ปู มัณฑนา แถลงทั้งน้ำตาปมหนี้ 2 ล้าน กับคู่กรณี ลูกหมี - ลิลลี่ ชี้ไม่ได้ยืมเงินใคร แต่อีกฝ่ายเสนอให้ยืมเพื่อมาปล่อยดอก ค้ำประกันแทนเพื่อน ยันไม่ได้ถังแตก มีที่ดินเยอะมาก
- ทนายประมาณ เผยว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาเนื่องจากทางเจ้าหนี้ทวงไม่ถูกต้อง ในการโกงผ่านสื่อ ที่ผ่านมาก็มีการทยอยจ่ายมาตลอด แต่มาเป็นปัญหาตอนที่ปูโดนโกงที่ดินเป็นหลักร้อยล้าน
- ส่วนยอดตอนนี้ยืนยันว่าจะชำระ แต่ยอดที่บอกว่า 2 ล้าน คือทางลูกหมีเคยโอนมาทั้งหมด 4 ล้าน ส่วนที่ปูเคยโอนไปทั้งหมด 2.6 ล้าน ถ้ามีเงินของลูกหมีที่อยู่กับปูคือ 1.4 ล้าน ถ้าจะเจรจากันจะต้องเป็นยอดนี้ ไม่ใช่ 2 ล้าน ตามในเช็ค ต้องชำระตามมูลหนี้จริง
- ที่สังคมบอกว่าถ้าจ่ายหนี้ก็จบ จนตอนนี้ทัวร์ลง เรื่องนี้แล้วแต่คนจะคิด แต่วันนี้ 1.4 ล้าน จ่ายแล้วไม่จบ เพราะมีคดีหมิ่นประมาท ใส่ความ ทวงถามผิดกฎหมาย ตอนนั้นคุยกันว่าจ่าย 1.4 ล้าน จะจบ แต่ค่อยไปว่ากันเรื่องคดีความที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลอีก ซึ่งก็คือไม่จบ มันไม่ใช่การปรองดองที่ดี เพราะมันไม่จบ
- วันนี้ต้องบอกว่า 1.4 ล้านบาท กับคดีหมิ่นประมาท ไม่เกี่ยวกัน ยืนยันยอดหนี้นี้จ่ายแน่ ไม่ต้องห่วง ส่วนเรื่องคดีไม่เกี่ยว ต้องแยกกันว่าจะเยียวยากันยังไง ยืนยันว่าจ่ายแน่ แต่จะจ่ายยังไง แบบไหน ต้องคุยกัน ไกล่เกลี่ยในวันที่ 16
- ทางด้าน ปู มัณฑนา เผยว่า วันนั้นที่เจรจากันยอด 1.4 ล้าน ทางปูก็ถามลูกหมีว่าจะเยียวยาเรื่องที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงยังไง ทางลูกหมีก็บอกต่อหน้าเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยว่าจะไปเดินสายขอโทษในทุกรายการที่ออก ก็คือจบ แล้วปูก็จ่ายคืน 1.4 ล้าน และในวันนั้นเขาก็ได้ขอโทษปูแล้ว
- วันนั้นเรื่องเกือบจะจบแล้ว แต่มีผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า ยอด 1.4 ล้านไม่ได้ ทางลูกความต้องได้ 2 ล้าน คือตอนนั้นคุยกันในห้องไกล่เกลี่ย จ่าย 1.4 ล้าน เราคุยกันได้ด้วยดี แต่ไม่รู้มีใครไปยุยงไหม ว่าต้องกลับไปที่ยอด 2 ล้าน แล้วพี่ลูกหมีก็พูดอีกแบบ
- ทนายประมาณ บอกว่า ถ้าจะให้จบคดี หาญส์ ก็บอกกับทนายว่า แค่คำขอโทษมันพอเหรอ คือเขาเดินสายขนาดนี้ ทำลายชื่อเสียงขนาดนี้ เรื่องคดีไม่ได้จะเอามาเทียบกับยอดหนี้ มันเทียบกันไม่ได้ ต้องดูกันว่าจะเยียวยายังไง มันไม่ใช่เรื่องเงินแล้ว คือการทวงเงินต้องทำตามกฎหมาย ตนไม่เคยเจอแบบนี้ ทำให้การไกล่เกลี่ยมันยาก
- ปูยืนยันว่าที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าไม่จ่าย จ่ายตลอด จนมาเจอเช็คเด้ง อีกฝ่ายก็แจ้งความเลย ในเรื่องเช็คพี่ลูกหมีก็รู้ดี ว่าขอจากปูไปค้ำประกันเพื่อความสบายใจ แต่ไม่ใช่ว่าจะขึ้นเงินจริง ๆ เรื่องเซ็นสัญญากระดาษเปล่า เขาส่งมาให้เซ็นอย่างเดียว บอกไม่ต้องเขียนรายละเอียด เดี๋ยวผิดกฎหมาย ที่ยอมเพราะยอดมันไม่เยอะ คิดว่าถ้าเพื่อนไม่มีก็จ่ายแทนให้ได้ ที่เซ็นให้เขาเพราะเราจริงใจ และมีเงินจ่ายได้อยู่แล้ว
- ธุรกิจที่ทำกันมีเพื่อนหลายคน พอลูกหมีออกมาแบบนี้ คนก็ไม่ไว้วางใจในกลุ่มปูกับเพื่อน เขาก็พยายามไปชวนให้ออกมากันเยอะ ๆ เป็นสิบคน จะได้เป็นคดีฉ้อโกง โดยที่ยืนกันเป็นสิบคน ปูก็รู้จักแค่ 2-3 คน เขาทำให้เหมือนทุกคนเป็นเจ้าหนี้เราหมดเลย แต่ที่ผ่านมาในการทำธุรกิจ เขาก็มีการได้ผลประโยชน์กันมาตลอด
- สำหรับยอดหนี้ของลิลลี่ เหงียน กว่า 6 แสนบาท ปูยืนยันว่าต้องคืน "ต้องคืนเขาค่ะ เป็นหนี้ต้องคืนทุกคนค่ะ" ส่วนทางทนายก็บอกว่า แต่พอออกมาประจานแบบนี้ มันเลยไม่รู้ว่าจะต้องคืนยังไง ยังงง ๆ อยู่
- ที่บอกว่าตอนยืมยืมเองได้ ตอนคืนทำไมต้องไปทวงกับบริษัท ทนายประมาณ บอกว่า คนว่าพี่ปูไม่น่าเชื่อถือ เลยให้ติดต่อทางบริษัทเลย แต่ต้องเป็นหนี้จริง แต่เรื่องดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมาย เลิกพูด
- หาญส์ บอกว่า บริษัทไม่ใช่ของตน แต่เป็นบริษัทการเงิน คือที่ต้องผ่านบริษัท เพราะหนี้ของปู ตนไม่ได้รู้ด้วย พอมีคนอ้างตัวแทนคนนู้นคนนี้มา ก็ไม่รู้ของใครจริงไหม ไม่รู้ใครเป็นใคร ตนจึงได้แต่งตั้งให้บริษัทเป็นตัวแทนเลย จะได้เป็นระบบ เป็นความรับผิดชอบในส่วนของตน
- ปูไม่ได้ยืมเงินใคร แต่ทางลูกหมีอยากให้ยืมมาปล่อยดอก เพราะเดิมเขาทำธุรกิจกับร้านแว่น แล้วไปเล่นหุ้นกับเพื่อนเขา แล้วไม่ได้ดอกมาหลายเดือนแล้ว เขามาปรึกษาว่าอยากได้รายได้เพิ่ม เลยเอามาปล่อยดอกกัน คือปูไม่ได้เป็นคนไปยืมเงินเขา
- เรื่องเงิน เพื่อนบางคนทำธุรกิจด้วยกัน เพื่อนบางคนเอาเงินมาให้ปล่อยดอก เพราะเขาอยากมีรายได้ ส่วนหาญส์ก็รู้ว่าภรรยาทำธุรกิจ แต่ไม่ทราบรายละเอียด ทางปูก็บอกเป็นเรื่องของผู้หญิง กลุ่มผู้ปกครอง ทำธุรกิจด้วยกัน ให้กู้ยืม ทุกคนไม่สนว่าปูทำธุรกิจอะไร สนใจแค่ดอกเบี้ย
- เรื่องเงินในบัญชี 14 บาท วันนั้นน้องลิลลี่พาคนชื่อ ก. มา นัดเจอกันที่ร้านอาหารญี่ปุ่น มาคุยกันว่าต่างคนต่างมีปัญหา ปูก็มีปัญหาเรื่องที่ดิน น้อง ก. บอกรู้จักอัยการ ศาล ช่วยเหลือได้ เขาพยายามขอเงินพี่ปู 5 แสน เลยพยายามบอกว่าไม่มีเงิน เพราะเพิ่งรู้จักกัน ตอนนั้นลูกก็จะให้โอนเงินค่าเน็ตให้ น้องลิลลี่เลยโอนให้ก่อน ซึ่งวันรุ่งขึ้นปูก็โอนคืนเลย
- ทางลูกหมีไปพูดหลายพรรคมาก ทำให้เสียถึงพี่หาญส์ ซึ่งปูก็ร้องไห้ เสียใจ เพราะเรื่องไม่ได้เกี่ยวกับทางสามีเลย
- เรื่องเป็นหนี้ ทนายยืนยันว่าต้องใช้ แต่ว่าเรื่องคดีหมิ่นประมาทก็ต้องเจรจากันอีกที แต่ไม่ได้จะนำมาต่อรองเรื่องเงิน ส่วนยอด 1.4 ล้าน จ่ายแน่ ไม่ต้องห่วง
- เรื่องดอกเบี้ยชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย คือพี่ลูกหมีเขาบอกว่าเขาปล่อยดอกร้านแว่นได้ 10-20% เขาอยากได้ไม่ต่ำกว่านี้ ที่เขาบอกว่าลงทุน ไม่ได้ปล่อยกู้ ก็แล้วแต่เขา แต่เขาบอกปูว่าเขาปล่อยดอก
- เรื่องหนี้ทั้งหมด พี่ลูกหมีเขารู้แต่แรกอยู่แล้ว เขาปล่อยดอกทุก 3 เดือน แล้วให้พี่ปูเขียนเช็ค แล้วจะปล่อยต่ออีก 3 เดือน แต่ช่วงต้นปีเขาบอกว่าอาจจะต้องใช้เงินซื้อรถ เลยขอปล่อยเป็นเดือน ๆ ไป แต่ปูบอกเพื่อนไปแล้วว่าทุก 3 เดือน แล้วทางเพื่อนปูนำไปทำธุรกิจแล้ว เลยยังไม่สามารถคืนยอดนี้ได้ ซึ่งก็มีการคุยกันว่าจะขอยอดเท่านี้ก่อน ที่เหลือยังปล่อยอยู่ถึงวันไหน ถ้าจ่ายช้าบวกเพิ่มนะคะ
- ยืนยันว่าจะฟ้องร้อง ลิลลี่ เหงียน แน่นอน เพราะมีการด่าบริษัท ด่าทนายกิ่ง ก็ขอให้เตรียมตัวไว้เลย
- ทุกเคสเป็นการปล่อยดอกเบี้ยหมดเลย บางคนไม่มีเงินลงทุน แต่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน แต่ถ้าไม่มีของ เขาก็จะเรียกดอกเบี้ย 10-20% คนที่จะทำธุรกิจเขาก็ต้องยอมจ่าย เพราะเขาไม่มีเงินทุน ส่วนปูเป็นคนกลาง คนที่ปูค้ำประกันให้ทุกคน ถ้าเพื่อนโกง ปูยินดีชดใช้ให้ทุกคน ไม่งั้นคงไม่เขียนเช็คเองแล้วเซ็นสัญญาเงินกู้ให้หรอก ที่ผ่านมาก็เคยค้ำประกันให้เพื่อนมาเยอะ
- ที่น้องลิลลี่ไม่เอาดอก คือน้องน่ารัก ไปกินเที่ยวด้วยกัน ก็ไม่ได้ถือสาน้องเลย แต่เมื่อวานน้องด่าพี่แรงมาก ไม่รู้ว่าเจอใครไปยุมาไหม เมื่อวานก็ได้ดูที่น้องให้สัมภาษณ์ก็เสียใจ เพราะรักและเอ็นดูน้องมาก ไม่เคยโกรธน้องเลย ยังพิมพ์แชตไปบอกน้องเลยว่าไม่ถือสา ไม่โกรธนะ ก็ไม่อยากให้คำยุหรือใครพูดกับน้องให้ใส่ไฟพี่ หรือด่าพี่แรง ๆ
- น้องลิลลี่เขาอยากเป็นดารา อยากเป็นนักแสดง ที่ปูพาไปกองถ่ายเพราะเขาอยากเจอ 2 นักแสดงที่ปูเล่นด้วย เพราะอยากปรึกษาเรื่องทำเพลง ทำหนัง ปูก็พาเขาไป แล้วเขาก็คุยกันเอง กับน้องลิลลี่ พี่ยังรักน้องเหมือนเดิม แต่ในส่วนของคดีความก็ต้องว่ากันไป
- เรื่องจะฟ้องใครยังไงบ้าง ปูยังไม่อยากพูดตอนนี้ เพราะอยากให้ใจเย็น ๆ ลงก่อน
- 2 ปีที่ผ่านมา ไปกินอาหารกันบ่อยมาก ปูเป็นพี่คนโต ก็พาเขาไปเลี้ยงหมด แต่เขาเลี้ยงปูมื้อเดียว เขาพูดเหมือนเป็นบุญคุณ ที่มีคนติดต่อลิลลี่มาจะให้กินข้าว ไม่รู้จะให้ขายตัวหรือเปล่า น้องก็มาปรึกษา ปูก็บอกว่าห้ามไป ทุกคนก็ช่วยกันห้าม ส่วนจะฟ้องน้องไหม ต้องคิดอีกที เพราะน้องก็ด่าปูเยอะ
- ปูเพิ่งออกจากโรงพยาบาลแล้วมานี่ เข้าโรงพยาบาลมา 5 วัน ตั้งแต่เกิดเรื่องเข้าโรงพยาบาล 6 ครั้ง น้ำหนักลดไป 7 กก. ก็เครียด คือกระแสโซเชียลด่าเยอะมาก แล้วทนายเดชาก็ไลฟ์ด่าทุกวัน ทนายกุ้งก็ด่าทุกวัน ทุกวันนี้ต้องทานยาเป็น 10 เม็ด ถึงจะหลับได้ ต้องมีหมอจิตแพทย์
- ยืนยันว่าไม่ได้ถังแตก มีที่ลานจอดรถโรงพยาบาล มูลค่า 180 ล้าน โรงพยาบาลที่เป็นของน้องชายคุณพ่อพี่หาญส์ มีที่หลังโรงพยาบาลอีก 8 ไร่ ให้เช่า มีที่ฟู้ดแลนด์เช่าอีก 4 ไร่ มีสวนพันธุ์คำคลอง 13 เกือบ 100 ไร่ ที่เชียงใหม่ สันกำแพง มีที่ดินเยอะมาก ที่บ้านทำอสังหาฯ ด้วย ไม่ได้ถังแตก พี่ชายมีหน้ามีตาในสังคม พี่สะใภ้เป็น CEO หลายบริษัท ปูเป็นสะใภ้หิมะทองคำ ก็ขอโทษทางตระกูลด้วยที่ทำให้เสียชื่อเสียง ยืนยันไม่เคยข่มขู่ใครด้วยนามสกุล
- เรื่องนี้กระทบถึงลูก อาจารย์ประจำชั้นก็โทร. มาว่าลูกไม่เข้าชั้นเรียน หมดสิทธิ์เรียน รด. เพราะไม่กล้าไปรายงานตัว จริง ๆ ปีนี้เขาต้องขึ้นปี 2 แต่เขาหมดสิทธิ์ และไม่มีสิทธิ์สอบในบางรายวิชาด้วย เพราะเขาไม่เข้าชั้นเรียน
- เรื่องคืนชื่อเสียงเราก็อยู่ที่ฝ่ายนั้น อยากให้เขาพูดความจริง ไม่โกหก ทั้งเรื่องสัญญากระดาษเปล่า เซ็นเช็คค้ำประกันเพื่อความสบายใจ และเป็นเงินที่เขาให้มาปล่อยดอก