ขึ้นแท่นเป็นว่าที่เจ้าสาวอีกคนแล้ว สำหรับนางเอกสาว แมท ภีรนีย์ หลังแฟนหนุ่ม เฟม ภีมเดช ศิวพรพิทักษ์ ทำเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางความยินดีของคนในครอบครัว เพื่อน ๆ และแฟนคลับ
ล่าสุด (9 กรกฎาคม 2567) แมท ภีรนีย์ ก็ออกมาอัปเดตถึงเรื่องการแตรียมงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ผ่านรายการ แฉ ด้วยว่า พอใกล้วันแล้วยังงง ๆ ช็อก ๆ อยู่เหมือน เฟมขอแต่งงานที่นอร์เวย์ คาดว่าเป็นที่นี่เพราะมีปะป๊าอยู่ด้วย เป็นโอกาสที่ดีมั้งคะ แมทจำที่พูดไม่ได้เลย ต้องกลับมาดูคลิปว่าเราพูดอะไรไป ตอนนั้นเราจำอะไรไม่ได้เลย มันหายไปหมด ทำอะไรไม่ถูก เป็นความสุขที่สุดเลย
ไม่เคยคิดว่าจะมีใครมาขอแต่งงาน ไม่รู้ว่าเราจะดีพอสำหรับใครหรือยัง เราก็มานั่งคิดทบทวนว่าผู้ชายคนหนึ่งจะขอใครแต่งงานเขาก็ต้องรวบรวมความกล้าขนาดไหน ใช้กำลังใจขนาดไหน ใช้เงิน ใช้จิตใจทุกอย่าง แมทพูดว่าขอบคุณอยู่คำเดียว เฟมมาบอกว่า แมทพูดว่าขอบคุณนะ ไม่คิดว่าจะได้รับสิ่งดี ๆ ในชีวิต
หลังจากนั้นแมทก็ถามเฟมว่าเป็นมายังไง ปะป๊ารู้เมื่อไหร่ เขาวางแผนกันหมดแล้ว ปะป๊าแมทปีนี้ 80 แล้วเดินไม่ค่อยถนัดเขาจะไม่กินอาหารนอกบ้าน จะไม่ออกไปดินเนอร์ที่อื่นเลย แต่วันนั้นปะป๊าทำเกินกว่าปกติมาก ๆ ดีใจที่ปะป๊าทุ่มเทจริง ๆ ทั้งหมดคนในครอบครัวรู้ทุกคน ต้องบอกว่าเฟมเก่งมาก ที่พกแหวนพกเวลที่ปักเองกับมือ ปิดแมทแบบให้ได้รู้ได้ก่อน แมทยังถามเขาเลยว่าเธอแอบแหวนยังไง เธอหลบแหวนไม่ให้แมทรู้ได้ยังไง
โดยหลังจากมีข่าวออกไปก็มีคนเปิดวาร์ปเปิดภาพ ทำให้เฟมเขาตกใจมาก เพราะไม่คุ้นชินกับเรื่องราวในวงการบันเทิง ครอบครัวเขาอยู่ในวงการบันเทิงช่วงสั้น ๆ
ส่วนจุดเริ่มต้นของความรักครั้งนี้ สาวแมท เผยว่า เจอกันเพราะเพื่อนแนะนำค่ะ เป็นการแนะนำว่าเขาเป็นเจ้าของร้านโฮมเอกมัย ตอนนั้นเพื่อนก็ฝากแมทไว้กลับเฟม ช่วงที่เจอกับเฟม เพื่อนพยายามจับคู่ให้ตลอด วันนั้นสนุกมาก ตอนนั้นแมทตั้งใจว่าเราจะบวชชีแน่แล้ว เราอยู่คนเดียวแน่นอน หัวใจแหลกสลายกลัวความรัก ไม่คิดว่าจะมีใคร เฟมเป็นคนดีมาก ๆ เขาไม่ได้เพอร์เฟกต์ แต่เรารู้สึกว่าหากเราพลาดคนนี้ไปเราอาจไม่ได้เจอคนนี้อีก เราค่อย ๆ สะสมความรู้สึกไปเรื่อย ๆ
ถามว่าข่าวต่าง ๆ ที่ผ่านมาทำให้เรียนรู้อะไรบ้าง สาวแมทก็เผยว่า ทุกวันนี้เราเรียนรู้ชีวิตจากมรสุมข่าวที่ผ่านมา ทำให้แข็งแกร่งขึ้น รู้แค่ว่าเราต้องอยู่ให้รอด อาจจะที่เราเป็นนักสู้ที่ยอมแพ้ แต่ก่อนที่จะสู้ได้มันก็คงต้องมีความสว่างไสวอยู่ในใจนิดหนึ่งบ้างว่าเราไม่ใช่คนที่แย่ขนาดนั้น โลกออนไลน์ถือว่าสอนชีวิตเรามันเป็นสัจธรรม เพื่อนก็จะพูดตลอดเลยว่าเราได้เรียนรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่เกิดมา 30 ปี เพียงไม่กี่วัน
เราเข้าใจว่าอาจจะมีคนไม่ถูกใจเราอยู่แล้ว หรือมีคนเข้าใจผิด หรือเคยเจอเราตอนไม่น่ารักจริง ๆ อะไรก็แล้วแต่ แต่มันไม่มีทางที่เราจะไปพูดกับใครว่าเราไม่ใช่คนแบบนั้นนะ คือว่ายังไงถ้าเขารู้สึกดีกับเราหรือเขามีวิจารณญาณพอ เขาก็จะอยากรู้และค่อย ๆ หาคำตอบ ไม่ตัดสินใจด่วนไปเอง ไม่ว่าเราจะไปพูดยังไงต่อให้เขาชอบเราหรือไม่ชอบเราเขาก็จะยังคงคิดอยู่อย่างนั้น