จากกรณีที่ กิต กฤตย์ นักร้องนำวง Three Man Down ป่วยด้วยโรคจอประสาทตา สูญเสียการมองเห็นตรงกลางภาพ หรือโรค Vogt–Koyanagi–Harada disease (VKH) ทำให้ต้องพักงานเพื่อรักษาตัว ล่าสุด (23 กันยายน 2567) ทางต้นสังกัดได้ออกมาอัปเดตอาการป่วยของนักร้องดังแล้ว
โดยในเฟซบุ๊ก Three Man Down ระบุว่า "ทางค่าย GeneLab ขอแจ้งให้ทราบว่า กิต - กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ ศิลปินวง Three Man Down ยังคงมีอาการป่วยที่จอประสาทตา สูญเสียการมองเห็นตรงกลางภาพ หรือที่รู้จักกันในโรค Vogt–Koyanagi–Harada disease (VKH) โดยแพทย์ลงความเห็นว่าต้องพักรักษาตัวอย่างต่อเนื่อง และหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีผู้คนหนาแน่น อากาศถ่ายเทไม่สะดวก เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ซึ่งส่งผลทำให้วง Three Man Down จำเป็นที่จะต้องหยุดพักการแสดงในสถานบันเทิง เพื่อลดความเสี่ยงดังกล่าว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 แต่วงยังสามารถขึ้นแสดงใน Music Festival ต่าง ๆ, งาน Event และงานแสดงกลางแจ้งที่มีระยะห่างจากผู้ชมได้
ทางวง Three Man Down และค่าย GeneLab ต้องขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ และจะแจ้งความคืบหน้าในการรักษา อัปเดตอาการ รวมถึงการแสดงในอนาคตอีกครั้ง"
และต่อมา กิต Three Man Down ได้ออกมาอัปเดตอาการป่วยผ่านคลิปในช่องยูทูบ kittyumbs ว่าตอนนี้อาการเริ่มดีขึ้นแล้ว แต่ยังต้องรักษาตัวและกินยาสเตียรอยด์วันละ 12 เม็ด "หลังจากได้มีการรักษามาเป็นเวลา 7 วัน ที่มาเล่าคือหลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นทั้งตัวผมเองและสถานการณ์ต่าง ๆ ของ Three Man Down อยากจะมาอัปเดตสุขภาพของผมด้วยว่าเป็นอย่างไร คือโรคนี้ตามข้อมูลจากเปเปอร์และข้อมูลจากทางการแพทย์เกิดจากภูมิคุ้มกันของเราเม็ดสีเมลานิน (Melanin) เป็นสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย จึงเกิดการต่อสู้กันเกิดขึ้นมันก็เกิดการอักเสบ
ย้อนไปประมาณกลางเดือนที่แล้วหลังจากผมมีไปทัวร์มาเนอะ ผมตื่นขึ้นมาเดินทางไปสนามบินก็รู้สึกว่าไฟในสนามบินมันมึนหัวมากเลย ผมพูดกับเส็งนะทำไมตารางสนามบินสุวรรณภูมิมันเบี้ยว ๆ ยังไงไม่รู้ ตอนแรกผมไม่รู้ว่าเป็นอะไร ผมก็เดินทางไปประเทศจีน ทำงานปกติ กลับมาจากประเทศจีนผมเป็นไข้ตัวร้อนเบา ๆ ก็ไม่มีอะไรรักษาตามอาการ หลังจากนั้นก็หาหมอกินยาลดไข้ก็หาย จากนั้นผมเริ่มเจ็บบริเวณเส้นผมแค่เอามือแตะผมเจ็บมากขนาดที่นอนไม่หลับเลยแล้วก็ปวดหัวหนักมาก ๆ เลย
ตอนนั้นผมเริ่มเครียดแล้วเพราะไม่รู้ว่าเป็นอะไรก็เลย MRI ดูปลายประสาท วินิจฉัยออกมาก็เป็นโรคปลายประสาทอักเสบ ผมก็กินยาปลายประสาทอักเสบเหมือนจะดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้ดีขึ้น อันนี้เป็นไข้ 1 อาทิตย์ เจ็บผม 1 อาทิตย์ หลังจากนั้นอีก 1 อาทิตย์ผมหูซ้ายอื้อ อื้อแบบชนิดที่ว่าร้องเพลงเพี้ยนไปเลย ผลลับก็คือบนเวทีคอนเสิร์ตมาราธอนผมร้องเพี้ยนกระจุยกระจาย ระหว่างนั้นผมเริ่มจะเครียดแล้วเพราะหูเราใช้ทำมาหากิน ผมก็เริ่มใจไม่ดี ก็เลยไปหาอีกโรงพยาบาล 1 ก็ตรวจหูผลออกมาคือหูผมอื้อก็มีผลทำให้ผมได้ยินเสียงโน้ตมันจะต่ำลง ตาเริ่มเห็นเป็นเงาดำ
พอดีวันนั้นที่ไปเยื่อบุตาผมอักเสบด้วยทั้ง 2 ข้าง ผมก็เลยไปกับหูวินิจฉัยออกมาเยื่อบุตาอักเสบทั้ง 2 ข้าง ผมก็รู้สึกไม่สบายใจวันรุ่งขึ้นผมก็เลยไปหาโรงพยาบาลที่เกี่ยวกับตาอย่างต่อเนื่องเลยเพราะผมรู้สึกว่าตาผมแดงตลอดเวลา แต่เราก็เริ่มเห็นเงาดำแล้ว แต่ทุกวันนี้ดีขึ้นแล้ว 1 อาทิตย์มันก็มีอะไรดีขึ้น ผมก็ไปหาหมออีกเขาก็แจ้งว่าเป็นโรคจอประสาทตาบวมน้ำทั้ง 2 ข้าง อาจารย์หมอบอกว่าสิ่งที่แปลกคือมันจะไม่เป็นทั้ง 2 ข้าง อยากให้ไปหาผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับจอประสาทตาอีกหนึ่งท่านต้องเข้ามาพบอีก 1 วีก ซึ่งผมรู้สึกว่ามันนานเกินไปผมก็เลยบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวพรุ่งนี้ผมไปหาที่จักษุรัตนินก็ตรวจไปประมาณ 3-4 เครื่อง อาจารย์หมอคนแรกบอกว่ามันอักเสบทั้ง 2 ข้าง แต่ว่าโรคนี้มันแปลก ๆ ที่มันจะไม่เป็น 2 ข้าง
หลังจากนั้นก็ถูกส่งไปยังอาจารย์หมออีกคนหนึ่งก็บอกว่าดูแล้วประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ผมน่าจะเป็นโรค VKH (Vogt–Koyanagi–Harada disease) หรือเรียกว่าโรคจอประสาทตา สูญเสียการมองเห็นตรงกลางภาพ เพราะว่าโรคนี้มันจะทำให้อักเสบทั้ง 2 ข้างพร้อมกัน วิธีรักษาจะต้องใช้สเตียรอยด์ ก็เลยถูกส่งไปยังอาจารย์หมออีกคนหนึ่งก็จ่ายสเตียรอยด์ให้ผม ผมกินยาสเตียรอยด์วันละ 12 เม็ด 6 เม็ดเช้า 6 เม็ดเย็น ก็ตามน้ำหนักตัว ทานมาได้ 1 อาทิตย์แล้วก็ดีขึ้น ผมเห็นภาพดีขึ้น การบวมที่ไปดูมาจอประสาทตาทุกอย่างบวมลดลงที่สำคัญไม่ได้เกิดการอักเสบที่ตัวจอประสาทตา คือมันยังไม่ถึงเฟสที่ทำลายตาผมเลยมันแค่เริ่มอักเสบผมก็มารักษาทันไนเฟสที่เออร์ลี่ก่อนที่เริ่มร้ายลูกตาเพราะฉะนั้นตาผมยังปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์ แต่ที่มันมืดเพราะว่ามันมีน้ำไปสะสมอยู่ทำให้ภาพที่ผมเห็นมันมืด
ตั้งแต่เริ่มเป็นโรคนี้ความรู้สึกมันดาวน์ เพราะว่าผมใช้ตาทำงานมากพอ ๆ กับใช้หูและคอเลยผมเลยกังวลมาก ๆ ในการที่ตาจะกลับมาไม่เหมือนเดิม พอเราได้อ่านสถิติจากคนที่เป็นคือมันดาวน์มาก ผมเลยรู้สึกว่าถ้ามีคนเป็นแล้วอยากจะได้กำลังใจผมอยากจะพรีเซ็นต์ว่าถ้ารักษาเร็วไปหาหมอเร็วก็กินยาให้ตรงเวลามีวินัยกับตัวเองทุก ๆ อย่างมันจะดีขึ้นแน่นอน คุณจะไม่ตาบอดถ้าคุณรักษาอย่างถูกวิธี คนบางคนไปหาหมอในตอนที่ไม่เห็นแล้ว 20-30 เปอร์เซ็นต์แล้วเริ่มไปหาหมอเขายังกลับมาเป็นปกติได้ ผมหายไป 5 เปอร์เซ็นต์ ผมนั่งอ่านจนจิตตกมันเครียดไปหมดแล้ว ผมพยายามจะเอ็นจอยกับสิ่งนี้ เป็นช่วงเวลาได้เปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตทั้งการใช้ชีวิตและการดูแลตัวเอง พอยต์นี่แหละที่ผมอยากจะมาอัดคลิปให้ทุกคนรู้สึกว่ามันโอเคอยู่ถึงจะเป็นโรคที่ยังหาสาเหตุไม่ได้ รักษาใช้สเตียรอยด์ไปเป็นเวลานาน แต่มันเกิดขึ้นแล้วก็ควรจะสู้กับมัน
ปีนี้ผมป่วยเยอะมาก ต้นปีผมก็แพ้ยารุนแรงทำให้มีภาวะตับอักเสบและต้องใช้สเตียรอยด์เป็นเวลา 3 เดือน ตอนนั้นผมได้รับเอฟเฟกต์จากสเตียรอยด์ไปแล้วรอบหนึ่ง ถ้าใครติดตามก็จะรู้ว่าทำไมผมอยู่ดี ๆ ก็อ้วน สิวขึ้นเยอะมาก ผิวเสียหมดเลยร่างกายอ่อนแอ ซึ่งครั้งนี้ผมต้องใช้สเตียรอยด์รักษาโรค VKH มากกว่าครั้งที่แล้วเกือบเท่าตัวและก็เวลาการรักษามากกว่าเท่าตัวเลย โรคนี้มันไม่หายนะครับ มันมีโอกาสหายขาดได้ แต่มันก็มีโอกาสกลับมาเป็นอีกได้ ผมควรจะยอมรับการเปลี่ยนแปลงของชีวิตครั้งยิ่งใหญ่ทั้งในพาสของโรคนี้แล้วก็พาสของการใช้สเตียรอยด์ ซึ่งหลังจากนี้อีก 1 ปีอาจจะเห็นผมเป็นจอมมารบูลก็ได้ อัดคลิปไว้ถ้าผมทำสำเร็จไม่ต้องหมดกำลังใจและก็ไม่ต้องเครียดไปก่อน ตอนนี้ผมยังไม่รู้นะว่าจะทำได้ไหมแต่ผมก็จะทำให้ดู
เป้าที่ผมตั้งไว้คือจะไม่เป็นมันอีก ผมจะทำทุกอย่างไม่ให้มันเป็นอีก จะต้องใช้ชีวิตให้ดีขึ้น อย่างที่บอกสเตียรอยด์ผมเคยใช้ไปแล้ว ผมรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็ถามหมอหาข้อมูลทุกอย่างว่าเราจะสามารถออกกำลังกายได้ไหม ออกหนักได้แค่ไหน เราใช้ชีวิตปกติได้ไหม คือเราใช้ชีวิตปกติได้ ออกกำลังกายได้ เข้าฟิตเนสได้ ผมทำเพื่อไม่ให้กลับไปอ้วนแบบนั้น ผมจะพยายามให้มันเอฟเฟกต์น้อยที่สุด การกินอาหารผมค่อนข้างคุมเพราะการกินสเตียรอยด์อาจะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน โรคกระดูกพรุน ที่ผมอยากจะแชร์ก็คือถ้าเกิดเราต้องเทกสเตียรอยด์ในการรักษาจริง ๆ ปฏิบัติตัวแบบนี้เลย 200-300 เปอร์เซ็นต์ไปเลยมันจะได้ผลไหม ถ้าไม่ได้ผลก็ไม่ต้องทำไปใช้ชีวิตให้มีความสุข