มิเรียน สุดสตรอง ! ย้อนเล่าวันที่เสียสามี - เปิดใจสถานะแฟน ดีเจพีเค ตอบคนมองเล่นกับไฟ

          มิเรียน อัคเซลการ์ด เปิดใจสถานะแฟน ดีเจพีเค ปิยะวัฒน์ อยู่ในวันที่เขาร้องไห้ เล่านาทีคนมองไม่ดีกลางห้างเหตุเขียน I'm not jolie - ตอบคนมองเล่นกับไฟ ฝ่ายชายเจ้าชู้
มิเรียน อัคเซลการ์ด

ภาพจาก Instagram merian.axel

          เปิดตัวคบหากันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับ ดีเจพีเค ปิยะวัฒน์ กับรักครั้งใหม่นักธุรกิจสาว มิเรียน อัคเซลการ์ด คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวคนสวย ที่ล่าสุด (7 มิถุนายน 2567) มิเรียน ก็ได้มาเปิดใจในรายการ โต๊ะหนูแหม่ม ทางช่อง เวิร์คพอยท์ ซึ่งถือเป็นรายการแรกที่เจ้าตัวได้มาเปิดใจถึงเรื่องความรักครั้งนี้เลยทีเดียว โดยเจ้าตัวยืนยันว่าพร้อมที่จะเปิดรักครั้งนี้ ไม่มีอะไรต้องปิดบัง
 
มิเรียน อัคเซลการ์ด

ภาพจาก WorkpointOfficial

ใจเด็ดมาก พร้อมเล่นกับไฟ ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : เขาไม่ใช่ไฟนะคะ

คอนเฟิร์มในรายการเลยว่า มิเรียน เป็นอะไรกับ พีเค ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : จริง ๆ ก็อยู่กับเขาตลอด ใช้คำว่าแฟนก็ได้

จริง ๆ รู้จักกันมานานแล้ว ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : ใช่ค่ะ รู้จักกันผ่านคุณแม่กับพี่หนุ่ม (พี่ชายพีเค) ตอนนั้นคุณแม่ไปพักผ่อนที่เชียงใหม่ เขาก็บอกว่าลูกชายเขาเป็นพิธีกร เผื่อมีงานแล้วก็ชวนไปกินข้าว ก่อนหน้านี้ก็มีเคยร่วมงานกัน เขาเคยมาทำงานให้ ประมาณ 6-7 ปีที่แล้วค่ะ

ณ ตอนนั้นเราก็ต่างคนต่างไม่ได้ว่าง ในช่วงนั้นมีการติดต่อพูดคุยกันบ้างไหม ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : ไม่เคยเลยค่ะ ไม่ค่อยได้ทักทายเลย ต่างคนต่างอยู่ แต่ช่วงที่เราเสียสามีไป เขาก็ทักมาถามบ้าง

เริ่มต้นพูดคุยกันจริงในช่วงที่ ดีเจพีเค เจอกับวิกฤตในชีวิต ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : ใช่ค่ะ ก็ตามที่ให้สัมภาษณ์เลย เราเห็นข่าวเลยทักไปถามเขาตามปกติว่า ไหวไหมเป็นอะไรหรือเปล่า คือถ้าเพื่อนเรามีปัญหาเราก็ทักไปถามแบบนี้ เราก็ถามเขาไปว่า Are You OK ? เขาก็ตอบว่า ไม่โอเค แล้วเขาก็ถามว่าอยู่กรุงเทพฯ ไหม กินข้าวกันไหม เราก็บอกว่าตอนนั้นเราลงไปประชุมที่กรุงเทพฯ พอดี ก็ว่างประมาณ 4-5 โมง ก่อนขึ้นเครื่องบิน ก็เลยมีไปกินข้าวกับเขา แล้ววันนั้นเขาก็ร้องไห้ สรุปเราก็ไม่ได้กลับ หลังจากนั้นพอเรากลับเชียงใหม่เขาก็ไปด้วย

ตอนที่เราเห็นเขา ณ วันนั้น เรารู้สึกยังไงบ้าง ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : จริง ๆ เราไม่เคยเห็นเขาในสภาพปกติ หรือไม่ปกติ เราเคยเจอเฉพาะตอนที่ทำงาน หรือตอนกินข้าว เขาก็อยู่ในโหมดปกติดี แต่วันนั้นเจอตอนเจอก็เหมือนปกติ แต่พอคุยไปเรื่อย ๆ ก็คงมีอะไรไปสะกิดเขา เขาก็เริ่มดิ่ง
 

มิเรียน อัคเซลการ์ด

ภาพจาก WorkpointOfficial

อะไรที่ทำให้เราอยู่ และยอมตกเครื่อง ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : คนขับรถมาช้าค่ะ คือ ณ เวลานั้นเราไม่สามารถอ่านใจเขาได้ ตอนที่เราเจอเขา เขาก็พยายามพรีเซ็นต์ตัวเองว่าเขาโอเคนะ ตัดช่วงที่เขาเศร้าออกไป แต่พอคุยไปเรื่อย ๆ เขาก็เล่าเรื่งนั้นเรื่องนี้ขึ้นมา เราก็ฟังไปเรื่อย ๆ สนุกดี

ตอนนั้นเราคิดว่าเราจะช่วยเขาได้ไหม หรือแค่อยากฮีลให้เขาผ่านช่วงเวลานั้นไปได้ ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : ไม่ได้คิดถึงจุดนั้นเลยค่ะ เหมือนแค่เป็นโมเมนต์บายโมเมนต์ ตอนนั้นเขาเศร้าอยู่ ด้วยความที่เราเลี้ยงลูกมา เรารู้ว่าเมื่อเด็กเศร้าก็ต้องหาวิธีเบี่ยงเบนความสนใจ ตอนเขาร้องไห้เราก็เลยใช้วิธีนี้กับเขา เพราะคิดว่าทุกคนก็เป็นเหมือนเราที่อยากทำให้คนที่เศร้าเปลี่ยนความสนใจ

เรื่องเขียนเสื้อยืดสีขาววันนั้น ถือเป็นทฤษฎีเบี่ยงเบนด้วยไหม ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : เบี่ยงเบนค่ะ วันนั้นที่ไปพัทยา แล้วก็มีข่าวออกมาว่าสาวหมวย แต่วันที่ไปไอคอนก็มีข่าวว่าสาวลูกครึ่ง ด้วยความที่เราเป็นคนตลก เราก็บอกเลยว่างั้นเป็นสาวอินเดียเลยไหม เราก็เลยแต่งหน้าให้ดูเข้มขึ้น แล้วก็คุยเล่นกัน แล้วตอนนั้นคือทุกคนมองเรา ว่าเราใช่ โจลี่ หรือเปล่า เราก็บอกเขาว่าไม่ไหวแล้ว เพราะตอนนั้นที่คนมองคือเขามองพี่พีเคก็จะยิ้มให้ แต่พอมามองเราเขามองด้วยสายตาไม่โอเค เราก็เลยไปซื้อเสื้อแล้วเขียนว่า I'm not ชื่อเขา แล้วเขาก็หัวเราะ คือจริง ๆ ถ้าเดินอยู่ก็ดูไม่ค่อยออกว่าเขียนว่าอะไร

พอเขาลงสตอรี่ หลังจากนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : ตอนนั้นเขาก็พูดมาว่า สถานการณ์มันแย่มาก แต่เราก็บอกเขาว่ามันไม่ได้แย่ขนาดนั้น มันอยู่ที่มุมมองของเราว่าเราจะรับสิ่งที่เราเจอยังไง เขาบอกว่าไม่มีใครเข้าใจเขา เราก็บอกเขาว่า เดี๋ยวเราจะทำความเข้าใจว่าเขากำลังใจเจออะไรอยู่ คือต่อให้มีข่าวที่แย่ออกมา เราจะทำให้ดูว่าเรามีวิธีจัดการกับข่าวยังไง เราก็ไม่สนใจ เอนจอยไป

ได้อ่านข่าวหลังจากที่เขาลงรูปไปไหม ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : ก็มีเพื่อนทักมา แต่ส่วนตัวไม่ได้อ่านข่าวเลย

เหมือนกับว่าเราเป็นผู้หญิงที่สตรองมา ในขณะที่ตอนนั้นฝั่งผู้ชายเขาข้างในใจกำลังแย่มาก กลายเป็นว่าเราต้องยืนให้เขาให้โลกเขาเปลี่ยนเป็นสีชมพู เป็นสีรุ้ง ใช้เวลานานไหม ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : ทำไปเรื่อย ๆ ค่ะ ไม่มีกำหนดว่ามันต้องเสร็จเมื่อไหร่ เราบอกเขาว่าขอเวลา 7 วัน จะทำให้เขาดีขึ้น คือเราก็พูดไปเรื่อย
 

มิเรียน อัคเซลการ์ด

ภาพจาก WorkpointOfficial

แล้วเขาดีขึ้นไหม ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : ดีขึ้นค่ะ เขาก็แฮปปี้ขึ้นเรื่อย ๆ เห็นการเปลี่ยนแปลงทุก ๆ วัน เขาไม่ค่อยเครียดแล้ว

หลายคนมองว่า พีเค เป็นคนเจ้าชู้ ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : มองว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวที่การกระทำของเขาอาจจะทำให้คนอื่นมองว่าเขาเป็นคนเจ้าชู้ แต่เวลาที่เขาอยู่กับเรา เขาต้องการอยู่ด้วยตลอดเวลา เขาจะเอาเวลาไหนไปเจ้าชู้ มันแทบไม่มีเลย การที่เขาอยู่กับใครสักคน อยากใช้เวลากับคนนั้นตลอดไป กลับทำให้เราย้อนกลับมาคิดว่าถ้าเรามีผู้ชายที่ดูแลเราดีขนาดนี้ เราจะเก็บเขาไว้ยังไงดีกว่าการที่จะไปมองว่าเขาจะไปหาคนนั้นคนนี้

ถ้ามีคนถามว่าคิดยังไง เหมือนเรากำลังเล่นกับไฟ เขาดูตกเป็นเป้าของผู้หญิง และเขาเฟรนด์ลี่กับทุกคน จนคนมองว่าเขาเจ้าชู้ พอมิเรียนเข้าไปในนั้นเหมือนเราเป็นฝุ่นเข้าไปโดนลูกหลง ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : มองว่าเราเป็นคนให้คำปรึกษาเพื่อนมากกว่าค่ะ อย่างการให้สัมภาษณ์แบบนี้บางทีบางประโยคของเราอาจจะไปช่วยใครสักคน เราไม่โฟกัสคนที่เขาด่าหรือแซะเรา เราโฟกัสคนที่ได้อะไรจากเราไป ไปสะกิดเขาแล้วทำให้เขาแฮปปี้ขึ้น ไปแก้ไขสถานการณ์ตรงนั้นให้เขา เราจะดีใจแค่นั้นเลย

คนในครอบครัวและคนรอบข้างเราว่ายังไงบ้าง ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : ทุกคนไม่มีใครมาเตือนเลยสักคน มีแต่คนบอกว่าถ้ามิเรียนเลือกแล้ว เขามั่นใจในการตัดสินใจของเราว่าเราเลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราแล้ว แม้กระทั่งคุณแม่ก็บอกว่าไม่ต้องไปสนใจ ดูแลพี่พีเคกับคุณแม่เขาให้ดี มองว่าเขาน่าจะอยู่กับปัจจุบันกันค่ะ ไม่ได้สนใจคำพูดของคนอื่น บ้านพี่พีเคก็น่ารัก ส่วนครอบครัวมิเรียนก็ซัพพอร์ตซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะตัดสินใจทำอะไร เขาก็ซัพพอร์ต
 

มิเรียน อัคเซลการ์ด

ภาพจาก WorkpointOfficial

ลูกสาวว่าอย่างไรบ้าง เห็นเขารักลุงพีเคมาก ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : ตอนนี้เขากำลังจะ 4 ขวบค่ะ จริง ๆ คือเขารักทุกคนที่ดีกับเขา ใครดีกับเขา เขาก็รักหมด เขาอยู่กับใครก็ได้ เขาแฮปปี้ เราตั้งใจเลี้ยงเขาให้เขาเป็นที่รักของทุกคน

ย้อนไปถึงตอนที่เราแต่งงานกับอดีตสามี ตอนนั้นเราแต่งงานตอนอายุเท่าไหร่ ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : ประมาณ 27-28 ค่ะ ตอนนั้นเหมือนเราทำงานเอเจนซี่ แล้วอดีตสามีทำธุรกิจเกี่ยวกับมะพร้าวอยู่ที่กรุงเทพฯ เขาก็มาจ้างเรา แต่จริง ๆ เขามาจีบ ตอนนั้นเราก็รู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีแพสชั่น มองภาพกว้าง มองไปข้างหน้า มองว่าเป็นความท้าทาย ทุกวันนี้เราก็ทำตามวิชชั่นของเขา ต่อยอดทำธุรกิจของเราจากวิชชั่นของเขา แม้เขาจะเสียไปแล้ว

ตอนที่เขาเสีย เกิดอะไรขึ้น ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : ตอนนั้นเขาเสียหลังลูกสาวเพิ่งคลอดได้ 1 เดือน แล้วเขาก็ไปเลย เป็นเพราะทำงานหนัก คือตอนนั้นความต้องการของลูกค้าเยอะมาก ช่วงโควิด คนอยากกินน้ำมะพร้าวเยอะมาก ทำให้เขาทำงานหนักขึ้น จากเดิม 8 ชั่วโมง ก็เพิ่มไป 3 กะ ทำให้เวลานอนของเขาเพี้ยน ตอนที่เขาเสียเขาอายุ 34 ปีค่ะ นอนน้อย 1-2 ชั่วโมง และมีดื่มด้วย เพราะเขามีเพื่อนเยอะ

ณ วันนั้น เรารับมือยังไง ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : เพราะมีคนรอบข้าง ถามว่ามีสัญญาณอะไรบอกไหม ก็มีค่ะ คือช่วงนั้นเขาจะตื่นมาไอแรง ๆ กลางดึก เราก็ถามเขาว่าโอเคไหม ไปตรวจไหม แต่เขาไม่ไป เราก็โอเค แล้วแต่เขา คือตอนนั้นเรายังไม่เคยได้ลิ้มรสความสูญเสีย พอสูญเสียก็เลยค่อนข้างที่จะระวัง ทั้งตัวเอง และคนรอบข้าง

ตอนนั้นเราเพิ่งเป็นคุณแม่ แต่ต้องมาเจอกับความสูญเสีย เป็นยังไงบ้าง ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : คือก่อนหน้าที่จะเสียสามี เราเพิ่งเสียคุณยายไปตอนท้องได้ 7 เดือน คุณตาก็เศร้า เสียใจ ทางสามีเราก็บอกคุณตาว่าไม่ต้องเสียใจ เขาใช้ชีวิตคุ้มแล้ว ลองไปดูสิผู้หญิงบางคนคลอดลูกได้แค่ 1 เดือน ผัวก็ตายแล้ว เขายังอยู่ได้เลย เราก็เลยเสิร์ชดูว่ามีคนอยู่ได้จริง ๆ เหรอ คือเหมือนตอนนั้นเราเตรียมใจแบบไม่รู้ตัว พอมันเกิดกับเรา เราก็มองว่ามันต้องอยู่ให้ได้ สิ่งที่ขาดหายไปคือ ไม่มีใครโทร. หาเราแล้ว เราโทร. หาเขาไม่ได้แล้ว ไม่มีร่างของเขา ไม่ได้พูดคุยหรือแชร์กับเขาแล้ว

ธุรกิจที่ทำด้วยกัน ทุกวันนี้ยังอยู่ไหม ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : หลังจากสามีเสีย เราแยกมาทำเองแล้วค่ะ เพราะตอนนั้นเราไม่ได้จดทะเบียนกัน มาทำกับพาร์ทเนอร์คนใหม่ แต่เราก็ทำมาจากวิชชั่นของเขาและของเรา คือเราก็ดีใจที่เราได้เจอกับเขา เพราะตรงนี้มันก็กลายเป็นธุรกิจเลี้ยงเรา เลี้ยงลูก เลี้ยงครอบครัว

เคยเล่าเรื่องของสามีให้ พีเค ฟังไหม ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : เล่าค่ะ อย่างตอนที่เขาดิ่งมาก ๆ เขาก็จะจมกับความทรงจำของเขา เราก็บอกเขาว่าเราก็มีความทรงจำของเรา แต่เราเลือกที่จะไม่ไปจมกับมัน เพราะเราอยู่กับปัจจุบัน เรามีกันและกันแล้ว ถ้าเราใช้เวลาปัจจุบันในการจมกับอดีต เราจะเสียเวลาปัจจุบันมาก ๆ

มองความรักครั้งนี้ยังไง ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : เป็นความรักที่ดีค่ะ เมื่อวานยังบอกเขาอยู่เลยว่า เราเคยรู้สึกดีกับความรักครั้งที่ผ่าน ๆ มา แต่ครั้งนี้ดีกว่าเดิม เพราะว่าเขาเติมเต็มเรา เราก็เติมเต็มเขา เมื่อเราให้เขาและเขาก็ได้รับ

ตอนเขาป่วยเป็นยังไงบ้าง บอกยากไหม ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : บอกยากกว่าลูกเราอีกค่ะ แต่เราก็บอกเขาว่าเราไม่อยากกลับไปอยู่ในจุดที่สูญเสียแล้ว ถ้าเขามีอยู่เพื่อรักคนอื่น งั้นถ้าเขารักเราก็ดูแลดี ๆ เราขอเขาให้ดูแลตัวเองดี ๆ หน่อย เพราะเราอยากใช้เวลาอยู่กับเขาไปนาน ๆ

คาดหวังกับความรักตรั้งนี้อย่างไรบ้าง

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : Day By Day เลยค่ะ เพราะเรามีแค่นี้ เราไม่รู้ว่าอนาคตเป็นยังไง ตราบใดที่เรามีเขาอยู่ตรงนี้ เราก็มีเขาอยู่ตรงนี้

อยากบอกอะไรกับคนที่ติดตามเรา ให้กำลังใจเรา ?

          มิเรียน อัคเซลการ์ด : ก็ขอบคุณค่ะ แต่จริง ๆ ในส่วนของคอมเมนต์ลบ เขาแค่ไม่รู้ในสิ่งที่เขาพูดออกมา แต่ถ้าวันหนึ่งที่เขาได้เจอ ก็มองว่าการให้กำลังใจกันเป็นสิ่งที่สำคัญมาก มองว่าการให้กำลังใจกันเป็นสิ่งที่ฝึกฝนกันได้ อย่างพี่พีเคเขาก็คอยให้กำลังใจคนอื่น พอวันหนึ่งเขาต้องการกำลังใจมันก็จะมาหาเขา
 

มิเรียน อัคเซลการ์ด

ภาพจาก WorkpointOfficial

ดีเจพีเค

ภาพจาก Instagram djpk

มิเรียน อัคเซลการ์ด

ภาพจาก Instagram merian.axel

ขอบคุณข้อมูลจาก WorkpointOfficial
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
มิเรียน สุดสตรอง ! ย้อนเล่าวันที่เสียสามี - เปิดใจสถานะแฟน ดีเจพีเค ตอบคนมองเล่นกับไฟ อัปเดตล่าสุด 11 มิถุนายน 2567 เวลา 16:11:07 34,017 อ่าน
TOP
x close