ต่อผมแบบไหนดี แต่ละแบบต่างกันยังไง มาดูวิธีต่อผมแบบต่าง ๆ พร้อมคำแนะนำก่อนไปต่อผม เพื่อเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจให้กับตัวเองกัน
ในปัจจุบันเรื่องความสวยงามสามารถเสริมแต่งได้อย่างง่ายดาย ไม่เว้นแม้แต่ทรงผมและเส้นผม เพราะหากสาว ๆ อยากเปลี่ยนลุคจากผมสั้นเป็นผมยาวก็ทำได้ภายในวันเดียว ด้วยวิธีการ “ต่อผม” นั่นเอง ซึ่งการต่อผมยังมีหลายวิธีมาก ๆ และแต่ละวิธีก็มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกัน ก่อนจะไปดูว่าการต่อผมมีกี่แบบ เราลองมารู้จักการต่อผมแบบคร่าว ๆ พร้อมคำแนะนำว่าต่อผมแบบไหนดีที่สุด ตามกระปุกดอทคอมไปดูกันเลย
ต่อผม คืออะไร
การต่อผม เป็นเทคนิคที่ช่วยให้ผมยาวขึ้นได้ทันที โดยใช้เส้นผมหรือช่อผมมาต่อเข้ากับเส้นผมจริงของเรา ซึ่งเส้นผมที่จะนำมาต่อนั้นมีทั้งผมจริงและผมสังเคราะห์ สามารถต่อได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นแบบกาว เทป กิ๊บ มัด หรืออื่น ๆ อีกหลายอย่าง ซึ่งแต่ละวิธีก็มีข้อดี-ข้อเสียแตกต่างกัน
ต่อผมแบบไหนดีที่สุด
ต่อผมแบบไหนดี เพื่อให้เข้ากับบุคลิกและการใช้ชีวิตประจำวัน อาจไม่มีคำตอบที่แน่นอนตายตัว ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณที่ตั้งไว้ของเราด้วย แต่อีกหนึ่งวิธีต่อผมที่ได้รับความนิยมสูง แถมยังดูเป็นธรรมชาติ คือ การต่อผมแบบถักเปีย เพราะใช้การถักรวมกันเข้าไปเลย ไม่ต้องใช้วัสดุแปลกปลอมในการเชื่อมผมจริงกับผมต่อ ทั้งคงทนและทำให้ผมดูหนาขึ้นด้วย
ต่อผมมีกี่แบบ
การต่อผมในปัจจุบันมีหลายแบบมาก ๆ โดยแต่ละแบบก็มีขั้นตอนการต่อผม วัสดุที่ใช้ในการต่อ รวมถึงราคาที่แตกต่างกัน วันนี้เราได้รวบรวม 10 วิธีต่อผมมาฝากกันแล้ว ดังนี้
1. ต่อผมแบบกิ๊บ
การต่อผมแบบกิ๊บ เป็นวิธีต่อผมที่ทำได้ง่ายและสะดวกที่สุด อีกทั้งยังราคาถูก สามารถถอดเข้า-ออกได้ตลอด โดยการต่อผมแบบนี้จะใช้กิ๊บเป็นตัวเชื่อมระหว่างช่อผมต่อกับเส้นผมจริงของเรา สาว ๆ สามารถซื้ออุปกรณ์มาต่อผมด้วยตัวเองโดยไม่ต้องเข้าร้านทำผมเลยก็ได้ แต่ข้อจำกัดของการต่อผมแบบกิ๊บ คืออาจมองเห็นรอยต่อของผมได้ง่าย
2. ต่อผมแบบกาว
การต่อผมแบบกาว วิธีต่อผมสุดเบสิกที่นิยมในร้านเสริมสวย เพราะใช้เวลาทำไม่นานและราคาถูก ซึ่งการต่อผมแบบนี้จะใช้กาวเป็นตัวเชื่อมระหว่างเส้นผมต่อกับเส้นผมจริง เมื่อต่อผมเสร็จผมจะดูยาวเป็นธรรมชาติ แต่ข้อจำกัดของการใช้กาวต่อผมค่อนข้างเยอะ เช่น ต้องอาศัยฝีมือช่างให้ผมออกมาดูสวยไม่โป๊ะ และวิธีนี้อาจไม่เหมาะกับคนผมมัน สระผมบ่อย หรือชอบจัดแต่งทรงผม เนื่องจากทำให้กาวเสื่อมสภาพเร็วกว่าเดิม
3. ต่อผมแบบเทป
การต่อผมแบบเทปจะคล้ายกับการต่อผมแบบกาว แต่เปลี่ยนจากการใช้กาวเชื่อมเป็นการใช้เทปแทน ซึ่งการต่อผมแบบเทปอาจดีกว่าแบบกาว คือ จุดที่เชื่อมต่อจะเรียบแบน เวลานอนทับจะไม่รู้สึกเจ็บมากเหมือนการใช้กิ๊บหรือกาว แต่ต้องระวังเรื่องวัสดุเทปที่ใช้ หากเจอร้านที่ใช้เทปไม่มีคุณภาพอาจทำให้ผมเสียได้
4. ต่อผมแบบไมโครริง หรือแบบคลิป
วิธีนี้เป็นวิธีที่นิยมใช้กันในหมู่สาว ๆ เป็นอย่างมาก เนื่องจากราคาถูก ไม่จำเป็นต้องใช้กาว แต่จะใช้ไมโครริงหรือคลิปตัวเล็ก ๆ เป็นตัวเชื่อมระหว่างช่อผมต่อกับผมจริง โดยให้ความคงทนระดับหนึ่ง ซึ่งหลังต่อผมเสร็จแล้วสามารถอบไอน้ำต่อได้เลย และยังสามารถถอดออกง่ายอีกด้วย แต่ข้อจำกัดคือ ทำให้เจ็บหนังศีรษะง่าย
5. ต่อผมแบบนาโนริง
การต่อผมแบบนาโนริงจะคล้ายกับการต่อผมแบบไมโครริง แต่ใช้วัสดุที่มีขนาดเล็กกว่าไมโครริงมาก ดูงานละเอียดกว่า สบายหนังศีรษะกว่า แต่ข้อจำกัดคือ การต่อผมด้วยนาโนริงจะใช้ผมต่อช่อเล็กมาก ๆ ทำให้เกิดการหลุดร่วงง่าย
6. ต่อผมแบบเส้นต่อเส้น หรือผูกเส้นผม
เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งวิธียอดนิยม เพราะทำออกมาแล้วผมดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ แต่ก็ต้องใช้ความชำนาญของช่างเป็นอย่างมากเช่นกัน เหมาะสำหรับคนที่ผมบางเป็นพิเศษ โดยวิธีนี้จะเป็นการผูกเส้นผมต่อเข้ากับเส้นผมจริงทีละช่อ ซึ่งจะใช้เวลานานมาก ราคาจึงค่อนข้างสูงตามไปด้วย แต่ผลลัพธ์คุ้มค่าแน่นอน
7. ต่อผมแบบมัดเชือก
การต่อผมแบบมัดเชือก เป็นวิธีต่อผมโดยใช้เชือกเส้นเล็ก ๆ เป็นตัวเชื่อมระหว่างช่อผมต่อกับช่อผมจริงบนหนังศีรษะของเรา ซึ่งการต่อผมแบบมัดเชือกจะค่อนข้างสบายหัวกว่าการใช้กิ๊บหรือกาว โดยเส้นผมที่ต่อค่อนข้างคงทนและถนอมเส้นผมจริงได้ดีกว่าด้วย
8. ต่อผมแบบถักเปีย
การต่อผมแบบถักเปีย คือ การต่อผมจริงกับผมต่อด้วยการถักเปียรวมเข้าด้วยกัน วิธีนี้ทั้งดูเป็นธรรมชาติ ให้ความคงทนสูง ไม่ใช้สิ่งแปลกปลอมอยางเช่น กิ๊บ กาว หรือเทป มาติดบนหนังศีรษะของเรา อีกทั้งยังช่วยให้ผมดูหนาขึ้นด้วย
9. ต่อผมแบบหลอด หรือแฮร์ล็อก
การต่อผมแบบหลอด หรือแฮร์ล็อก เป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถหาร้านทำได้ง่าย โดยวิธีนี้จะให้ความคงทนสูง ไม่หลุดง่ายเหมือนกับการต่อผมด้วยกาว และดูเป็นธรรมชาติมากกว่าแบบกาว วัสดุที่ใช้จะมีลักษณะคล้ายหลอดมาเชื่อมระหว่างผมต่อกับผมจริง และยังสามารถทำสี ดัด หรืออบไอน้ำได้ตามปกติ
10. ต่อผมแบบเคราติน
การต่อผมแบบเคราตินจะมีขั้นตอนเหมือนกับการต่อผมแบบกาว ต่างกันแค่ใช้เคราตินในการต่อผมแทนกาว ซึ่งเคราตินมีคุณสมบัติที่ให้ความคงทนกว่า มีน้ำหนักเบา และยังทนต่อความร้อนได้ดี ลดปัญหาเส้นผมเสียเมื่อตัวเชื่อมละลาย แถมยังถอดออกง่ายโดยไม่ทำให้เส้นผมจริงเสียหายหนักด้วย
เห็นไหนคะสาว ๆ ว่าการต่อผมมีหลายแบบด้วยกัน โดยวิธีต่อผมเหล่านี้จะช่วยให้เรามีผมยาวและหนาขึ้น เหมาะกับคนที่ต้องการเปลี่ยนลุคในระยะเวลาอันสั้น แต่อย่างไรแล้วเมื่อต่อผมเสร็จก็ควรดูแลเส้นผม เพื่อให้ผมต่ออยู่กับเราไปนาน ๆ ด้วยนะคะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : byrdie.com, cosmopolitan.com, lush-hair-folk.com