จำได้ไหม ? เกรซ นวรัตน์ ลูก เสี่ยเจียง เปิดเหตุลาวงการ ถูกกดดันเรื่องเพศสภาพ

           เกรซ นวรัตน์ ลูกสาว เสี่ยเจียง เปิดปมลาวงการ ถูกกดดันเพศสภาพ โคตรดีใจสังคมเปิดกว้างขึ้น - เขินหนักเจอถามเรื่องรัก
เกรซ นวรัตน์

ภาพจาก Instagram gres.teh

          หากย้อนไปเมื่อหลายปีก่อน หลายคนคงจำอดีตนักแสดงเด็ก เกรซ นวรัตน์ ลูกสาวของ เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ แห่งสหมงคลฟิล์ม ที่ขอลาวงการหลังมีผลงานแสดงไม่กี่เรื่องได้ ก่อนจะเปิดตัวเป็น LGBTQ+ แถมยังผ่าตัดแปลงเพศและตัดหน้าอกเพื่อเป็นผู้ชายข้ามเพศ หรือ ทรานส์แมน (Trans man) เต็มตัว 

          ล่าสุด (2 ธันวาคม 2567) เกรซ นวรัตน์ ได้ออกมาเปิดใจถึงกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่ผ่านร่างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และทางกรุงเทพฯ กำลังจะเปิดให้คู่รัก LGBTQ+ จดทะเบียนสมรสในเดือนมกราคมปีหน้า พร้อมยอมรับถึงเหตุผลที่ลาวงการเป็นเพราะถูกกัดดันเรื่องเพศสภาพ

เกรซ นวรัตน์

ภาพจาก NineEntertain Official

           โดยเผยว่า เราทำงานร่วมกับพี่ ๆ นักขับเคลื่อนทุกคนมาหลายปีแล้ว มาเปิดเพลงบ้าง มาเดินพาเลซบ้าง ก็ดีใจมาก ๆ ที่วันนี้ถึงจุดหมายหนึ่งที่ตั้งใจมาหลายปีแล้ว เป็นสิ่งที่เรารอคอยมาก ๆ ถึงแม้ว่าเราอาจจะยังไม่สมรสเร็ว ๆ นี้ แต่เรารู้สึกว่าทุก ๆ คนก็รอสิ่งนี้มานาน การที่มีกฎหมายมารองรับ มันทำให้คนส่วนมากเข้าใจมากขึ้น ว่าสิ่งนี้มันก็คือความรัก

           และเมื่อถูกถามว่ามีแพลนแต่งเร็ว ๆ นี้ไหม เกรซ ก็ออกอาการเขิน พร้อมบอกว่า เดี๋ยวพร้อมแล้วบอกแล้วกัน ความรักช่วงนี้ก็ดี เรียนรู้ที่จะรักตัวเองให้เป็น อยู่คนเดียวให้ได้ แล้วเดี๋ยวคนที่รักเราจะมาเอง ก็ความรักมาแล้วแต่เราต้องตอบให้คลุมเครือไง แบบมีเซอร์ไพรส์ มีคนเดียว วันนี้เราโฟกัสที่กฎหมาย เรื่องของเราเดี๋ยวค่อยว่ากัน

           ส่วนตัวก็มองว่ากฎหมายสำคัญมาก ๆ เรารู้สึกว่าการที่มีกฎหมายรองรับ มันคือความปลอดภัยและความเท่าเทียมกันของทุกคน การมีกฎหมายจะทำให้รู้สึกมั่นใจมากขึ้นกับความรักของเรา และการสร้างครอบครัวมันจะได้เกิดความชัดเจนมากขึ้นด้วย การที่เรามีกฎหมาย มันแสดงให้เห็นถึงว่ามันออฟฟิเชียลในระดับหนึ่งแล้ว ในระดับประเทศ ในเชิงธุรกิจหรืออะไรด้วย เกรซคิดว่ามันก็สำคัญมากต่อประเทศเราเหมือนกัน รู้สึกว่าวันหนึ่งเราแต่งงาน ถ้าเราไม่สบายหรือเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา มันมีคนที่จะรับผิดชอบเราได้ ที่อาจจะไม่ใช่แค่ต้องกลับไปหาครอบครัว แล้วอันต่อไปที่อยากให้เกิดขึ้น ก็คือการเปลี่ยนคำนำหน้า แต่มันก็เป็นสเต็ป ๆ ไป

           เกรซ ยังเผยอีกว่าโคตรดีใจเลย เพราะตั้งแต่เราเด็ก ๆ เราอยู่ในสถานการณ์นี้ มีคนสัมภาษณ์ แล้วก็มีคนถามว่าทำไมเป็นผู้หญิงไม่ใส่กระโปรง เราก็เลยแบบไม่ชอบความกดดันนี้เลย เราก็เลยออกจากวงการบันเทิงไป เพราะเราไม่ค่อยแน่ใจ ว่าเราจะอยู่ตรงไหนของการทำงานแบบนี้ ณ วันนี้ที่คนกล้าที่จะมาบอกและเปิดตัวมาก ๆ เกรซก็ดีใจกับคนรุ่นต่อ ๆ ไปมาก ๆ ที่สามารถเป็นตัวเองได้ และรู้สึกเซฟที่จะพูดออกมา ว่าเราไม่ได้ชอบเพศกำเนิดของเรา แล้วการที่มีกฎหมายอีก มันยิ่งทำให้คนเปิดมากขึ้นมาก ๆ

เกรซ นวรัตน์

ภาพจาก NineEntertain Official

              เมื่อถูกที่ผ่านมามีผลยังไงกับตัวเราบ้าง เกรซมีคำตอบอยู่แล้ว ว่าเราเกิดมาเราไม่ได้ชอบเพศที่เราเกิด แต่เราหันหลังเพราะรู้สึกว่าสังคมนี้ไม่พร้อมรับเราเลย มันกดดันจังเลย เราอายุ 10 กว่าขวบ ทำไมเราต้องตอบแล้วว่าเราเป็นเพศอะไร เรารู้อยู่แล้วว่าเราไม่ได้ปกติ แต่เราคิดว่าเราไม่ผิดปกติ ณ วันนี้เกรซรู้สึกว่าเราไม่ได้ผิดปกติ เราแค่ชอบที่จะเป็นแบบนี้ มันแค่นั้นเองไม่ได้สำคัญอะไร

              วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปเยอะมาก แค่ 10 กว่าปีมันเปลี่ยนไปมาก ๆ เลย จนกลับไปพูดถึงเกรซยังงงอยู่เลย ว่ามันเร็วขนาดนี้ได้ยังไง ขอบคุณมาก ๆ ที่ทุกคนเปิดใจขนาดนี้ มันทำให้เราก้าวไปข้างหน้าด้วยความรักจริง ๆ วันนี้เรากล้าพูดว่าเรารักใคร เปิดตัวออกมามันก็น่ารัก

              เรื่องกลับเข้ามาในวงการ จริง ๆ หลังจากที่เราก้าวออกไป ด้วยความที่เราอยากไปเรียนด้วย เราไม่ได้กลับมาหรอกจริง ๆ แล้ว เราทำงานออกแบบ แล้วก็อาจจะเปิดเพลงบ้างเป็นบางโอกาส เรารู้สึกว่าตั้งแต่เรารับปริญญา ได้ใส่ชุดเป็นอีกเพศหนึ่ง วันนั้นเป็นวันที่เกรซรู้สึกว่าเราชัดเจนแล้ว ว่าเราจะมาทางนี้ แค่นั้น

              เราไม่ได้ถือว่ากลับมาในวงการบันเทิง อาจจะมีข่าวบ้าง มีคนมาสัมภาษณ์บ้าง แต่เราแค่เป็นตัวเอง คนสนใจหรือไม่สนใจไม่สำคัญ แต่วันนั้นมันทำให้เรารู้สึกว่าเราไม่มีคำถามแล้ว เราชัดเจนแล้วนะ ใครที่คาใจเห็นเราตอนเด็ก ๆ จะได้รู้ซะ จะได้สบายใจ เขาจะได้ไปใช้ชีวิตต่อของเขา แต่เราโอเคแล้ว เรามีความสุขดี ซึ่งคนน่าจะหยุดถามไปแล้ว น้อยคนที่จะจำเราได้ เราก็รู้สึกดี แต่จริง ๆ พอเรามั่นใจ หรือเรามีความสุข มันก็ไม่มีคำถามหรอก แต่ถ้าเป็นเราในเวอร์ชั่นเก่า ก็อาจจะทุกข์

              จะหวนกลับวงการบันเทิงไหม เราเป็นคนบันเทิงใจอยู่แล้ว ไปไหนก็สนุก เราไม่ได้มองว่าบันเทิงหรือไม่บันเทิง เรามองแค่งานไหนเหมาะกับเรา ทำงานด้านไหนก็แล้วแต่ชีวิตพาไป แล้วแต่ที่เราสนใจมากกว่า

เกรซ นวรัตน์

ภาพจาก Instagram gres.teh

              เรื่องช่วยงานที่บ้าน เราคิดว่าพี่ ๆ เรา ทำงานได้ดีอยู่แล้ว เราก็พยายามฝึกฝนวิทยายุทธ์ของเรา หรือว่าการสร้างเนื้อสร้างตัวของเราเอง และไว้วันหนึ่งถ้ามีโอกาส เราก็อยากช่วยเขา แต่ถ้าวันหนึ่งเราทำได้ดีและชอบในสิ่งที่เราทำ เราก็ทำของเรา มันไม่ได้มีรับไม้ต่อขนาดนั้น อะไรเหมาะสมก็ทำครับ

              ถามว่าตอนเด็กกดดันไหม เป็นลูกเสี่ยเจียง เกรซเผยว่า เราจะมีความรู้สึกว่า ทำไมเราต้องเป็น เกรซ ลูกสาวเสี่ยเจียง ต้องมีนามสกุลนั้น แต่ก็รู้สึกว่าสงสัยพ่อเราก็เจ๋งจริงแหละ ถึงได้ใช้นามสกุลนั้น คิดว่าเขาก็ทำงานมาเก่งมาก ก็ดีใจที่ได้เห็นคุณพ่อทำงาน ทำให้วงการภาพยนตร์มันเป็นแบบทุกวันนี้ ก็ภูมิใจมาก แต่ในส่วนตัวเรา เราก็อยากจะเป็นตำนาน อยากสร้างอะไรของเราเองด้วย แล้วมันจะมีประโยคต่อไปด้วย ว่าโตเป็นหนุ่มแล้ว เกรซลูกสาวเสี่ยเจียงโตเป็นหนุ่มแล้วครับ งงกว่าเดิมอีก ถามว่ากดดันไหมก็ไม่ค่อย เราคิดว่าถ้าคนอยากจำเราแบบนี้ เราก็สนุกกับมันได้ เจียงลูกชิ้นปลาเหรอ โน่นนี่นั่น คือเมื่อก่อนตอนเด็กๆ เราไม่ชอบ แต่ไหน ๆ คนก็จำแบบนั้นแล้ว เราก็มองให้มันเป็นมุมที่น่ารัก สนุก ๆ ไปแล้วกัน สุดท้ายมันไม่ได้มีอะไรน่ากลัว คนก็เอ็นดูแหละ แล้วเขาก็รักพ่อเรา


ขอบคุณข้อมูลจาก NineEntertain Official  

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
จำได้ไหม ? เกรซ นวรัตน์ ลูก เสี่ยเจียง เปิดเหตุลาวงการ ถูกกดดันเรื่องเพศสภาพ โพสต์เมื่อ 3 ธันวาคม 2567 เวลา 19:15:05 10,010 อ่าน
TOP
x close