อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ อัปเดตป่วยมะเร็งต่อมไทมัส-เจอโรคแทรกซ้อน แพ้ภูมิกล้ามเนื้อ

          อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ ควงลูกชาย อองรี-อองตอง อัปเดตอาการป่วยมะเร็งต่อมไทมัส แถมตรวจเจอโรคแทรกซ้อนเป็นแพ้ภูมิกล้ามเนื้อ
อรอนงค์ อัปเดตป่วยมะเร็งต่อมไทมัส

          วันที่ 4 ตุลาคม 2567 นางงาม นักแสดง และคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ ได้ควงลูกชาย น้องอองรี-น้องอองตอง มาอัปเดตอาการมะเร็งที่เป็นเคสหายาก 1 ในแสนคน และตอนนี้กำลังรักษาอาการโรคคล้าย SLE แพ้ภูมิกล้ามเนื้อตัวเอง ในรายการ คุยแซ่บshow ทางช่อง วัน31 ที่มี เบนซ์ พรชิตา และดีเจพุฒ พุฒิชัย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

ในวันที่พี่อรตรวจพบเชื้อมะเร็งในต่อมไทมัส วันนั้นบอกลูกยังไงบ้าง ?

          อรอนงค์ : คือตอนแรกก่อนที่จะรู้ตัวว่าเป็นมะเร็ง เราไปผ่าตัดต่อมไทมัส ซึ่งเป็นต่อมที่ผลิตการเจริญเติบโตของเราตั้งแต่เกิดมา แต่พอเราอายุเยอะแล้วต่อมนี้จะหยุดทำงาน แต่มันยังควบคุมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเรา แต่พี่อรต่อมไทมัสมันโตถึงขนาดไปเบียดอวัยวะภายใน คือเบียดหัวใจกับปอด มันเลยทำให้เราหายใจไม่ค่อยสะดวก แล้วก็แน่นหน้าอก อันนี้คือสาเหตุที่ทำให้ต้องไปผ่าตัด แล้วไปตรวจ แต่พอเราผ่าตัดต่อมไทมัสออกมาแล้ว คุณหมอก็เอาก้อนชิ้นเนื้อนั้นไปตรวจ ปรากฏว่ามันเป็นเนื้อร้าย พอวินาทีที่หมอบอกว่ามันเป็นเนื้อร้าย ใจมันหล่นไปที่ตาตุ่มเหมือนกัน หน้าลูก หน้าแม่ หน้าทุกคนในครอบครัวมันลอยมา มันเหมือนหูดับ อึ้งไปแป๊บนึง จากนั้นก็รวบรวมสตินั่งคุยกับคุณหมอจะต้องทำอะไร ยังไงบ้าง เรามีความรู้สึกไม่ได้ เราจะต้องหาย เรายังเป็นกำลังสำคัญของที่บ้านอยู่ เราจะเป็นอะไรไม่ได้ ก็คุยกับคุณหมอเรื่องการรักษา คุณหมอแนะนำ ว่าอันดับแรกเลยคือฉายรังสี ต้องไปพบกับคุณหมออีกหนึ่งท่าน คุณหมอที่รักษามะเร็งเค้าจะฟอลโลอัปอีกครั้ง หลังจากที่ฉายรังสีเสร็จแล้ว ก็ไปคุยกับคุณหมอที่ฉายรังสี ปรากฏว่าต้องฉายรังสีทั้งหมด 30 ครั้ง ภายใน 1 เดือนเศษ ๆ ซึ่งมันจะมีผลในเรื่องของอ่อนเพลียบ้าง แต่เราดูแลตัวเองก่อนที่จะรู้ว่าต้องผ่าตัด ก็ทานบำรุง ทานอะไรที่เป็นประโยชน์ พอหล้งจากที่เราผ่าตัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว เข้าสู่กระบวนการของการฉายรังสี บริเวณที่เราไปฉายรังสี มันไม่มีความเบิร์น ไม่มีอะไรที่เป็นผลข้างเคียง หรือผมร่วงไม่มี  มันก็เลยโชคดีมาก ๆ เพราะว่าคนที่ไปฉายรังสีในวันเดียวกันทุกวันที่เราเจอ เค้าจะผิวคล้ำลง หน้าหมองลง ดูไม่สดใส แต่ช่วงนั้นพี่อรฉายรังสีเสร็จ ตอนบ่ายก็ไปทำงาน ก็คือทำอะไรปกติเหมือนเดิม แล้วก่อนที่เราจะฉายรังสี หรือทำอะไร เราจะคุยกับลูกว่าเนี่ยคุณแม่ไปรักษาตรงนี้มันไม่น่ากลัวนะ ไม่ต้องห่วงคุณแม่

พี่อรบอกลูกตั้งแต่วันแรกที่รู้ ?

          อรอนงค์ : ใช่ บอกลูกตั้งแต่วันแรกเลย เราจะได้ไม่ต้องมาปิด หรือมารู้ทีหลัง ก็บอกไปเลยว่าแม่ป่วยเป็นมะเร็ง ถึงแม้จะเป็นขั้นที่ 2 มันเป็นมะเร็งที่หายาก แต่มันไม่รุนแรงเท่ามะเร็งเต้านมหรือมะเร็งมดลูก ด้วยความที่มันยังไม่เข้าถึงต่อมน้ำเหลือง แต่มันไปเฉียดปอดนิดนึง พอหลังจากที่เราผ่าจัดไปแล้ว ฉายรังสีไปแล้วมันก็ไม่ได้มีเอฟเฟกต์อะไร เราก็ฟอลโลอัปอย่างต่อเนื่อง

ตอนแม่บอกเราว่าเป็นมะเร็งตกใจไหม ?

          อองตอง : ตกใจครับ ตอนแรกก็คิดว่าแม่จะเป็นหนักไหม พอแม่บอกว่ามันไม่ได้หนักขนาดนั้น ก็กังวลน้อยลง

          อองรี : คุณแม่ค่อย ๆ บอก ก็ค่อย ๆ ฟัง เหมือนช่วงที่ฉายรังสี คุณแม่ไม่ได้บอกทุกคนว่าคุณแม่ไปฉายนะ เราก็เห็นคุณแม่ไปทำงานปกติ เราก็เรียนมหาลัย อยู่ไกล มี โทร. เช็กบ้าง แต่อาจจะไม่ได้บ่อยมาก แต่กลับมาเจอคุณแม่ทุกอาทิตย์

อรอนงค์ อองรี อองตอง

ถ้าเราไม่สัมภาษณ์ เราก็ไม่รู้ว่าพี่อรเป็นมะเร็ง ?

          อรอนงค์ : ในช่วงที่ฉายรังสีก็ไม่ได้บอกคุณยาย พอฉายรังสีเสร็จแล้ว ผ่านไป 1-2 เดือน ถึงไปทำการเอ็กซเรย์ ทีซีสแกนอีกรอบว่าที่เราฉายรังสีไปแล้วมันเป็นยังไงบ้าง ยังมีเชื้อมะเร็งอยู่ไหม คุณหมอบอกว่าเชื้อมะเร็งตรงที่เราผ่าตัดออกไปมันไม่มีแล้วนะ แต่ก็อย่าวางใจ เพราะว่ามะเร็งมันสามารถกลับมาได้เมื่อเราอ่อนแอหรือเราดูแลตัวเองไม่ดี พักผ่อยไม่เพียงพอ เพราะเชื้อนี้จริง ๆ ทุกคนมีอยู่ในร่างกาย แต่มันจะปะทุเมื่อไหร่ อันนั้นทุกคนต้องระวัง พอเราไปทำทีซีสแกนจะรู้ว่ามันมีปัญหาอะไรไหม แต่พอเราทำแล้วมันไม่มี ก็บอกคุณยาย ตอนนี้ไปรักษาตัวเอง มันโอเคแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรแล้ว แต่ปรากฏว่ามันมีโรคที่แทรกซ้อนจากการที่เราผ่าตัดมะเร็งต่อมไทมัส ก็คือแพ้ภูมิกล้ามเนื้อตัวเอง มันคล้าย ๆ SLE แต่มันยังไม่ได้รุนแรงถึงขั้นนั้น แล้วโชคดีที่เจอเร็ว ทำไมถึงตรวจเจอเร็ว ก็เอาค่าเลือดที่เราไปตรวจ เวลาเราไปหาคุณหมอ คุณหมอจะสั่งตรวจเลือดทุกครั้ง แล้วปรากฏว่าค่าของที่เป็นแพ้ภูมิกล้ามเนื้อ มันมีมาให้คุณหมอได้เห็น 3-4 ตัว ที่เป็นแพ้ภูมิกล้ามเนื้อ แล้วมีแฝงไทรอยด์ ที่เป็นแบบระบบร่างกายเผาผลาญไม่ดีก็จะมีมาด้วย ต่อมไทมัสเราไม่มีภูมิเหมือนกัน

แล้วอาการภูมิแพ้กล้ามเนื้อมันจะส่งผลอะไรบ้าง ?

          อรอนงค์ : ตอนนี้เราทานยาควบคุมอยู่ก็เลยไม่ส่งผลอะไร แต่ถ้าวันใดที่เราหยุดทานยาแล้วมันเป็นเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่มันทำลายเลยคือกล้ามเนื้อหัวใจ กล้ามเนื้อปอด พี่ยังโชคดีที่เจอในระยะเริ่มต้น เริ่มทานยาโดสยังไม่เยอะมาก แต่ก็ต้องทานยาควบคุม เพราะคุณหมอบอกว่ามันเหมือนระเบิดเวลา ถ้าเราไม่ดูแลตัวเองหรือไม่ทานยา มันอาจจะปะทุขึ้นมาตอนไหนก็ได้ ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นตอนการรักษาและฟอลโลอัปอย่างต่อเนื่อง

ลูก ๆ ให้กำลังใจยังไง ?

          อองรี : หาเวลากลับบ้านทุกอาทิตย์ แล้วก็หาเวลาไปกินข้าวกับคุณแม่ เป็นห่วงคุณแม่ครับ จริง ๆ หลายอย่างคุณแม่ก็ยังไม่ได้บอก เรื่องรายละเอียด ยาแต่ละตัว

          อองตอง : เป็นห่วงครับ เวลาไปเรียนกลับมาบ้าน เจอแม่ก็มากอด มาหอมแม่ ก็บอกว่าเดี๋ยวแม่ก็หาย สู้ ๆ

          อรอนงค์ : โชคดีอย่างนึงเราเลี้ยงลูกสมัยใหม่ กอดเรา หอมเราเป็นเรื่องปกติ แล้วบอกรักกันทุกวัน

          ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา 13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
อรอนงค์ ปัญญาวงศ์ อัปเดตป่วยมะเร็งต่อมไทมัส-เจอโรคแทรกซ้อน แพ้ภูมิกล้ามเนื้อ โพสต์เมื่อ 5 ตุลาคม 2567 เวลา 09:25:51 4,128 อ่าน
TOP
x close