- บีบหัวใจคนทั้งประเทศ ซีนนั้นยากมั้ย ?
เจ้าคุณ : ยากอยู่ครับ เพราะว่ามันต้องใช้อารมณ์เยอะ เป็นฉากที่มันต้องไปอยู่กลางศาลต้องระเบิดออกมาให้สุด เพราะว่าเราโกรธพ่อแล้วก็ผิดหวังในตัวพ่อมาก ๆ ในฉากนั้นพ่อเค้าสอนว่าคนโกหกเป็นไม่ดีแต่พ่อเรากลับทำซะเอง ผิดหวังมาก ก็เลยระเบิดออกมาอย่างในฉาก
- ตอนนั้นเราคิดตามบทเลยหรือคุณแม่หรือผู้กำกับมาบรีฟอะไรเราก่อนมั้ย ?
เจ้าคุณ : คิดตามบทครับ แล้วก็พี่สันต์จะมาทบทวนบทให้ฟังว่าฉากนี้จะอารมณ์ยังไง เราต้องมีอารมณ์ขึ้นลงมากขนาดไหน พอระเบิดออกมาก็เสียสติไปแล้ว
- ซีนนี้ถ้าใครดูบทก็ยาว การจำบทยาว ๆ แล้วต้องเล่นอามณ์ขนาดนี้ ตอนอ่านบทกังวลมั้ย ?
เจ้าคุณ : กังวลอยู่ครับ ตอนท้าย ๆ ที่ไปโวยวายต่อหน้าพ่อ กังวลเรื่องอารมณ์ว่าเราจะทำได้มั้ย จะทำได้ถึงขนาดนั้นมั้ย เราจะทำตามบทได้มั้ย
- ก่อนที่เราจะเล่นฉากดราม่าเยอะขนาดนั้นเราต้องทำการบ้านเยอะขนาดไหน ?
เจ้าคุณ : ช่วงก่อนที่จะถ่ายซักประมาณ 2-3 วัน เขาจะส่งบทมาให้เรา ทำการบ้านทำความเข้าใจเยอะกับแม่ จะต่อบทกับแม่ครับ
- เบื้องหลังก็คือคุณแม่ แม่อธิบายให้ลูกเข้าใจถึงตัวละครนี้ยังไง ?
คุณแม่ : เราจะบอกเขาโดยรวมว่าปณตเจอเรื่องอะไรมา เขาเป็นยังไง แล้วเราก็จะมาคุยกับลูกว่าเขามีความคิดเห็นยังไง เพราะว่าเขาโตแล้วก็จะเริ่มดีไซน์ในการเล่นของเขาเองด้วย
- เด็กแค่ 11 ขวบ ประสบการณ์ยังน้อยมาก ๆ ทำไมเขาถึงเข้าใจและแสดงออกมาได้ถึงขนาดนี้ ?
เจ้าคุณ : คิดว่าน่าจะซ้อมเยอะไปหน่อย
- แม่แอฟช่วยอะไรบ้าง ?
เจ้าคุณ : แม่แอฟช่วยส่งอารมณ์ให้เล่นด้วยกัน ส่งกันไปกันมา
- ตอนนี้เห็นว่าเหมือนแม่ลูกกันจริง ๆ แล้ว ไปเที่ยวต่างประเทศก็จะซื้อของมาฝาก รู้สึกยังไงที่แม่แอฟเอ็นดูเรา ?
เจ้าคุณ : ใช่ครับ รู้สึกดีใจที่พี่แอฟใจดีกับผม ซื้อของฝากผมเยอะมากครับ ตอนไปต่างประเทศเขาก็ซื้อคุกกี้มาให้แล้วก็เขียนการ์ดมาด้วยว่า ถึงปณตนะ
- แล้วพี่ตรีล่ะ ?
เจ้าคุณ : พี่ตรีเล่นกับผมเยอะจะสนิทกับผม เจอกับพี่ตรีตั้งแต่พนมนาคาแล้วครับ
- พี่ตรีช่วยสอนการแสดงให้ด้วย สอนอะไรบ้าง ?
เจ้าคุณ : พี่ตรีสอนเรื่องอารมณ์ เรื่องการพูดยังไงให้ชัดแล้วก็ให้ออกมาได้ดี
- พี่ชาคริตเห็นว่าเคยร่วมงานด้วยกันมาแล้ว ?
เจ้าคุณ : ใช่ครับ เรื่องวันทองครับ
- เห็นว่าพอร่วมงานกับพี่คริตแล้วตั้งฉายาให้เขา ฉายาอะไร ?
เจ้าคุณ : ปีศาจแห่งวงการครับ เขาแสดงเก่งมากครับ เขาเล่นได้ธรรมชาติมาก ๆ ไม่เหลือความเป็นเขาอีกแล้ว ตอนเขาไปเขาก็ไปเลยพอกลับมาก็เป็นเขา 100% ครับ
- ลูกชายพี่คริตบอกว่าเป็นปีศาจแห่งวงการพี่คริตรู้สึกยังไงบ้าง ?
ชาคริต : ดีใจครับ จริง ๆ ได้เจอกับน้องเจ้าคุณตั้งแต่เล่นวันทองแล้ว ก็เห็นอะไรในตัวน้อง ตอนนั้นยังไปกระซิบกับพี่สันต์เลยว่า มีฉากที่เข้ากับขุนช้างที่กุมารเข้ากับขุนช้างเหมือนมันเข้าด้วยกันบ่อย จะเป็นไม้เบื่อไม้เมากัน แต่กลายเป็นเด็กกับผู้ใหญ่ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากัน แล้วมันมีหลายฉากที่เราก็ไม่รู้ตัว เราเล่นไปแล้วมันเหมือนไปทำให้น้องระเบิดในจุดจุดนึง พอหลังจากนั้นเจ้าคุณก็เป็นแบบที่เราเห็นทุกวันนี้ ในเรื่องของการแสดงเขาเข้าใจอะไรได้มากขึ้น ง่ายขึ้น อาจจะเป็นเพราะบทแรกที่รับตอนนั้นกับเรื่องของวันทองเป็นนิยายที่มันค่อนข้างที่จะมีความละเอียด สำหรับตัวน้องเองในวัยเท่านั้นค่อนข้างยาก แต่พอน้องผ่านตรงนั้นไปได้ปุ๊บ ผมว่าอย่างอื่นก็ไม่น่ามีอะไรยากแล้ว พอเป็นสงครามสมรสเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวแม้แต่ผมเอง ตัวน้องเอง ตัวแม่แอฟเอง ทุกคนสามารถเข้าถึงในเรื่องของแก่นความเป็นครอบครัวได้ง่ายอยู่แล้ว ด้วยความเราเป็นทั้งพ่อเป็นทั้งแม่ หรือน้องเจ้าคุณที่เป็นลูก พอเอาความเข้าใจตรงนั้นมาสวมกับคาแรคเตอร์เรื่องราว ทุกครั้งที่เล่นกับน้องอยู่ด้วยกันในกอง ก่อนจะแอ็คชั่นยังคุยเล่นกันอยู่เลย ยังไม่ได้เข้าบทเลย แต่พอกล้องรันแอ็คชั่นแล้วคือการที่จะเข้าไปสู่ความเป็นครอบครัวเป็นพ่อลูกกันมันไม่ยากเลย มันง่ายมากครับ
- พี่คริตเล่าเรื่องฉากในศาลวันนั้นให้ฟังหน่อย เป็นฉากนึงที่เป็นไวรัลมาก ?
ชาคริต : คนกำลังถามว่าทำไมปรเมศวร์ทั้งที่ตอนแรกคิดถึงลูกเข้าคุกไปแล้ว ทำไมถึงยังมาโกหกอีก พยายามเอาตัวรอดอีก ถ้าเรามองถึงสันดานดิบของมนุษย์ก็ต้องมองโอกาสของตัวเองว่ามันเหลือโอกาสอีกหนึ่งครั้ง ซึ่งจริง ๆ ก็คือคนที่ทำให้เกิดขี้นนอกจากตัวปรเมศวร์เองก็คือบ้านฝั่งอัคระ มันก็เลยเหมือนกับเขาสมรู้ร่วมคิดแต่ก็เหมือนแพะไปด้วย เขาก็พยายามขอโอกาสนี้อีกครั้งนึงในมุมมองของปรเมศวร์ แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่เขาทำคิดถึงตัวเองอีกแล้ว โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าลูกนั่งดูอยู่ข้างหลัง ทุกคนคงได้ดูแล้วว่าสิ่งที่ปรเมศวร์ทำมันสะเทือนใจปณตขนาดไหน มันเป็นอะไรที่ตกใจสำหรับตัวปรเมศวร์มาก ซึ่งอันนี้ต้องให้เครดิตติดตามต่อ ตอนสุดท้ายวันจันทร์นี้
- เบื้องหลังการซ้อมเขาเป็นคนขวนขวายด้วยตัวเองเลยมั้ย ?
คุณแม่ : ใช่ค่ะ หลัง ๆ พอเขาโตเขาเอาบทไปจัดการของเขาเอง มาเล่นให้ดู ซ้อมคู่กัน แม่ก็จะเป็นบัวบงกช บางทีก็มีบ้างที่เขาดีไซน์ว่าเขาอยากเล่นแบบนี้ เราก็คุยกัน เดี๋ยวพอไปเล่นหน้างานผู้กำกับเขาอยากให้เล่นยังไงก็อีกทีนึง
- เส้นทางการทำงานของน้อง เริ่มจากจุดไหนถึงมีโอกาสได้มาร่วมงานกับทางช่อง One
คุณแม่ : เริ่มมาจากตอนที่น้องไว้ผมยาว ตั้งใจจะไว้ผมยาวเพื่อบริจาคผู้ป่วยมะเร็ง มาจากคุณย่าของน้องเป็นโรคร้ายแล้วให้คีโม คุณย่าไม่มีผม ด้วยความเป็นเด็กของเขา เขาก็จะพูดว่าเอาผมของน้องไปมั้ย น้องมีผมเราก็เลยมาคุยว่าเราสามารถให้ผมบริจาคกับคนที่ทำคีโมได้นะ น้องสนใจใช่มั้ย เขาสนใจ ถ้างั้นไว้ผมยาวให้ผู้ป่วยมะเร็ง เขาก็ตั้งใจมาก ๆ แม่ก็ลงโพสต์ไปคนก็กดไลก์ วันนึง คุณกัปตัน ภูธเนศ เขากำกับละครอยู่เรื่องนึง ให้คน โทร. มาว่ามาลองแคสละครดูมั้ย เพราะเค้าชอบแนวคิดของน้องที่มีน้ำใจอยากจะบริจาคผม เราก็แคสแบบไม่รู้เรื่อง เลยให้น้องไปเรียนการแสดงเพิ่มเติม เผื่อว่ามีโอกาสคนให้ไปแคสอีก อีกอย่างมันได้เรียนรู้นอกห้องเรียน เรียนเพิ่มเติมได้ซักหน่อย แม่ก็ส่งน้องไปแคสเอ็มวีแล้วน้องได้ พอไปทำตรงนั้นแล้วเขาชอบ
- เล่นละครเป็นนักแสดงรุ่นจิ๋วจริง ๆ มาได้ยังไง ?
คุณแม่ : พอเล่น MV ก็มีแคสกุมารทองของวันทอง แม่ก็ลองส่งดู ผู้กำกับก็ส่งบทมาให้เราทำคลิปส่งแคส แล้วก็เรียกมาแคส น้องก็ได้อีก ก็เลยเริ่มจากตรงนั้นเลย
- ทำไมน้องเจ้าคุณอยากซื้อบ้านให้คุณแม่ ?
เจ้าคุณ : เพราะว่าปกติผมอยู่บ้านเช่าครับ ผมเพิ่งรู้ว่าปกติบ้านเช่าเรามีโอกาสที่จะหมดสัญญาเช่าหรือมีโอกาสที่จะย้ายบ้านไปเมื่อไหร่ก็ได้ ผมเห็นว่ามันย้ายบ้านแล้วมันวุ่นวาย ขี้เกียจย้ายบ้านครับ