เสนาหอย เล่าย้อนนาทีตื่นมาเป็นหนี้ 106 ล้าน ตกลงกับ วิลลี่ ก้มหน้าชดใช้คนละครึ่ง เผย 4 ปีทำงานไม่เคยได้เห็นเงินจนใช้หนี้หมด
เป็นหนึ่งคู่เพื่อนซี้ในวงการบันเทิง สำหรับ เสนาหอย เกียรติศักดิ์ และ วิลลี่ แมคอินทอช ซึ่งผ่านทั้งสุขและทุกข์มาด้วยกัน โดยเฉพาะก่อนหน้านี้ทั้งคู่มีหนี้ร่วมกันกว่า 100 ล้านบาท แต่ใช้เวลาแค่ 4 ปี ก็สามารถปลดหนี้ได้ทั้งหมด
ล่าสุด (22 ธันวาคม 2567) โลกออนไลน์แชร์คลิปของ เสนาหอย เปิดใจผ่านรายการ ขมคอ Story Podcast ทางช่องยูทูบ BenzKhomKorr เล่าอีกมุมของชีวิตที่อาจไม่ได้สนุกสนานเหมือนภาพที่เห็นตามรายการต่าง ๆ โดยเล่านาทีตื่นมาแล้วต้องเป็นหนี้กว่า 106 ล้าน พร้อมฝากบทเรียนถึงคนที่จะเปิดบริษัทว่าไม่ควรมองข้ามในบางเรื่อง เพราะอาจจะตามมาซึ่งปัญหาได้
ช่วงหนึ่ง เสนาหอย ระบุว่า การทำบริษัทหรือทำอะไร พยายามจำวันแรกที่เราได้คุยกันไว้ว่าเราจะทำอะไร คำว่าอะไรก็ได้ อันนั้นคือบาทแรก วันหนึ่งทำประสบความสำเร็จจริง ๆ พอมันเป็นล้าน พอมันเป็นสิบล้าน มันเป็นร้อยล้าน ไม่มีอะไรก็ได้หรอก ในโลกนี้ไม่มี เวลาทำอะไร มันเป็นประสบการณ์ชีวิตจริง ๆ
ที่เราเคยทำบริษัทที่ โห เราทำมาแล้วทุกอย่างจริง ๆ เราสามคนทำมาแล้วทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรายการทีวี หนัง คลื่นวิทยุ หรือทำนิตยสาร ผมเชื่อว่าในยุคนั้นบันเทิงเราทำหมด พอดิจิทัลมาจบ เราจับได้อย่างหนึ่งว่า คนเราไม่ได้เก่งไปทุกอย่างหรอก ในยุคเคเบิล รายการ สาระแน คนดูเยอะแยะมากมาย จนกระทั่งมีช่องดิจิทัลเข้ามา มีทั้งโทรศัพท์ที่สื่อสารข่าวสารเดี๋ยวนี้
วันหนึ่งตื่นเช้ามา ทุกคนแยกย้าย เหลือเรา 2 คน เรามีอะไรกันเท่าไหร่ เปิดมาจำได้เลย คุณมีหนี้อยู่ 106 ล้าน ได้ยินแบบนั้น น้ำตาไหลเลย จริงเหรอวะ ล้มละลาย แต่ วิลลี่ แมคอินทอช พูดออกมาอันหนึ่งว่า แล้วเจ้าหนี้เราล่ะ เขาอาจจะรออันนี้เพื่อไปจ่ายค่าเทอมลูก เอาอีกแบบหนึ่งได้ไหม ถ้างั้นจับมือคนละครึ่ง จากนี้ไปจนหมด มึงกับกูอะไรก็ได้ คนละครึ่ง หนี้สินอะไรก็แล้วแต่ ขายทุกอย่างหมดก็ยังไม่พอใช้หนี้
จากวันนั้นเราไม่สามารถเป็นเจ้าของรายการทีวีได้อีกแล้วนะ เพราะเราไม่มีเงินทุนแล้ว เรามาเป็นนักแสดง พิธีกรรับจ้างกันนะ แล้วเอาเงินตรงนั้นเข้ามา เชื่อไหม ทำงานเหมือนคนบ้า คนทักเลยว่าจะทำงานวันสุดท้ายใช่ไหม และที่สำคัญไม่น่าเชื่อ ไม่เคยบอกใคร เราทำแบบนี้ เราไม่มีรายจ่าย เราไปเสร็จ เรากินข้าวกอง กับวิลลี่คิดกันขนาดนั้น เราออกมาไม่มีค่าใช้จ่ายเลย ใช้อย่างประหยัดทุกอย่าง ทำไปเรื่อย ๆ จน 4 ปี ใช้หนี้หมด โคตรภูมิใจ มองหน้ากันวันนั้นที่เราพูดกันว่าคนละครึ่งแม่งเจ๋งจริง ๆ
ผมถึงบอกว่า ใครที่คิดจะทำอะไร อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจแม้แต่นิดเดียว ไม่อย่างนั้นมันจะเกิดอาการขมคอได้ โคตรเหนื่อยแต่เราพูดไม่ได้ เราทำทุกอย่าง เห็นงานแต่ไม่เคยเห็นเงินเลย 4 ปี
ถามว่าคิดว่าตอนนั้นจะใช้หนี้ได้หมดไหม ไม่เคยเลย สำหรับการที่เราไม่ได้ทำธุรกิจแบบได้เงินเยอะ ๆ เราต้องสะสมทีละนิด ทีละหน่อยในการออกรายการ แต่วิลลี่ เขาเป็นสุภาพบุรุษสุด ๆ บางทีผมไม่ไหว ไม่ไหว วิลลี่ก็จะบอกเอานี่ไปก่อน สุดท้ายเราไม่นึกเหมือนกันว่าจะหมด เราโคตรดีใจเลย ที่เงินก้อนใหญ่ ๆ หายไปแล้ว สุดท้ายเราก็มองว่าเราก็อึดเหมือนกันนี่หว่า จากนี้เราทำอะไร เราคงไม่ยืมจมูกคนอื่นหายใจอีก
หลายคนบอกมีเพื่อนเยอะ ๆ ดี แต่ผมรู้สึกว่ามีคนเดียว แล้วเขาสามารถอยู่กับเรา มีคนบอกการทำธุรกิจกับเพื่อน หรือกับครอบครัว มันมีโอกาสล้มได้สูงมาก เพราะเรื่องเงินจะทำร้ายคุณในช่วงระยะเวลาหนึ่ง แต่ผมรู้สึกเขากับผม เรื่องเงิน บางครั้งเรามีเราใช้ก่อน ดีใจที่มีเพื่อนแบบนี้ ผมเชื่อว่าวันนั้นถ้าเป็นอีกแบบหนึ่ง ชีวิตเราไม่มีความสุขหรอก เราไม่เหนื่อย แต่เราไม่มีความสุข แต่ผมรู้สึกผมเหนื่อยมา แล้วมันมีความสุขตอนนี้ ผมไม่โกงใคร แต่ใช้ระยะเวลาหน่อย ขอบคุณทุกคนที่รอเรา สมมุติว่าเขาฟ้อง เราก็คงเป็นอีกแบบหนึ่ง เราก็คงล้มละลาย ไม่มีโอกาสในการทำงานก็ได้
วันนั้นก็นอนไม่หลับ คุยกันร้องไห้กันทุกวัน เราร้องก่อน วิลลี่ มันไม่ร้องหรอก เอาไงดีวะ คิดทุกวัน จะจัดการมันยังไง ไปทีละขั้น ตอนนั้นเหนื่อยสุด ๆ แต่มันมีรอยยิ้มวันจบ