พิม พิมประภา ตอบเหตุไม่เปิดหน้าแฟน ไม่พร้อมแต่ง - เปิดเคล็ดมูปูดำจนได้งาน !

          พิม พิมประภา เปิดใจรักหวาน 3 ปี ยังไม่เปิดตัวแฟน-ไม่พร้อมแต่งงาน เผยเคล็ดลับสายมู ปล่อยปูดำแล้วได้งาน ?
พิม พิมประภา

          นางเอกสาวสุดสวย พิม พิมประภา ที่วันนี้จะมาเปิดใจครั้งแรกหลังคว้ารางวัลทำคอนเทนต์ได้ที่ 1 ของโลก และเปิดเผยชีวิตโดนขโมยของในต่างแดน มูลค่ากว่า 2 แสนบาท พร้อมเปิดความเชื่อสายมูสุดแปลก ปล่อยปูแล้วได้งานสุดปัง ขอพรีเซ็นเตอร์ภายในหนึ่งเดือน ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง one31 ที่มีหนิง ปณิตา และ ชมพู่ ก่อนบ่ายเป็นพิธีกรดำเนินรายการ

เห็นว่าโดนโกงค่าแท็กซี่จนเป็นเรื่อง เกือบเอาชีวิตกลับมาไม่รอด ?

          พิมประภา : พิมพาที่บ้านเที่ยวช่วงปีใหม่ ไปรัสเซีย เราเจอเหตุการณ์ที่ค่อนข้างไม่โอเคหลายอย่าง ตั้งแต่เราลงสนามมาเลย ครอบครัวพิมมากันก่อน พิมตามไปทีหลัง ก็เลยต้องเดินทางคนเดียว ขึ้นแท็กซี่ไปปุ๊บ ตกลงราคากันเรียบร้อย อยู่ดี ๆ ระหว่างทาง จากแท็กซี่สมมุติว่าจากราคา 4,000 เขาก็บอกว่าราคา 8,000 นะ กลางทาง พิมก็บอก ไม่นะยู เราคุยกัน 4,000 ที่สนามบินเราคุยกันแล้ว เขาบอกไม่ 8,000 แล้วตอนนั้นอยู่บนโทเวย์เขาบอกถ้าไม่ 8000 ยูลงตรงนี้เลย ตอนนั้น -22 องศา ตอนนั้นถ้าต้องลงก็แย่ อยู่ทางด่วนเราจะลงยังไง แล้วเราก็กลัว เขาจะจอดแล้ว เขาชะลอแล้วพูดว่าถ้าไม่จ่ายลงไปเลย เรากลัวผู้หญิงคนเดียวด้วย ขับรถเป็นผู้ชายตัวใหญ่มาก

แล้วจบยังไง ?

          พิมประภา : เราก็ต้องยอม พอไปถึงปุ๊บ ไม่ยอมให้เราลงจากรถ ตอนนั้นน้องสาวมารับที่รถแล้ว เหมือนพิมเปิด แต่เหมือนเขาล็อกไม่ให้เราออก แล้วเขาก็ไถ่น้องพิมพ์อีกทีหนึ่ง บอกว่า 10,000 คือตอนนั้นเรายังไม่ได้จ่าย 8,000 แต่เขาบอกว่าไม่ 10,000 แต่ว่าน้องพลอยไม่ยอม เขาเป็นบล็อกเกอร์อยู่แล้ว เขาก็เอากล้องจ่อหน้าเลย ยูจะราคานี้ใช่ไหม เขาก็ไฟต์ เขาบอกว่าถ้าทำแบบนี้ยูจะไปออกกล้องนะ เขาก็ยอมในราคา 8,000 จ่ายปุ๊บเขาก็เปิดรถให้เราออก พิมไม่คิดเลยว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้กับเรา เราไปเที่ยวแล้วเจอชอตนี้ตั้งแต่ลงเครื่อง มันเป็นอะไรที่ใจเสียมาก

8,000 เป็นเงินประเทศเขาหรือประเทศไทย ?

          พิมประภา : ประเทศเขา

ยังไม่จบ กระเป๋าหายอีก ?

          พิมประภา : ประเทศเดิม เป็นขากลับจากที่เราไปดูแสงเหนือที่เมืองหนึ่ง และเป็นขากลับที่เข้าเมืองหลวง พอมาปุ๊บรอกระเป๋า ที่บ้านพิมได้กระเป๋าหมดทุกคนแล้ว เหลือของพิมใบเดียวที่ยังไม่มา พิมก็ยืนรอครึ่งชั่วโมงก็ยังไม่มา ก็เลยไปถามพนักงาน เขาบอกว่า อยู่ที่นั่น ซึ่งเราก็ไปเจอจริง ๆ แต่ตอนที่พิมเช็กกระเป๋า กลอนที่มันล็อกกระเป๋าเดินทางมันถูกปลดออก ไม่ใช่การงัดด้วย เป็นการปลดล็อกปกติเลย เรามั่นใจว่าก่อนที่เราจะโหลดกระเป๋าเราล็อกดีแล้ว เราก็เลยเปิดกระเป๋าตรงนั้นเลย เห็นว่าของเรากระจัดกระจายเต็มกระเป๋าไปหมดเพราะส่วนใหญ่ถ้าพิมแพ็ก พิมจะแพ็กในถุงสุญญากาศ แล้วมันออกมาหมดแล้ว สภาพนั้นถูกรื้อแน่ ๆ เราเลยเช็กของมีค่าของเรา ว่าอะไรหายไปบ้าง

อะไรหายไปบ้าง ?

          พิมประภา : กระเป๋าแบรนด์เนม แอคเซสซอรี่ ไปหมดเลย รวม ๆ กันก็ 2 แสนกว่าบาท

แล้วได้คืนไหม ?

          พิมประภา : ไม่ได้ค่ะ

เราได้แจ้งกับทางร้านไหม ไปขอดูกล้อง ?

          พิมประภา : ด้วยความที่พิมเปิดตรงนั้นเลย พนักงานก็อยู่ เขาก็เห็นอยู่ว่าของเราหายแต่เขาไม่ช่วย ด้วยความที่เรากลัวด้วยความที่เราบริสุทธิ์ใจได้กระเป๋ามาปุ๊บเราเปิดเลย

เขาตอบว่าอะไร ?

          พิมประภา : เขาบอกว่าไปสถานีตำรวจ

พอไปสถานีตำรวจ ตำรวจก็ไม่ช่วยอีก ?

          พิมประภา : สิ่งที่เขาทำก็ช่วยประมาณหนึ่ง คือเปิดกล้องวงจรปิดให้เราดู แต่เป็นกล้องวงจรปิดตอนที่เห็นเราหยิบกระเป๋า ซึ่งมันไม่ได้ช่วยอะไร เขาบอกว่าเขาทำให้ได้แค่นี้ ตอนนั้นที่พิมเสียใจมาก ๆ มันเป็นของที่แบบมีคุณค่าทางใจ มันเป็นของขวัญวันเกิด แฟนซื้อให้ ต่อให้เราซื้อใหม่ได้มันก็ไม่ใช่ใบเดิมแล้ว คือตอนเปิดมาเสียใจมากพิมเช็กอย่างแรกเลย เพราะมันเป็นสิ่งที่ไม่อยากให้มันหายเลย แต่ก็ถือว่ามันเป็นบทเรียนพอคลิปนี้ออกไปก็จะมีสองคอมเมนต์ ก็จะบอกว่าทำไมเอาของมีค่าใส่เข้าไปในกระเป๋าเดินทางที่จะโหลด ต้องยอมรับเลยว่า พิมไม่รู้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่ากระเป๋าที่โหลดจะถูกงัดได้

          หลายคนถามว่า ทำไมไม่ใส่ใน carry on คือ carry on ของพิมเต็มไปด้วยอุปกรณ์กล้องของน้องสาวที่เป็นบล็อกเกอร์ มันแพงกว่าเยอะ เราต้องเลือกใส่ของที่มีค่ามากกว่า ใส่ลงไปใน carry on

พิม พิมประภา

ภาพจาก Instagram pimprapa.t

คอมเมนต์ส่วนใหญ่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไหม ?

          พิมประภา : มันก็มีคนที่เห็นใจ คนที่เข้าใจ คนที่โทษเราก็มี เราก็เสียใจ แต่มันทำให้เรารู้สึกว่า มันไม่มีใครช่วยเราได้นอกจากเราต้องป้องกันตัวเอง

หลังจากเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ กลับมาเข้าสายมูเลย ปล่อยปูเป็นเรื่อง เป็นราว แล้วมีข่าวดีเข้ามา ทำไมถึงปล่อยปู ?

          พิมประภา : หลังจากที่กลับมาจากรัสเซีย พิมค่อนข้างนอยด์ ด้วยความที่ทุกปีพิมพาครอบครัวไปเที่ยวช่วงปีใหม่ แล้วเราจะรู้สึกฟูเอเนอร์จี แต่ครั้งนี้มันเป็นการกลับมาแล้วเป็นการเริ่มต้นปีที่มันไม่ดีต่อใจเราเลย ผู้จัดการก็รับรู้ว่าเรานอยด์ เขาก็เลยบอกว่า ปะเดี๋ยวแม่พาไปมู ก็พาไปตลาด ไปแผงปูทะเล แล้วให้เลือก บอกเดี๋ยวจะพาน้องไปปล่อย เราก็ซื้อไปประมาณหนึ่ง เราก็ไปปล่อยที่ศูนย์อนุรักษ์สัตว์น้ำทะเล เขาก็สอนวิธีการปล่อย

ปล่อยปูช่วยเรื่องอะไร ?

          พิมประภา : เวลาปูไปขายในตลาด เขาจะถูกมัดแขน มัดขาเอาไว้ มันเป็นเหมือนการจองจำ เป็นการทรมานร่างกายเขา การที่เราไปตัดเชือกออก เชือกนั้นก็เปรียบเสมือนปัญหา ก็เหมือนเราตัดปัญหาออกไป ก็เหมือนปล่อยพันธนาการของเขาให้เขาเป็นอิสระ ถือว่าได้บุญ

ขอได้ทุกเรื่องไหม ?

          พิมประภา : ขอได้ทุกเรื่อง ยกเว้นเรื่องความรัก ถ้าตัดไปความรักก็ไปเลยนะ คือพิมถ้ามูพิมมูเรื่องงานอย่างเดียว ตอนนั้นเราไม่ได้ตั้งใจจะขออะไรใด ๆ ทั้งสิ้น เพื่อไม่ให้ทุกอย่าง ปัญหามันออกไป ไม่อยากให้มีปัญหาอะไรในปีนี้แล้ว

ปล่อยปุ๊บงานคอนเฟิร์มปั๊บ ?

          พิมประภา : ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ พิมตัดปุ๊บ น้องเดินลงทะเลไป สายเข้าทันทีแล้วก็คอนเฟิร์มงานเลย คือที่ศูนย์อนุรักษ์สัตว์ป่าทะเล ต้องเช็กก่อนนะคะว่าเขาเปิดหรือยัง หลังจากที่พิมลงคลิปไป มีแฟนคลับมาบอกว่าเขาไป แต่เขาปิดไปแล้ว คนไปเยอะเกิน แล้วมันเสียระบบนิเวศ

หลังจากปล่อยปูเสร็จ งานคอนเฟิร์ม แล้วทำอะไรต่อ ?

          พิมประภา : ผู้จัดการเราเรื่องมูไม่ธรรมดา ก็เลยบอกว่าแม่หนูอยากได้พรีเซ็นเตอร์ปีนี้ ปีนี้หนูยังไม่ได้เลย แม่แอมก็เลยบอกว่ามีที่หนึ่งแม่อยากพาไป ก็เลยพาพิมไปวัดป่าคลอง 11 พี่แอมก็บอกทริกมา บอกว่าให้ถวายบุญก่อน เหมือนเราอยากได้อะไรก็ต้องให้เขาก่อน เราอยากได้พรอะไรมาก็ต้องให้บุญเขาไปก่อน ก็บอกว่าถ้าท่านเมตตาขอให้ท่านอำนวยอวยพรให้กับเราด้วย อีกทริกหนึ่งเลย คือต้องมองตา มองแบบอ้อนวอนเลย หนูขอเถอะนะ ให้ท่านเห็นถึงความตั้งใจ ให้ท่านจำหน้าเราได้ มองตาตลอดที่ขอพร เหมือนเดิมค่ะไม่ได้ขอเรื่องความรัก ขอเรื่องงาน คือขอเรื่องเดียว ต้องมั่นใจด้วยนะ เราตั้งมั่นเลยว่าเราอยากได้สิ่งนี้ ตอนนั้นในใจพิมบอกว่า หนูขอพรีเซ็นเตอร์ตัวหนึ่ง

ภายในหนึ่งเดือนได้พรีเซ็นเตอร์จริง ๆ ?

          พิมประภา : ความที่พิมพ์ขี้ลืมใช่ไหม คนจะบอกว่าภายในหนึ่งปี พิมก็บอกว่า ปกติพิมขอพิมจะลืม พิมก็เลยบอกว่าภายในหนึ่งเดือน พอปลายเดือนปุ๊บได้จริงๆ ดีใจมาก พี่แอมก็เซอร์ไพรส์เพราะเราไปขอด้วยกันมา เขาเลยไม่บอกว่ามีพรีเซ็นเตอร์ดิวมา จนกระทั่งวันเซ็นสัญญา เอาสัญญามาให้เลย

เห็นว่าพอได้ปุ๊บกลับไปขอบคุณ แต่ไปไหว้เฉย ๆ ขอเพิ่มอีก ?

          พิมประภา : ก็ไปขอบคุณท่านและบอกท่านว่า ถ้าหนูยังเหลือบุญอยู่ หนูก็ขอให้ท่านนะ ถ้าหนูยังเหลือบุญอยู่เอ็นดูหนูด้วยนะคะ ขอให้หนูเพิ่มอีกสักตัวได้ไหม อันนี้เราไม่ได้คาดหวัง เพราะรอบที่สอง ท่านก็ให้มาอีก

ไปลุยต่อที่ใหม่ ไปคำชะโนดอีก ?

          พิมประภา : ใช่ค่ะไปคำชะโนดเลย ตอนนั้นทางบ้านผู้จัดการเขาอยากไปทำบุญอยู่แล้ว ก็เลยยกกันไปหมดเลย มีถวายนางรำ ซึ่งพิมพ์ก็รำไปด้วยเลย

ขออีกไหม ?

          พิมประภา : ก็ขอไว้ แต่ต้องลุ้นก่อนไม่รู้ว่าได้ไหม

พิม พิมประภา

คอนเทนท์ต่าง ๆ ใน TikTok เป็นคนคิดเองทั้งหมดเลย ?

          พิมประภา : ใช่ค่ะ ตอนแรกเราไม่ใช่คนทำคอนเทนท์เก่งอะไร เราเน้นใช้ชีวิตประจำวันของเรามาเล่า แล้วลองสังเกตดูว่าคนในช่องเราชอบคอนเทนต์แบบไหน แล้วเราก็นำคอนเทนต์ที่เขาชอบไปพัฒนา

เพราะตอนที่ผันตัวออกมาเป็นนักแสดงอิสระ สารคอนเทนต์จากความคิด ถ้าเราไม่ทำคอนเทนต์คนอาจจะไม่เห็นงานเรา ?

          พิมประภา : ใช่ค่ะ ด้วยความที่ละคร เดี๋ยวนี้มันจะกระจายไปหลายคน ก็คือไม่ได้มาถึงเราทั้งหมด ถ้าเราเล่นละครเรื่องหนึ่งต่อปี คนจะเห็นเราแค่ 2-3 เดือน พิมก็คิดว่าทำยังไงให้คนเห็นเราตลอด โดยที่เราไม่ต้องรอละครเพียงอย่างเดียว ก็เลยคิดว่าโซเชียลเป็นช่องทางที่เราทำได้เอง เราไม่ต้องรอช่องอื่นเลย เรามาพัฒนาในช่องทางเราให้แข็งแรง

เรามาถูกทางเห็นบอกว่าตอนนี้ TikTok กลายเป็นช่องรายได้หลักของเรา ?

          พิมประภา : ใช่ค่ะ ทุกวันนี้ก็เป็นรายได้หลักไปเลย

ส่วนใหญ่ที่สร้างรายได้จาก TikTok ขายอะไร ?

          พิมประภา : TikTok ส่วนใหญ่จะเป็นคอนเทนต์รีวิวสินค้า และมีพรีเซ็นเตอร์เข้ามา

ตอนนี้ยอดคนติดตามเท่าไหร่ ?

          พิมประภา : ตอนนี้ 4.6 ล้าน

การที่รับงานรีวิวก็ค่อนข้างเรื่องเยอะเพราะต้องลองก่อนอะไรดีไม่ดี ?

          พิมประภา : พิมจะซีเรียสนิดหนึ่ง พิมอยากให้คนที่ช่องเขาเชื่อเราได้จริง ๆ ไม่อยากให้เขามาตั้งแง่ว่าสิ่งที่เราพูดมันใช้ได้จริงไหม แล้วพิมใช้จริงหรือเปล่า หลายคนชอบคิดว่าสิ่งที่ดาราถือ เป็นสิ่งที่เขาจ้างแหละ ไม่ได้ใช้จริง คนที่ติดตามพิมในช่อง จะเห็นว่าไม่ว่าเวลาพิมไลฟ์ หรือใช้ชีวิตจริง ๆ เขาจะเห็นว่าสิ่งต่าง ๆ ที่พิมรีวิวอยู่ในช่อง พิมใช้จริง แล้วสิ่งหนึ่งที่พิมซีเรียสมาก คือสินค้าที่ต้องการเข้าไป เพราะถ้าลูกค้ากินเข้าไปแล้วมันไม่ดีต่อร่างกาย แล้วเกิดอะไรขึ้นเราก็เสียด้วย เพราะเราเป็นคนพูดออกไป พิมเลยต้องบอกพี่แอมว่า ทุกสินค้าที่ติดต่อเข้ามา โดยเฉพาะสินค้าที่ต้องการเข้าไป พิมขอใบรับรอง ขอเอกสารทุกอย่าง เพื่อพิมจะได้มั่นใจ และพิมขอเทสต์ด้วยตัวเองก่อน เพื่อคนที่กินตามพิมไปเขาจะได้เซฟ

หลายคนสงสัยทำไมไม่เปิดหน้าแฟน ?

          พิมประภา : เขาเป็นคนที่อยู่นอกวงการมาก ๆ ต้องการความเป็นส่วนตัวมาก ๆ เป็นคนขี้อายสุด ๆ เขาบอกว่าอย่าพึ่งเปิดหน้าเลยได้ไหม แต่เวลาออกไปไหนก็ออกไปปกติ ไม่ได้หลบ ๆ ซ่อน ๆ

แต่ก็มีการบอกชื่อ ?

          พิมประภา : ใช่ ทุกคนก็รู้ว่าชื่อพี่ไอซ์ ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด จริง ๆ มีคนเคยเห็นอยู่แล้ว แค่เขาไม่อยากให้ลงแบบประกาศขนาดนั้น เขาไม่อยากอยู่ในแสง

มีแพลนแต่งงานไหม ?

          พิมประภา : ยังไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ จริง ๆ เคยขอเขาไว้ พิมขอทำงานก่อนได้ไหม พิมก็บอกเขาตรง ๆ พิมเพิ่งมามีงานเอง ที่ผ่านมาเห็นใช่ไหมเราก็ไม่ได้มีงานเยอะ พิมเพิ่งมีงาน ขอเวลาให้พิมทำงานหน่อยได้ไหม

คบกันมากี่ปีแล้ว ?

          พิมประภา : 3 ปีครึ่งแล้ว

          ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama

พิม พิมประภา

ภาพจาก Instagram pimprapa.t

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
พิม พิมประภา ตอบเหตุไม่เปิดหน้าแฟน ไม่พร้อมแต่ง - เปิดเคล็ดมูปูดำจนได้งาน ! อัปเดตล่าสุด 24 กรกฎาคม 2567 เวลา 12:24:33 13,554 อ่าน
TOP
x close