เอส กันตพงศ์ คัมแบ็กพิธีกรครั้งแรก ! ถาม รองแต้ม คิดยังไง หน้าคนร้าย ต้องเซ็นเซอร์ !?

          เอส กันตพงศ์ คัมแบ็ก ! นั่งเก้าอี้พิธีกร คุยแซ่บShow ครั้งแรก สัมภาษณ์ รองแต้ม พล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ เพื่อนรักคุณพ่อ เผยถึงความทรงจำสำคัญ... ที่ยังจดจำได้
 เอส กันตพงศ์

          สร้างความฮือฮาไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับการคัมแบ็กสู่วงการบันเทิง และมารับหน้าที่พิธีกรอีกครั้ง ของพระเอกหนุ่ม เอส กันตพงศ์ หลังจากหายป่วย แม้ความทรงจำส่วนใหญ่จะหายไป แต่ก็พร้อมเริ่มต้นใหม่ ท่ามกลางแรงสนับสนุนจากครอบครัว เพื่อน ๆ ในวงการบันเทิง และแฟนคลับ

          โดยล่าสุด (6 สิงหาคม 2567) เอส กันตพงศ์ ก็ได้มานั่งแท่นเป็นพิธีกรรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 เป็นครั้งแรก พร้อมกับ เป็กกี้ ศรีธัญญา ร่วมสัมภาษณ์ “ผู้การแต้ม” หรือ รองแต้ม พล.ต.ต. วิชัย สังข์ประไพ เจ้าของฉายา “มือปราบหูดำ” ซึ่งเป็นเพื่อนรักของคุณพ่อ
 

รองแต้ม

เป็กกี้ : เป็นครั้งแรกกับการที่เอสเป็นพิธีกรรายการคุยแซ่บShow เป็นยังไงบ้างกับการกลับมา

          เอส : ตื่นเต้นมาก ดีใจ ถ้างานพิธีกรหลายท่านอาจได้ดูตามสื่อ ส่วนใหญ่ผมเป็นแขกรับเชิญ ถ้าพิธีกร นี่เป็นครั้งแรกจริง ๆ หลังหายป่วยแล้ว ก็ดีใจและแฮปปี้มาก ขออนุญาตฝากเนื้อฝากตัวกับแฟนคลับรายการนี้ ผมอาจมีอะไรผิดพลาด พูดผิดไปบ้าง น่าจะเข้าใจว่าผมป่วยมาก่อน แต่ผมจะทำเต็มที่ ที่กล้ากลับมารับงานพิธีกรเพราะคิดว่าใกล้เคียงเดิมมาก ๆ แล้ว

เป็กกี้ :   คุณเหมือนเดิมเป๊ะเลย  เตรียมตัวยังไงบ้าง

          เอส : พูดไปเดี๋ยวคุณแม่โกรธหรือเปล่า (หัวเราะ) ผมตั้งใจแล้วว่าจะไม่นอนดึก เมื่อคืนนอนเกือบตีสามเพราะทำการบ้าน (หัวเราะ) ทางรายการมีประวัติ มีเรคคอร์สมาให้ก็จริงเกี่ยวกับแขกรับเชิญ แต่แขกรับเชิญวันนี้ ผมรู้จักท่านมาพอสมควร ชอบหาข้อมูลและทำการบ้าน ความตั้งใจอยากให้ผู้ชมได้รับชมแล้วได้ประโยชน์ในมุมที่ไม่เคยได้รับจากการสัมภาษณ์ท่านอื่นของแขกท่านนี้

เป็กกี้ : พี่แต้มเปิดประเดิมพิธีกรชายให้เราเลย

          รองแต้ม : พิธีกรถือเป็นหลานชาย ผมเป็นเพื่อนพ่อเขานะ เพื่อนรักกันมานานมาก เห็นเอสตั้งแต่ 10 กว่าขวบ ตั้งแต่แก้ผ้าอยู่เลย (หัวเราะ) สนิทกับครอบครัว

เป็กกี้ : ไม่เจอพี่แต้มนานเท่าไหร่แล้ว

          เอส : จำไม่ได้เลยจริง ๆ อย่างที่ทุกคนทราบในข่าวว่าความจำในอดีตผมหายไปแล้ว ต่อให้ความจำกลับมาครั้งสุดท้าย ตอนไปต่างประเทศด้วยกัน มีสิ่งหนึ่งไม่รู้อาแต้มจำได้หรือเปล่า ผมชอบเล่าให้คุณแม่และครอบครัวฟัง เด็ก ๆ ผมอยากเป็นตำรวจเหมือนกัน ไอดอลผมคืออาแต้ม อันนี้เรื่องจริง ผมเห็นด้วยกับวิธีที่อาปฏิบัติงานมาก ๆ คือชัดเจน เด็ดขาด ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย นี่คือความสุดยอดของคุณอาจริง ๆ
 

รองแต้ม

เป็กกี้ : ตอนนี้เปิดร้านอยู่ที่อยุธยา ล่าสุดลิซ่าก็ไปกิน

          รองแต้ม : ร้านผมเป็นร้านอาหารธรรมดา แต่ผมไปต่างประเทศบ่อย ก็เอารูปแบบของต่างประเทศมาตกแต่ง แต่อาหารธรรมดา ราคาธรรมดา ที่สำคัญที่สุดเราได้รับเกียรติจากลิซ่าไปกินอาหาร ร้านเราได้มิชลิน (หัวเราะ) ร้านชื่อขาวลออ บ้านเป็นสีขาว แม่ยายชื่อลออ ต้องใส่ชื่อแม่ยายเข้าไปหน่อยเพราะเขาให้มรดก เดี๋ยวเขายึดคืน (หัวเราะ) ร้านอยู่ในตัวเมือง รอคิวไม่นาน แต่เสาร์-อาทิตย์ต้องจองกด ขาวลออ เสิร์ชก็เจอเลย

เอส : กฎหมายยาเสพติดปัจจุบันบ้านเราเป็นอย่างไรบ้าง

          รองแต้ม : ผมต่อสู้เรื่องยาเสพติด ผมเกลียดที่สุดคือเรื่องยาเสพติด ตีหัวหมาด่าแม่ใครยังพอช่วยกันได้ แต่ยาเสพติดคุณอย่ามาหาผม เพราะตอนผมเป็นตำรวจ ผมมีภาพจำเรื่องยาเสพติด ที่ผ่านมา มีรัฐมนตรีคนหนึ่ง คิดเอาว่า 10 เม็ดเป็นผู้เสพ ผมต่อสู้และเป็นคนเดียวที่ออกมาต่อสู้ จนสื่อมวลชนช่วยผม จนไปไม่ได้ จนเหลือ 5 เม็ด ผมก็ไม่ยอม ผมร้องผู้ตรวจการแผ่นดิน จนมารัฐมนตรีคนใหม่เหลือเม็ดเดียว ถามว่าเม็ดเดียวพอใจไหม เอาล่ะ รับได้ แต่ในใจผมไม่พอใจ เพราะผมไม่อยากให้มีกำหนดเม็ด เพราะยาเสพติดเป็นบ่อเกิดของอาชญากรรมทุกประเภท เราปล่อยยาเสพติดไปคือปล่อยอาชญากรไป ถามว่าเราจะเอาผู้เสพให้ไปอยู่กับชุมชน ชุมชนจะนอนหลับได้ไง หนึ่งมึงอยู่กูก็ระแวงอยู่แล้ว นอนอยู่บ้านก็ผวาอยู่แล้ว คุณเป็นรัฐบาล เป็นคนออกกำหนด คุณมาออกอย่างนี้ แสดงว่าคุณไม่รักประชาชนสิ

เอส : ยาเสพติดเป็นต้นเหตุของหลาย ๆ ปัญหาของประเทศเราเราไม่ควรส่งเสริมสิ่งเหล่านี้

          รองแต้ม : 80 เปอร์เซ็นต์ที่ติดคุกอยู่นั้น ยาเสพติดทั้งสิ้น ผมมีภาพจำ เคยมีคดีหนึ่ง ครอบครัวหนึ่งลูกชายมีเมีย ผู้หญิงมีสามี พอเมายาบ้าทุกวัน เมาเสร็จ แม่ได้กับลูกชาย พ่อได้กับลูกสาว มั่วไปหมดทั้งบ้าน วันหนึ่งหลานก็พาเพื่อนนักเรียนมาเสพยา พวกนี้ก็ข่มขืนนักเรียนอีกเขาร้องเรียนตำรวจนานมากไม่มีใครทำ เขามีจดหมายมาใบเดียว ผมจัดการเลย ล้มหมด วิสามัญไปสองศพ เรียบร้อยหมด จากนั้นก็ไม่มีอีกแล้ว อีกคดีข่มขืนพยาบาล พยาบาลช่วยคน คุณไปข่มขืนเขา จับได้ก็คือติดยา อีกคดีเป็นคนรวย มีความรู้ดี ทำงานรพ. คนร้ายปลอมเป็นโจรมาเปิดกระโปรงรถ เอากุญแจมือใส่ผู้หญิงคนนี้ เอาไปข่มขืน ถ่ายรูปแบล็กเมล ให้โอนเงินทุกเดือน ที่สุดก็เป็นตำรวจกองปราบ ผมถามว่าทำไมต้องทำอย่างนี้ เพราะติดยาไง ทำไมทารุณเหยื่อแบบนี้ มันบอกดูหนัง ผมไม่ต่อสู้เรื่องยาเสพติดได้ไง ยาเสพติดพูดแล้วของขึ้น

          เอส : ขอถามนอกประเด็น มีหลายเคสมากเป็นคดีอาญา โทษร้ายแรง สื่อเราเอาไปออกโดยเซ็นเซอร์หน้าคนผิดทั้งหมด จริง ๆ แล้วหลายประเทศเขารณรงค์ให้เปิดหน้าด้วยซ้ำ เพื่อให้ตำรวจทำงานได้ง่ายขึ้น อยากถามว่าอาแต้มรู้สึกยังไง ควรเปิดหน้าไหมชาวบ้านพลเมืองดีที่เขาเห็นก็ไม่รู้อยู่ดี ออกข่าวไปแล้วคนจะรู้ตัวไหม อาแต้มคิดยังไง

          รองแต้ม : สมัยก่อนทำแบบนี้ แต่สมัยนี้กฎหมายและสิทธิมนุษยชนมันแรง เขามองว่าการเอาหน้าไปออกทำให้เขาเสียหาย เพราะเขาถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ เขาจึงมีกฎหมาย แต่ถามว่าประเทศไทยรักษากฎหมายมากที่สุดในโลก แต่ไม่สามารถทำกฎหมายเป็นกฎหมายได้ เอาว่าดัดจริตแล้วกัน (หัวเราะ) ประเทศอื่นเขาไม่ค่อยดัดจริต เขาใช้กฎหมายเป็น เขามีเหตุมีผลต้องเอามาพูดกัน แต่บ้านเราอยากออกกฎหมาย อยากรักษากฎหมาย แต่ไม่เคยทำให้กฎหมายเป็นกฎหมายสักที บ้านเมืองจึงเป็นแบบนี้ ผมต้องแรงหน่อย (หัวเราะ)
 

รองแต้ม

เป็กกี้ : คดีที่ไปจับ เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเหลือเกิน อยากรู้ว่าห้อยของขลังอะไร

          รองแต้ม : ไม่ได้ต้องพระอะไรนะ แต่ห้อยเพื่อเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจแต่ที่รอดมาได้คือความรอบคอบ สุขุม มีการทำงานที่วางแผนเป็นระบบ ตร. มีคำว่าไม่ประมาทถึงรอดมาได้ การต่อสู้กับคนร้าย ต้องเข้าใจว่าคนร้ายแพ้เราไปครึ่งนึงแล้ว มันใจห่อเหี่ยวไปครึ่งนึงแล้ว ยุทธวิธีของมันก็สู้เราไม่ได้อยู่แล้ว เวลาต่อสู้กับเขา ถ้าเราใช้ความรอบคอบก็ได้เปรียบเขา เขายกปืนมาก็ตายอยู่แล้ว แต่เสี่ยงไหมก็เสียง ผมเคยไปจับคนร้ายเล็ก ๆ ไม่รู้ว่ามันมีอาวุธ มันลุกขึ้นมาแทงผมที่หัวใจ ถ้าวันนั้นไม่เอี้ยวตัวผมก็ตาย เรามีทักษะ อีกคดีหนึ่งคนร้ายอยู่ท้ายกระบะ ผมอยู่หน้ารถกระบะ เอากระบะบังเต็มที่สองเมตร ผมโดนเขาก็ตาย เขาโดนผมก็ตาย ปืนชนิดเดียวกัน ความแรงเท่ากัน พอยิงสู้กันแล้ว เราก็ลุกขึ้นมาบิดตัวนิดหนึ่งว่าเจ็บไหม ถ้าเจ็บแสดงว่าเราโดนยิง ถ้าไม่เจ็บแสดงว่ามันตายแน่ มันก็ตายจริง ๆ

เอส : บางคนเวลาวิสามัญเยอะ ๆ จะกลัวเรื่องผีเรื่องวิญญาณ แต่อาไม่เชื่อเรื่องนี้เพราะอะไร

          รองแต้ม : ไม่กลัวเพราะผมมองว่ามันไม่ใช่คนดี มึงทำความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน ตายไปก็ไม่ต้องมาจองเวร ผีก็คิดว่าไม่มีจริงอยู่แล้ว สิ่งที่เราทำแค่ยึดคติคุณธรรม จริยธรรมยังไง เราทำเพื่อใคร นั่นคือหัวใจตำรวจเดี๋ยวนี้ทำงานไม่มองประชาชนเป็นศูนย์กลาง แต่ผมมองเป็นศูนย์กลาง เมื่อก่อนเราจะได้ยินเลยว่าหลับเถิดประชาตำรวจกล้าจะคุ้มภัย แต่เดี๋ยวนี้ได้ยินไหมกลายเป็นคนไม่เชื่อมั่นตำรวจ ตำรวจไม่ยุติธรรม เขาจึงไม่รักตำรวจไง สมัยก่อนพวกผมไม่ใช่ เรามีหัวใจเป็นประชาชน

เป็กกี้ : สมัยก่อนมีดราม่าไหมยุคพี่แต้มมีไหมวิสามัญแล้วโดนทำเกินกว่าเหตุ

          รองแต้ม : ไม่ค่อยมี เพราะคนร้ายที่ต่อสู้กับเราเป็นคนสำคัญทั้งนั้น ไม่ใช่เอาคนร้ายไปยิงแล้วสร้างชื่อเสียง เอาคนไปยิงแล้วเป็นมือวิสามัญไม่ใช่ คนร้ายต้องยิงเราก่อนนะ เราถึงป้องกันตัว แล้วชื่อว่าวิสามัญ รู้ไหมผมวิสามัญคนหนึ่ง ผมถูกแจ้งข้อหาว่าฆ่าคนตายโดยเจตนา ผมต้องสู้ศาลทุกคดีจนหลุดแล้วผมถึงชนะคดีนะ เวลายิงคนตายปุ๊บโดนแจ้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ผมเป็นผู้ต้องหาตั้งแต่วันนั้น จนกระทั่งสู้กับศาล ศาลบอกว่าสิ่งที่ทำชอบ ผมก็หลุดคดี

เอส : กระแสสังคมค่อนข้างกังขากับการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจทำให้ไม่เป็นมิตรกันแล้ว แย่ไปเรื่อย ๆ อาแต้มรู้สึกยังไงกับประเด็นที่เขารู้สึกว่าพึ่งตำรวจไม่ได้ ไม่ไว้ใจตำรวจ

          รองแต้ม : ผมก็รู้สึกเหมือนกับประชาชน เพราะประชาชนไม่เชื่อมั่นตำรวจ เพราะตำรวจเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการยุติธรรม เขามองว่าตำรวจไม่ให้ความเป็นธรรม เขาจึงไม่เชื่อมั่น ผมบอกเลยว่าตำรวจเป็นผู้ใช้กฎหมาย ผู้บังคับใช้กฎหมาย ฉะนั้นต้องรักษากฎหมาย ทำยังไงก็ได้ให้ประชาชนรักและศรัทธา ทำแป๊บเดียวประชาชนก็รัก เพราะตำรวจผูกพันกับประชาชน

รองแต้ม

          ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama
 
รองแต้ม

รองแต้ม

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เอส กันตพงศ์ คัมแบ็กพิธีกรครั้งแรก ! ถาม รองแต้ม คิดยังไง หน้าคนร้าย ต้องเซ็นเซอร์ !? อัปเดตล่าสุด 7 สิงหาคม 2567 เวลา 11:57:03 10,270 อ่าน
TOP
x close