หวนกลับมาขึ้นเวทีเป็นพิธีกรงานอีเวนต์อีกครั้ง หลังห่างหายไปนาน สำหรับ ดีเจพีเค ปิยะวัฒน์ พิธีกรชื่อดัง หลังก่อนหน้านี้เจอกระแสถล่มหนัก ตั้งแต่เหตุเลิกรากับอดีตภรรยา โยเกิร์ต ณัฐฐชาช์ มีดราม่ากับนางแบบเวียดนาม กระทั่งเปิดตัวแฟนใหม่ มิเรียน และมีประเด็นที่แฟนสาวโพสต์ฉะถึงอดีตภรรยา เกี่ยวกับบัญชี การเงิน จนมีรถทัวร์มาลงจอดที่พีเคไม่หยุด
ล่าสุด (17 สิงหาคม 2567) หลังขึ้นเวทีเป็นพิธีกรงานอีเวนต์อีกครั้ง พีเค ปิยะวัฒน์ ก็ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ทั้งความรู้สึกเรื่องงาน กับกระแสดราม่าที่เข้ามา รวมถึงประเด็นกับอดีตภรรยา โยเกิร์ต ณัฐฐชาช์ ดังนี้
- ที่คนจับตามองการทำงานของตนเอง ไม่กังวล พร้อมมาก ไปดูเวทีอีเวนต์หลายงานมาก ระหว่างที่เราไม่ได้ทำ ก็รู้สึกว่า ถ้าเป็นเรา เราจะเติมตรงนี้ ใส่ตรงนี้ มันสามารถทำให้สนุกกว่านี้ได้ แต่มันยังไม่ใช่โอกาสของเรา เพราะฉะนั้นเราเข้าใจ
- ที่ผ่านมานอนฝันถึงงานทุกคืน เพราะเรารู้ว่าเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เรารู้ว่าเราสามารถทำสิ่งนี้ได้ดี พอ ๆ กับคนอื่น
- ตอนขึ้นเวที แตะเวที และจับหัวใจ เพราะนี่เหมือนร่างกายเรา เหมือนหัวใจเรา พอได้กลับมาก็คิดว่าวันนี้จะทำให้เต็ม 120 เลย ตอนแตะเวทีก็คิดว่า กลับมาแล้วนะ จะทำให้ดีกว่าเดิม
- การเป็นพิธีกร สำคัญสำหรับเรามาก เวทีอีเวนต์คือเวทีที่สร้างชีวิตตน มีบ้าน มีรถ มีชีวิตที่ดีได้ ก็เพราะเวทีอีเวนต์ รู้สึกว่าเราทำมาเยอะจนสามารถสอนคนอื่นได้
- ที่ผ่านมา อย่างที่คนทั้งประเทศรู้ พอมีปัญหา จะมีบริษัทหรืออีเวนต์ออแกไนเซอร์อาจจะสูญเสียความมั่นใจกับเราไปนิดนึง ซึ่งเรารู้นะ เราพลาด แต่ความสามารถบนเวทีหรือหน้าจอทีวีเราอะ เรายังเก่งเหมือนเดิม
- ที่ใช้คำว่าเก่งก็เพราะว่าเราทำมา 25 ปีแล้ว เราทำมาเกินพันชั่วโมงแล้ว เรารู้ว่าเราเก่งระดับนึงเลย เราเก่งที่จะสามารถสอนคนรุ่นใหม่ได้ สอนให้เขาใช้อาชีพพิธีกรเป็นอาชีพที่เลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัวได้ พอได้กลับมาทำ เราก็รู้สึกเลยว่าความสามารถเราไม่ได้หายไปไหน
- เรื่องหลุดจากวงการคงไม่ แต่มันต้องใช้เวลา เพราะข่าวที่ออกไปมันก็ไม่ดี เราเข้าใจทุกคนเลย ทั้งคนที่ว่าและชอบเรา เราแค่รอวันที่จะกลับมา เราก็ฝึกฝนของเรา พยายามทำให้ตัวเองดีขึ้นในระหว่างที่พักเบรก
- ที่คนมองดราม่ามากกว่าความสามารถของเรา ก็แอบน้อยใจ กับการแยกไม่ออกระหว่างชีวิตส่วนตัวกับความสามารถ แต่เราเข้าใจสังคมไทย เราก็เลยไม่พูด ไม่ต้องสัมภาษณ์ ไม่อะไรเลย ยอมรับในสิ่งที่เราทำ เราพลาดเอง
- แต่วันนี้เราได้กลับมาแล้ว และเราได้ทำอย่างเต็มที่ แล้วเราก็ถามพี่อั๋นว่าโอเคไหม พี่อั๋นก็บอกว่า ไม่เห็นต้องถามเลย เรื่องทำไมเขาให้โอกาสเรา ก็ต้องถามพี่อั๋นแล้ว ในวันที่เรามีความสามารถแต่ไม่มีใครให้โอกาส แต่พี่อั๋นให้โอกาส เราก็ใส่เต็มที่ หลังจากนี้เราก็คงจะพยายามกลับมาทำงานเหมือนเดิม
- ถามว่านอกจากงานพิธีกรมิสยูนิเวิร์ส กับรายการคุยแซ่บ Show แล้วมีอะไรที่หลุดอีกไหม ก็งานอีเวนต์ทั้งหมด แต่เราเข้าใจนะว่าเราพลาด เราก็ขอโทษซ้ำแล้วซ้ำอีก และพยายามจะกลับมาให้เหมือนเดิม คือไม่ได้ของาน ใครอยากให้โอกาสติดต่อมา แต่ถ้าวิ่งไปของาน สาบานเลยทำไม่เป็น
- ถ้าออแกไนซ์หรือบริษัทไหนยังเห็นความสามารถอยู่ เรียกใช้ได้ รายการทีวีไหนอยากให้เป็นคนสัมภาษณ์ เราทำตัวให้พร้อมกับโอกาสเสมอ แม้โอกาสนั้นจะหายไป 3-4 เดือน แต่ไม่เป็นไร มันเป็นสิ่งที่ชีวิตต้องเจอ ตอนนี้ก็เริ่มมีหลายที่ติดต่อมาแล้ว ก็รู้สึกขอบคุณ จากที่ทุกคนมองข้ามกันหมด
- เรารู้ว่าเราผิดนะ แต่มันไม่ควรเอฟเฟกต์ต่องานขนาดนี้ แต่แม่ก็บอกเสมอว่า ลูกทำงานมา 25 ปีแล้ว ถือว่าพักผ่อนละกันลูก
- ข่าวที่ไม่ดีกับเรา เราพลาด แล้วเราก็ขอโทษ เราพลาดเอง เราพลาดเต็ม ๆ แต่มันผ่านไปแล้ว ก็ต้องปล่อยให้มันผ่านไป ก็เป็นครั้งแรกเลยที่งานหายไปเลย แต่โชคดีที่มีแม่ มีพี่ชายคอยซัพพอร์ต
- ที่หลาย ๆ คนบอกว่า พิธีกรที่ทำได้อย่างพี่พีเคในวงการมีน้อยมาก พอเราฟังแล้วก็เป็นกำลังใจอย่างมาก แค่ขอโอกาสกลับไปทำ แล้วเดี๋ยวจะโชว์ให้ดูว่าพิธีกรที่เขามีประสบการณ์จริง ๆ เขาทำกันยังไง ส่วนเรื่องของาน ทำไม่เป็น เพราะที่ผ่านมางานมันจะมาเองตลอด
- เรื่องกระแสข่าวกลับมาอีกครั้งจะกระทบไหม ชินแล้ว ไม่มีอะไรทำให้เสียใจได้แล้ว เพราะชินซ้ำแล้วซ้ำอีก ส่วนเรื่องที่มีการโพสต์แล้วคนเชื่อมโยงว่าเป็นเรื่อง พีเค-โยเกิร์ต เรื่องส่วนตัวขอไม่พูดแล้วกัน
- วันนี้กำลังใจมาเยอะเหมือนกัน เหมือนกับเขาเป็นห่วง เพราะตอนที่มีปัญหามาก ๆ ตนดิ่งสุดแล้ว เขาก็พยายามจะเข็นเราขึ้น จนวันนี้พี่อั๋นให้โอกาสขึ้นเวทีนี้ เขาก็มานั่งดูเป็นกำลังใจว่าอย่าพลาดนะ อย่าทำพังนะ แล้วเราโชว์ให้เขาดูเลยว่า เนี่ยพิธีกรที่ดีที่สุดเขาทำงานกันอย่างนี้ ทำให้เขาดูครับ
- กับดราม่าล่าสุด ใครอยากคิดอะไรคิดเลย แต่ขอไม่พูดละกัน ตอนมีปัญหาทำให้เรารู้เลยว่าคนที่รักเราจริงเนี่ย... เราเป็นคนที่รักทุกคน ใจดีกับทุกคน แต่พอมีปัญหาแล้ว มันเหลือแค่กำมือเดียวที่เราไว้ใจได้ แล้วเราก็จะจำกำมือนั้นตลอดชีวิต
- ตนขอโทษไว้เยอะมากแล้ว จนเลิกขอโทษแล้ว ขอโทษเป็น 100 ครั้ง แต่ไม่ได้อะไรขึ้นมา ก็ไม่เป็นไร
- ที่เรื่องจะจบแล้วแต่ก็มีอีก ใช้คำว่าไกล่เกลี่ยแล้วกัน เอาให้มันจบแล้วก็เดินต่อ ต่างคนก็ต่างไปทำงานหน้าที่ของตนเองก็แล้วกัน ตนก็บอกได้แค่นี้ ว่านี่คือสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดแล้ว ยืนยันยังพูดคุยกันได้ เรื่องเคลียร์ข้อสงสัย แล้วแต่อนาคต เรื่องฟ้องร้องขอไม่ตอบ อันนี้ไม่รู้