด 7 พฤศจิกายน 2567 เวลา 10:43:51 5,872 อ่าน
TOP