เป็นประเด็นเดือดแห่งวงการนางงาม กรณีเวทีประกวด มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล 2024 (Miss Grand International 2024) ประกาศปลดฟ้าผ่า ประเทศกัมพูชา จากการเป็นเจ้าภาพจัดการประกวดในครั้งนี้ ในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา (6 ตุลาคม 2567) โดยจะกลับมาทำกิจกรรมการประกวดต่อที่ประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม เป็นต้นไป โดยย้ายเวทีรอบตัดสินมาจัด ณ MGI HALL ชั้น 6 ศูนย์การค้า BRAVO BKK ในวันที่ 25 ตุลาคม
โดยในแถลงการณ์ที่ทางมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประกาศ ระบุว่า กัมพูชาจะไม่ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประกวดแล้ว เนื่องจากทางองค์กรเจ้าภาพไม่สามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในสัญญาข้อตกลงของการเป็นเจ้าภาพได้ น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ถึงมาตรฐานขององค์กรมิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เราขอขอบคุณสำหรับความเข้าใจของคุณและหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนต่อไป
เรื่องดังกล่าวไม่เพียงมีการประกาศข่าวด่วนผ่านเพจ Miss Grand International และ Miss Grand Thailand แม้แต่บอสใหญ่อย่าง ณวัฒน์ อิสรไกรศีล แห่งบริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ยังออกมาโพสต์ข้อความผ่านไอจีสตอรี่ ว่า "เฮ้อ พูดอย่างทำอย่าง ทำมึน ไม่เป็นมืออาชีพ" "เราย้ายละ" "ผมไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อน" และ "ยังไม่สะดวกอธิบายอะไรเพิ่มเติมจนกว่าทุกคนจะกลับถึงไทยเป็นที่เรียบร้อยครับ"
ซึ่งทาง ณวัฒน์ ย้ำว่ายังไม่พร้อมให้สัมภาษณ์จนกว่าทุกคนจะถึงประเทศไทย และมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ พร้อมมีการเผยภาพขณะขึ้นเครื่องบินเตรียมเดินทางกลับประเทศไทยในช่วงสายวันนี้ (7 ตุลาคม)
แฉวีรกรรมเจ้าภาพ สุดพินาศ
คุกคามอันตรายจนขอกลับไทย
อย่างไรก็ตาม เมื่อคืนที่ผ่านมาพบว่า ณวัฒน์ มีการไลฟ์เผยสถานการณ์ที่น่าเป็นกังวล เกี่ยวเนื่องกับการจัดงานที่เกิดขึ้นในกัมพูชา ซึ่งเผชิญปัญหามากมายจากการทำงานที่ไม่เป็นมืออาชีพขององค์กรฝั่งเจ้าภาพ การประสานงานที่ไม่ดี แถมยังมีการนำบอดี้การ์ดมาคุกคามทีมงาน ด่ากราดทีมงานไทย ไม่เคารพผู้บริหารมิสแกรนด์ แถมยังหนักถึงขั้นจะต่อยทีมงาน
โดย ณวัฒน์ ระบุว่า “กลับบ้านแน่นอนครับ เราไม่รู้นะครับว่าเค้าจะส่งข้อความหรือแถลงการณ์อะไร แต่เราไม่ไหวจริง ๆ ครับ เราไม่ไหวกับวิธีการทำงาน เราไม่ไหวกับความที่ไม่มีคุณภาพ ตอนนี้ทีมงานกำลังจองตั๋วเครื่องบินใหม่เพื่อเตรียมกลับบ้าน ไม่เป็นไร เรามาเรียนรู้ อย่าคิดว่าเป็นการเสียภาพลักษณ์อย่างเดียว ขอบคุณทุกกำลังใจ สาว ๆ ขึ้นนอนเก็บของแล้วครับ เดี๋ยวทุกอย่างกลับไปเริ่มต้นที่เมืองไทยใหม่ครับ”
ณวัฒน์ ยอมรับว่าเครียดมาก แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถพูดอะไรได้เยอะ ขออนุญาตออกจากประเทศนี้ก่อน เพราะเมื่อสักครู่ฝั่งนั้นมีคนที่ไม่น่าไว้วางใจมาด้วย ขออนุญาตพูดหลังจากทุกคนถึงประเทศไทยแล้ว และเมื่อกลับไทยก็ต้องเริ่มต้นทุกอย่างใหม่ทั้งหมด ต้องจัดแถลงข่าวใหม่ด้วย
ทีมงานตัดสินใจแล้วว่าจะกลับเลย โดยจะกลับเที่ยวบินเร็วสุดของวันที่ 7 ตุลาคม คือไฟลต์ 09.00 น. เหตุเพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง คุยแล้วใช้การคุกคามกันแบบแปลก ๆ เริ่มอันตรายมากขึ้น เมื่อสักครู่ก็ยังเกิดเหตุการณ์บางอย่างต่อหน้าทุกคน ต่อหน้าเทเรซ่า ต่อหน้าทีมพีอาร์ ทำให้ทีมงานรู้สึกกำลังถูกคุกคาม ถูกบีบคั้น ถูกบุคคลอื่นซึ่งไม่เคยเกี่ยวข้องเข้ามาควบคุมสถานการณ์ของเรา
“เอาบุคคลที่เราไม่รู้จัก ลักษณะเป็นบอดี้การ์ดมานั่งคุม บอกให้ออกไปก็ไม่ออก ไม่มีการเคารพกันเลย เด็กเมื่อวานซืน เด็กอายุ 20 กว่ามายืนด่าพวกเรา” ณวัฒน์ กล่าว พร้อมชี้ว่าเราเมตตาให้โอกาสทุกคนแล้ว แต่ถ้าหนักขนาดนี้ก็คงต้องตัวใครตัวมันก่อน อีกฝ่ายไม่แคร์เราเลย นึกว่าเราเป็นลูกน้องเขาหมด
ณวัฒน์ ยังบ่นเรื่องการทำงานกับคู่กรณีแบบคร่าว ๆ ว่า "คนดีชอบแก้ไข คนอะไรชอบแก้ตัว มีแค่นี้แหละ" พร้อมแฉเด็กผู้ชายคนหนึ่งซึ่งประสานงานไม่รู้เรื่อง ทำให้ทั้งคณะตกเรือและติดต่อไม่ได้ พูดอะไรไม่น่าเชื่อถือที่สุดแล้ว แต่ไม่ว่าเด็กคนนี้จะพูดอะไรก็ตาม อีกฝั่งพร้อมปกป้องเด็กคนนี้ทั้งที่รู้ว่าเด็กทำให้การประสานงานพังพินาศ และไม่ยอมตอบคำถามในสิ่งที่ไม่อยากตอบ
"ผมพูดตรง ๆ ไปถึงท่าเรือแล้วไม่มีใครเลย เรือก็ไม่มี แล้วบอกอยู่ไหน อยู่กลางแม่น้ำ...ไปทำไมกลางแม่น้ำ แล้วจะให้เราไปกินร้านอาหารไม่ต้องล่องเรือ แต่ตัวเองอยู่กลางแม่น้ำ สับสนฉิบหายในชีวิต สับสนไปหมด สับสนที่สุด แล้วหลังจากนั้นใช้วิธีการไม่รับโทรศัพท์อีกแล้ว" ณวัฒน์ ระบุ และเสริมว่าพอจะขอเคลียร์ก็เอาบอดี้การ์ดมายืนกร่าง เด็กคนนี้เอาตัวเองถูกก่อนแล้วโทษคนอื่น หน้างานไม่รับโทรศัพท์ ไปไหนก็ไม่รับโทรศัพท์ แล้วจะให้ทำยังไง
ทั้งนี้ ณวัฒน์ มีการลงไอจีสตอรี่เพิ่มเติม เป็นภาพจากล็อบบี้โรงแรมที่กัมพูชา พร้อมข้อความเผยว่า “ยังคงส่งทีมงานมากกว่า 10 คน เพื่อดักนางงามที่ล็อบบี้ และบังคับให้พูดขอบคุณองค์กรของตัวเอง ทำให้ผู้เข้าประกวดหวาดกลัว ถ้าไม่พูดก็เดินไล่ตาม”
และ “ส่งคนมาอีกแล้ว นั่งหลบตามมุมพร้อมกล้องและไฟ ถ้านางงามหลงเดินมาก็จะชาร์จทันที เป็นคนที่พูดกันไม่มีวันเข้าใจและละเมิดสิทธิของผู้อื่น แบบไม่แคร์ใคร นางงามไม่ยอมให้อัดคลิปก็วิ่งตาม”