เชียร์ ฑิฆัมพร โดนยกเลิกงานเพราะถูกมองเป็นทอม - เผยเหตุเลิกรักเก่าทำวิวาห์ล่ม !?

          เชียร์ ฑิฆัมพร รับโดนยกเลิกงานเพราะถูกมองว่าเป็นทอม ความรักไม่เกี่ยวกับเพศ อยู่ที่ความสบายใจ - เผยเหตุเลิกรักเก่าทำวิวาห์ล่ม
เชียร์ โดนยกเลิกงานเพราะถูกมองเป็นทอม

          เมื่อ เชียร์ ฑิฆัมพร พี่สาวคนสนิท เบิ้ล ปทุมราช มาเปิดใจในรายการ เบิ้ล AM งานนี้ฮากระจาย อำกันสนั่นลั่นสตูฯ พร้อมเผยเรื่องการเปลี่ยนลุคใหม่ตัดผมสั้น ที่ใคร ๆ ก็มองว่าเป็นสาวหล่อหรือเปล่า ตอบชัดตอนนี้คบได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายจริงไหม เผยเคยโดนยกเลิกงานเพราะถูกมองว่าเป็นทอม !?

ปัจจุบันมันทำไมถึงตัดผมสั้น เรื่องจริงไหมที่ว่าตอนนี้หัวใจเราก็ผู้หญิงก็ได้ ผู้ชายก็ได้ ?

          เชียร์ ฑิฆัมพร : ถ้าพูดแบบจริงจังเลยนะ ลุคกับหัวใจมันคนละเรื่องกัน แต่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมบางคนจะต้องเอามาเป็นเรื่องเดียวกัน คือลุคมันก็คือสไตล์ วันหนึ่งอยากจะโกนผมหรือว่าจะไว้ผมยาว อย่างเบิ้ลจะมาไว้ผมยาวแล้วแบบหันไปชอบผู้ชายมันก็ไม่ใช่

มันคนละเรื่องกันจริง ๆ ไม่ได้เปลี่ยนลุคเพราะว่าความรู้สึกแบบนี้ไม่เกี่ยวเลย ?

          เชียร์ ฑิฆัมพร : มันไม่เกี่ยวกันจริง ๆ คือเรื่องหัวใจ เราก็แค่เปิดใจว่าเราคุยกับใครก็ได้ที่มันสบายใจเฉย ๆ อะ คือถ้าคนนั้นจะเป็นผู้หญิงก็ยินดี หรือถ้าคนนั้นจะเป็นผู้ชาย มันก็คือแค่เรามองหาคนที่สบายใจที่จะคุยเฉย ไม่ต้องแบบ ผู้หญิงอย่างเดียวไม่เอา ก่อนหน้านี้ คือคบผู้ชายแล้วไม่สมหวังแล้วจะคบผู้หญิง มันเหมือนแบบเป็นหวัดแค่กินยาก็หายแล้วเหรอ มันไม่ใช่แบบอยู่ดี ๆ มันจะมาเปลี่ยนรสนิยมในความรักอะไรได้ขนาดนั้น

ในช่วงที่พี่เชียร์กำลังคบหา ผมมองไปถึงเรื่องของการแต่งงานด้วยซ้ำ เพราะอะไรถึงต้องเลิกกัน ?

          เชียร์ ฑิฆัมพร : เรื่องของความไม่พอดีของความรัก บางทีมันแค่ต้องเข้าใจ คือมันเหมือนมันไปด้วยกันไม่ได้ แค่ทำความเข้าใจแล้วไม่ได้จำเป็นต้องเกลียดกันสำหรับพี่นะ

เริ่มแรกของการเข้าวงการบันเทิงคือมาได้ยังไง ?

          เชียร์ ฑิฆัมพร : ประกวดมิสทีน ละครเรื่องแรก เบญจาคีตา ความรัก อันนั้นคือเรื่องแรก ตอนนั้น เรียนอยู่ คือเพิ่งขึ้น ม.4 เอง จะบอกว่าเบญจานี่เป็นเรื่องที่ ที่ภูมิใจมากเลยนะเพราะว่าเป็นเรื่องที่เล่นละครไม่เป็นเลย แต่ว่าแบบคือทุกวันนี้ผ่านมา 22 ปีแล้ว เวลาเราเจอเด็กที่ไหน ทุกคนยังมาพูดถึงเบญจาเลยว่า พี่หนูโตมากับเรื่องนี้แล้วมันเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจมากนะ การที่แบบละครเรื่องหนึ่งมันจบไปแล้วเป็น 20 ปีแต่ยังมีคนเดินมาบอกเราว่าชอบเรื่องนี้

เคยมีครั้งหนึ่งที่เล่นละครแล้วถูกคำสบประมาท ได้รับแรงกดดันบางอย่าง ?

          เชียร์ ฑิฆัมพร : มี คือเราจะเป็นคนแบบตั้งใจแบบถ้าได้ทำแล้วอย่างเล่นละคร ตั้งใจมาก ทำการบ้าน ทำทุกอย่างให้งานมันดีที่สุดแล้วกัน แต่มันจะมีคำหนึ่งที่มาเข้าหูเราจากคนใกล้ตัวด้วย แต่ว่ามันได้ยินแบบเหมือนอ้อมมาทางอื่นเหมือนไปพูดให้คนอื่นฟังแล้วเป็นคนที่อาจจะมาถ่ายทอดให้เราว่า เชียร์ไม่เหมาะกับการเป็นนักแสดง แต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นเราไม่โกรธเขานะ เราไม่โกรธเขา แต่พอเขาพูด เราโคตรเสียใจเลย เฟลมาก เพราะว่าการพูดของเขา มันไม่ได้มาในช่วงแรกๆ ที่เราเล่นนะ มันผ่านจนแบบเป็นเรื่องท้าย ๆ ที่เราอยู่กับช่อง 7 หมายความว่าเกือบ 10 ปีนะ ที่เราเล่นละคร เราแสดงมา แต่อยู่ดี ๆ มันเป็นมุมมองของนักแสดงคนหนึ่งที่แบบ เขาพูดถึงเราแบบนี้เหรอ เราก็มีน้ำตานะตอนนั้น เฟลอยู่พักหนึ่ง แต่ว่ามันมีผลกับการที่เราจะทำงานนะ เราก็จะรู้สึกว่าถ้าเฟลไปแล้ว คนก็ไม่รู้สึก สุดท้ายแล้วทำงานไม่ดี สิ่งที่มันออกจอก็คือคนก็ดูเราไง ฉะนั้นแล้วคือแบบในเมื่อถ้าเราไม่ทำมันให้ดีกว่า มันก็คงจะเป็นอย่างที่เขาพูดจริง ๆ ก็แค่พิสูจน์คำพูดเขาว่ามันไม่ใช่แค่นั้นเอง มันมีช่วงที่เราทัวร์คอนเสิร์ตเยอะ แล้วเรายังวางตารางไม่เป็น เราโชว์บนคอนเสิร์ตยังไม่แข็งแรง มันก็มีแบบทั้งเรื่องของแรงกระทบจากคำพูดทั้งจากเสียงภาษากายแล้วก็ทั้งในโซเชียลมีเดีย มันมีจุดหนึ่งที่เคยคิดอยากจะออกจากวงการของความเป็นนักร้องไปเลย

เชียร์ ฑิฆัมพร

ภาพจาก Instagram cheerny14

พี่เชียร์เป็นคนที่ไม่ค่อยมีเรื่องเสียหาย ปัจจุบันก็ละเอียดอ่อนมาก ๆ พี่มองยังไงกับข่าวนิดหน่อยโพสต์ผิด โพสต์ถูก ก็ถูกนักข่าวเอาไปตีสื่อลงอีกแบบหนึ่ง พี่แก้ปัญหากับตรงนี้ยังไง ?

          เชียร์ ฑิฆัมพร : มันก็แค่ระวังตัวเรา คือพื้นที่ในการแสดงออกมันแค่เปลี่ยนไป แต่ตัวเราไม่ได้เปลี่ยน เพราะว่าสมัยก่อนอาจจะไม่ได้มีอะไรให้โพสต์ง่ายขนาดนี้ แต่ว่าทุกวันนี้มันก็คือการโพสต์ มันเหมือนแค่เปลี่ยนวิธีการแสดงออกมาเป็นโซเชียล แต่ถ้าส่วนตัว พี่เป็นคนที่ไม่ได้ชอบพูดหรือไม่ได้ชอบทำอะไรที่มันแบบ 1 มันจะต้องเสี่ยงในการถูกพูดถึง  2 คือเรื่องส่วนตัวจริง ๆ ก็ไม่ได้ชอบพูด อยู่ดี ๆ มานั่งเปิดเรื่องความรัก เอาเรื่องความรักมาพูด หรือแบบวันหนึ่งเราเลิกกับใคร เราต้องมานั่งตอบว่าเราเลิกกับใคร ทั้ง ๆ ที่มันเป็นเรื่องที่มันเจ็บปวด  แต่ว่ามันเลี่ยงไม่ได้ข้อ 1 คือธรรมชาติมันเลี่ยงไม่ได้ เอาง่าย ๆ เลยนะ คล้าย ๆ กับเรื่องอะไรรู้ไหม เรื่องเป็นทอม เหมือนแบบเชียร์กับคำว่าทอมอยู่คู่กันตั้งแต่เข้าวงการ คือพี่ก็แค่บอกว่าพี่ไม่ใช่ แต่มันก็จะมีคนที่แบบจริงเหรออะไรอย่างงี้ แค่รู้สึกว่าเรารู้จักตัวเองดี 2 คือถ้าเรามีการอธิบายหรืออะไรแล้ว ถ้ามันคนอื่นยังคิดก็แค่ปล่อย มันก็ทำอะไรไม่ได้

แล้วมันเรื่องจริงไหมที่เค้าบอกว่าพี่ตอนนี้ผู้ชายก็คบได้ผู้หญิงก็คบได้ อยู่ที่ความสบายใจ ?

          เชียร์ ฑิฆัมพร : พี่ว่าทุกวันนี้ทุกคนแค่มองหาความสบายใจ คือมันมีเรื่องหนึ่งที่แปลกมาก พี่ก็ไม่เคยคิดว่าสิ่งที่เป็นคำนี้ ซึ่งมันไม่ได้มีผลกระทบกับตัวเรา นึกออกปะ เพราะเรารู้ว่าตัวเรา เรารู้จักตัวเราแล้วกันว่าเราเป็นยังไง  แต่เพิ่งมารู้เหมือนกันว่าคำนี้มันมีผลกระทบยังไง ล่าสุดอะ มันมีครั้งหนึ่งที่พี่สัมภาษณ์เรื่องความรักว่าพี่เปิดใจ พร้อมที่จะคุยกับคนสักคน โดยที่เขาเป็นผู้หญิง แต่มันคือความสบายใจ มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องเพศหรือไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องอะไร วันนี้ต่อให้คนนั้นเป็นผู้ชาย แต่เราสบายใจที่จะพูดคุยเราก็ยินดีที่จะเปิดใจคุยกับเขาเหมือนกัน พี่พูดชัดเจนมาก

          แล้วมีงานอีกงานหนึ่งที่ติดต่อเราไว้แล้ว พอดีแบบบังเอิญไปทราบมาแล้วมีเหมือนเป็นอาจจะเป็นผู้ใหญ่ แบบว่าดูงานนี้หรืออะไรสักอย่าง เขาบอกว่าเขาไม่อยากได้พี่เพราะเป็นทอม จะยกเลิก มันแค่การสัมภาษณ์อันเดียวของพี่เลย คือก็เลยแบบแค่ไม่เข้าใจในการให้คุณค่าของงาน หรือการให้คุณค่าของคน ถ้าวันนี้คุณพี่จะยกเลิกงานเชียร์เพราะเรื่องแค่นี้จริง ๆ ไม่ติดเลย แต่ว่าอยากจะฝากอะไรถึงคุณพี่สักนิดหนึ่ง คือแค่รู้สึกว่าถ้าสมมติวันหนึ่งลูกหลานของพี่เองหรือคนที่เรารู้จัก ถ้าจะโดนยกเลิกงานหรือโดนไม่ให้โอกาสในการทำงานด้วยคำที่ว่าเขาเป็นทอมหรือเขามีความหลากหลาย เป็นเกย์เป็นอะไรที่เป็นเพศอื่น ก็แค่อยากให้คุณพี่เขาคิดสักนิดหนึ่งว่ามันเป็นสิ่งที่เขาสมควรจะได้รับอย่างนั้นหรือเปล่า หรือมันเป็นเรื่องที่ต้องเอามาตัดสินในการทำอะไรบางอย่างหรือเปล่า เพราะเชียร์ก็รู้สึกว่าไม่ได้เห็นด้วยกับความคิดนี้แล้วกัน

เชียร์ ฑิฆัมพร โดนยกเลิกงานเพราะถูกมองเป็นทอม

มุมมองของพี่เชียร์เป็นยังไงกับความเท่าเทียมของเพศในปัจจุบัน ?

          เชียร์ ฑิฆัมพร : มันคล้าย ๆ กับอะไรที่พูดเมื่อกี้ คือแตกต่างแต่ไม่ได้หมายความว่ามันแปลกแยกนะ ตอนนี้มันกำลังกลายเป็นว่า ความแค่เขาต่างจากคุณหรือไม่ได้เป็นอย่างที่ความคิดเราเป็น มันกลายเป็นเรื่องผิดเหรอ ? เหมือนกลายเป็นว่าการเป็นความหลากหลายทางเพศมันเท่ากับไม่ดี ซึ่งมันเป็นเรื่องนั้นได้ยังไง มันต้องแยกออกจากกันก่อน ก็ดีใจที่โลกสมัยนี้มันโคตรเปิดกว้างเลย หรือแม้กระทั่งสมรสเท่าเทียมผ่าน มันเป็นเครื่องหมายหนึ่งที่ทำให้เห็นว่าความเข้าใจกำลังถูกสื่อสารไปจริง ๆ ความหลากหลายมันเยอะมาก เยอะเกินที่พี่จะเข้าใจด้วยซ้ำ แต่พี่ว่าความเข้าใจหนึ่งมันคือความสวยงามนะ มันคือความสุขกับการที่ใครจะเป็นอะไร และเขาไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน มันคือสีสันของโลกใบนี้ แต่มันกลายเป็นว่าอาจจะมีบางคนที่เขาไม่เข้าใจ ซึ่งมันง่ายมาก ๆ แค่ลองคิดจินตนาการเป็นคนใกล้ตัวดู ว่าวันนี้คนนั้นที่คุณรัก ลูกหรือหลานหรือใครก็ตามที่คุณรัก เขาแค่มีรสนิยมในความชอบแบบนี้ เขาแค่มีความสุขในการเป็นตัวเขาแบบนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าความคิดเขามันแปลกแยกหรือเขาเป็นคนไม่ดี มันต้องแยกออกจากกันแค่นั้นเอง จริง ๆ แล้วก็ดีใจ รู้สึกว่าพื้นที่ของความหลากหลายมันดูมีความสุขขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็ดูเหมือนมัน inspire นะ มัน inspire เพราะพี่เป็นคนมีความรู้สึกว่า พอเราได้เห็นความหลากหลายที่มันมาลงตัวกัน เป็นความรักกัน มันเป็นเรื่องโคตรโชคดีเลย

ตอนนี้คิดว่าจะเปิดใจไหมกับการมีความรักครั้งใหม่ ?

          เชียร์ ฑิฆัมพร : เปิดใจ มีคุย

ผู้หญิง หรือ ผู้ชาย ?

          เชียร์ ฑิฆัมพร : เป็นผู้หญิงค่ะ

ทำไมถึงตัดสินใจมาคุยกับผู้หญิง ?

          เชียร์ ฑิฆัมพร : ไม่ได้คิดว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่แค่สบายใจ

          สามารถติดตาม เบิ้ล AM ได้ที่ช่องทาง Facebook: WE DO, YouTube: WE DO วันพฤหัสบดี เวลา 19.00 น.
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
เชียร์ ฑิฆัมพร โดนยกเลิกงานเพราะถูกมองเป็นทอม - เผยเหตุเลิกรักเก่าทำวิวาห์ล่ม !? อัปเดตล่าสุด 7 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 17:13:41 29,026 อ่าน
TOP
x close