ชีวิตคนเรามีขึ้นมีลงเป็นของธรรมดา เช่นเดียวกันกับ เอ วีระชัย หัตถโกวิท ที่เราอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากันกับบทตัวร้ายในละครหลายเรื่อง ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน แต่ตอนนี้ ชีวิตของเอเปลี่ยนไปมาก เอได้ผันตัวมาเป็นพ่อค้าขายหมูสะเต๊ะ ชาบูเสียบไม้ และบางครั้งถึงกับรับจ้างทั่วไปด้วย
เอ วีระชัย เผยในรายการ เหลือเฟือ ชาเเนล ว่า ตอนนี้งานการแสดงของตนได้ห่างหายไปเยอะ เหลืองานละครปีละเรื่อง ซึ่งทำให้ไม่พอค่าใช้จ่าย ค่าตัวของตนนิดเดียว ต้องเล่น 10 เรื่องถึงอยู่ได้ ตอนนี้ตนเปิดร้านหน้าบ้านขายหมูสะเต๊ะ ลูกชิ้น ปิ้งย่างเสียบไม้
ตนอยู่วงการบันเทิงมาตั้งแต่ปี 2525 รวมระยะเวลากว่า 41 ปี แต่ก่อนตนก็ขายของไปด้วย เล่นละครไปด้วย ซึ่งตั้งแต่โควิดมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปทุกอย่าง ตอนแรก ๆ ตนไปขายของที่ระยอง ตอนนั้นมันเวิร์กกับการขายของตามแอปฯ เพราะคนออกจากบ้านไม่ได้ จนโควิดช่วงหลัง ๆ ที่โควิดกลายเป็นโรคพื้นถิ่น คนก็ออกนอกบ้าน ไม่ซื้อของตามแอปฯ ร้านของตนอยู่ในเมือง แต่คนไปริมทะเลหมด ทำให้รายได้ลดลง
ตนเลยหันมาซื้อบ้านที่หมู่บ้านหนึ่ง มี 3,000 กว่าหลังคาเรือน คนอยู่นับหมื่นคน ตนขายอาหารแบบที่ระยอง และจุดที่ขายนั้นอยู่หัวมุมถนน คนไปคนมาต้องเห็นแน่ ๆ ทำเลไม่แย่ แต่ขายไม่ดี ซึ่งเอ วีระชัย คาดว่า อาจจะเพราะเป็นท้ายหมู่บ้านหรือเปล่า มีแต่รถผ่านไปผ่านมา ไม่แวะมาซื้อ ตนต้องการลูกค้าวันละ 50 คน แต่ลูกค้าเข้าร้านจริงวันละ 10 คน มันจะไปอยู่ได้ไง ทุกวันนี้คือขายเอาทุน ไม่มีกำไร บางทีขายได้วันละ 40 ไม้ ทั้งวันได้ 280 บาท
นอกจากขายของ ตนก็รับจ้างหมดเลย ทั้งเดินสายไฟ ซ่อมไฟในหมู่บ้าน ติดผ้าม่าน ประปา เวลาลูกค้าเห็นก็ตกใจที่เป็นดารา ไม่กล้าเรียกแล้วเพราะเขาเกรงใจ ตนก็ต้องบอกว่าตนทำได้ ซึ่งคนมักจะมองว่า ถ้าเป็นดาราแล้วต้องเป็นตลอด ห้ามมาขายของ ถ้าขายของปุ๊บคนจะมองว่าตกอับ ทั้ง ๆ ที่คนอื่นก็ขายของเหมือนกัน แต่สำหรับตน ตนเฉย ๆ มาก
นอกจากนี้ ตนก็เคยไปออกบูธ แต่มันก็ไม่หวือหวา ซึ่งมันก็มีค่าน้ำมัน ค่ากินเวลาไปออกบูธ ต้องขับรถ ต้องตื่นไวเพื่อไปตั้งบูธ เก็บของอีก หักค่าใช้จ่ายก็แทบไม่ต่างจากที่ขายของที่บ้าน แต่ข้อดีของบูธคือ เวลาที่ฝนตกก็พอขายได้ แต่ถ้าขายที่บ้านฝนตกก็ไม่เหลือ ไม่มีใครมาเลย
เหลือเฟือบอกว่า ตนมองว่า เอ วีระชัย คือคนทำมาหากินมากกว่า อะไรที่ได้เงินก็ทำหมด แต่สายตาของคนดูคือไม่ชอบดาราที่ขายของ ด้านเอก็บอกว่า ใครจะมองว่าเอตกอับ ตนไม่ซีเรียส ที่ซีเรียสคือไม่มีเงินมากกว่า ตนอยากได้เงินมาพยุงครอบครัว มาพยุงบ้าน แค่นั้นพอ
