
ตำนานนักร้องกินแดนเซอร์ผู้มาก่อนกาล หนูเล็ก บลูเบอร์รี่ วันนี้ควง บอย สามีสุดหล่อมาเปิดเส้นทางความรักเกือบ 10 ปี และเล่าความลำบากของชีวิตคู่ ไร้งาน ไร้เงิน ถึงขั้นต้องขายสมบัติกิน เปิดความลับที่ปิดมานานถึง 20 ปี ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องone31 ที่มี เป็กกี้ ศรีธัญญา และ ดีเจพุฒ พุฒิชัย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
ไม่ได้เพิ่งกิน แต่กินกันมานาน กินจนงอกมาอีกหนึ่งคนคือลูกชาย ?
หนูเล็ก : ใช่ค่ะ ชื่อว่าน้องล็อตโต้
มีไวรัลในโซเชียล เขาบอกว่าเขาเชิด เขากินแดนเซอร์ผู้มาก่อนกาล เล่าจุดเริ่มต้นไปเจอไปคลิกกันได้ยังไง ?
หนูเล็ก : ตอนนั้นเราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย เราไม่รู้เขาเป็นแดนเซอร์กระแต แต่เขารู้ว่าเราเป็นนักร้องบูลเบอร์รี่ วันนึงเราไปขายของที่เซ็นทรัล เขาไปหาเพื่อนเขา ไปหาน้องศิลปิน เขาผ่านบูธเรา เห็นเราแต่เขาไม่ทัก กลับไปบ้านเขาก็มาเมนต์ในไอจี ว่าวันนี้พี่เห็นน้องด้วย (หัวเราะ)
ทำไมไม่ทักเขาเลย ทำไมต้องดีเอ็มไป ?
บอย : ไม่รู้จัก ไม่กล้าทักต่อหน้า รู้ว่าเขาเป็นศิลปิน เราเคยทำงานที่อาร์เอสมาก่อน
หนูเล็ก : ด้วยความที่เราโสด ใครมาเมนต์ ผู้หญิงเมนต์ไม่เท่าไหร่ แต่พอเป็นผู้ชายก็กดเข้าไปดูหน่อยนึง ดูเท่านั้นแหละ หล่อเหมือนกันเนอะเราก็ตอบกลับเขาไป แล้วเราก็ได้คุยกัน
ทำไมอยู่ดี ๆ มาเมนต์ ชอบอยู่ก่อนหรือเปล่า ?
บอย : น่ารักดีครับ ก็เลยทักไป ช่วงแรกอยากเมนต์เฉย ๆ เพราะเห็นน้องอยู่ในค่ายมาก่อน ตอนนั้นเราเป็นแดนเซอร์ผ่านไปผ่านมา เขาอาจเคยเห็นหน้าเราบ้าง ก็เลยทักเขาไป
รู้ไหมเขาเป็นแดนเซอร์กระแต ?
หนูเล็ก : ไม่รู้เลยค่ะ เพิ่งมาเห็นในรูปตอนที่เขามาทัก เราเข้าไปดูก็เห็นว่าเขาเต้นให้กระแตนี่นา ก็ตอบเขาไป จากนั้นก็คุยในเมนต์อยู่ประมาณ 10 ข้อความ หนูก็เลยบอกว่าพี่ถ้าจะคุยกันแบบนี้ ทักดีเอ็มมาเถอะ เขาก็ตอบกลับมาว่าทักยังไง (หัวเราะ) เขาทำไม่เป็น หนูเลยทักเขาไป ก็เลยได้คุยกัน มีการแอดกันใด ๆ เกิดขึ้นมาค่ะ
ไปเดตกัน ผู้ชายพาไปเดตที่ไหน ?
หนูเล็ก : ตลาดหัวมุมค่ะ (หัวเราะ) เพราะวันนั้นเราไปทำงานใกล้ ๆ ตรงนั้น ก็มาตรงนี้มั้ยไปเดินเล่นกัน เขาก็มาหาเราที่ตรงนั้น พาเราไปกินปิ้งย่างวันแรก
เลยประทับใจว่าเขาติดดิน ?
หนูเล็ก : ใช่ ตอนแรกคิดว่าติดดิน หลัง ๆ รู้แล้วว่าไม่มีตังค์ (หัวเราะ)
อะไรทำให้ตัดสินใจคบกัน ?
บอย : คุยมาเรื่อย ๆ ครับ คุยกันเดือนสองเดือน
หนูเล็ก : คุยกันไปคุยกันมายังไงไม่รู้ เป็นแฟนกันแล้ว กินกันแล้ว (หัวเราะ)

จริงไหมที่ต่างคนต่างบอกว่ารวยแล้วคบกัน ?
หนูเล็ก : ใช่ ๆ จริง ๆ จากเมนต์ที่เราบอกเรากินแดนเซอร์มาก่อน ทุกคนก็บอกว่าไหนเล่าซิ เริ่มยังไง สามีก็บอกว่าเพิ่งกลับจากอเมริกา มาเต้นให้กระแต เราก็อู้ย ต้องรวยแน่เลย เราก็บอกว่าบ้านเราทำปั๊มน้ำมัน 3-4 ปั๊มเลย แต่เราไม่ได้บอกใคร จริง ๆ เป็นของคุณป้า แต่แม่เราไปเป็นเสมียน (หัวเราะ) ตอนแรกคิดว่าต่างคนต่างรวย แต่สุดท้าย อ้าว ไม่รวยนี่ ก็ต้องอยู่กันไปแล้วแหละ แกล้งกัน
คบมา 9 ปี จนมีน้องล็อตโต้ อายุกี่ขวบ ?
หนูเล็ก : ขวบกับ 10 เดือนค่ะ
จากที่คิดว่ารวยแต่ไม่ได้รวย ฝ่าฟันความลำบากยังไงกันมาบ้าง ?
หนูเล็ก : เยอะมากค่ะ อยู่ด้วยกันตั้งแต่ไม่มีเงินเลย เราไปคอนโดเขา เราก็เห็นรองเท้าเขาเยอะ รองเท้าเขามาจากอเมริกา ชอบซื้อหมวกเยอะเป็น 20-30 ใบ ก็บอกว่าพี่บอยไม่ได้ใช้หรอก เดี๋ยวมันก็กรอบ ขาดหมด เอาไปขายไหม (หัวเราะ) ช่วงนั้นเขาก็เริ่มไม่มีงานพอดี ก็เลยขายก็ได้
ไม่มีงานถึงขั้นไม่มีเงินสำรอง ต้องเอาของไปขาย ?
บอย : ใช่ครับ เราทำงาน เราเป็นแดนเซอร์ ถ้าเรามีงาน เราก็มีเงิน ถ้าวันไหนไม่มีงาน ก็ไม่มีเงิน
หนูเล็ก : ตอนนั้นออกประกาศงดงานรื่นเริงยาวเลย ก็เลยแคนเซิลงานทั้งหมดที่มีไปเลย เราก็เลย อ้าว ไม่ได้มีเงินเก็บเยอะ มันก็ต้องใช้ ๆ มีรายจ่ายอยู่ ก็เลยเอาตรงนี้มาขายเถอะเพื่อจ่ายเป็นค่าของต่าง ๆ
เพราะความลำบากทำให้ความรักแน่นแฟ้น ทำให้รักกันมากขึ้น ลำบากขนาดไหนถึงทำให้รักกันขนาดนั้น ?
หนูเล็ก : กินอะไร พี่บอกเขาไป
บอย : กินกะเพรากันทุกวันเลยครับ
หนูเล็ก : จริง ๆ ถ้าเราไปกินร้านมันจะแพง เปลืองเงินเปล่า ๆ ก็เลือกกินข้าวกล่องใกล้ ๆ แล้วกันมีตลาดอยู่ก็ไปซื้อข้าวตลาดกิน
สุดท้ายต้องปล่อยมือ ต้องแยกกันอยู่ ?
หนูเล็ก : ไม่ถึงกับเลิก
บอย : ถ้าอยู่ด้วยกันต้องกินกะเพราต่อไปเรื่อย ๆ ค่าใช้จ่ายคู่กันพอไม่มีรายรับ รายจ่ายไปเรื่อย ๆ คูณสอง เราก็เลยลองแยกกันอยู่ไหม หนูเล็กกลับปราจีนฯ ไหม ผมสแตนบายอยู่กรุงเทพฯ แต่ไม่ได้เลิกกันนะครับ เหมือนแยกกันไป
หนูเล็ก : แยกไปเอาตัวรอด ถ้าอยู่ด้วยกันมันไม่มีรายได้ แล้วต้องมีค่าใช้จ่ายอีก เราก็กลับไปอยู่กับที่บ้านดีกว่า พอเรากลับไปบ้านเราใกล้โรงเกลือ เราก็เลยบอกแม่ว่าแม่หาของมาขายดีกว่า ขอทุนคุณแม่ แล้วไปซื้อของที่โรงเกลือมาขาย มาไลฟ์ ก็เก็บเงินได้สักนิดหนึ่งก็กลับมาหาผู้ชายต่อ (หัวเราะ) คิดถึงค่ะ ก็บอกแม่ว่าหนูจะไปกรุงเทพฯ แล้วนะ แม่ก็น่าจะงงเหมือนกัน มันเพิ่งกลับมา พอมีเงินมันไปอีกแล้วเหรอ (หัวเราะ)
ตอนนั้นหนูเล็ก บลูเบอร์รี่ดังมากนะ ชิมิ ๆ เงินเก็บในการโชว์ตัวหรืองานต่าง ๆ ไปไหนหมด ?
หนูเล็ก : บลูเบอร์รี่ไม่ได้ค่าตัวแพง บลูเบอร์รี่ค่าตัวหารสามหมด แต่เวลาจ้างเขาจ้างเป็นเบอร์ ช่วงแรก ๆ เคยค่าตัว 3 พัน 5 พัน แล้วหารกัน มากสุดก็แค่ตกงานละ 1.8 หมื่น - 2 หมื่นต่อคน อยู่ประมาณนี้ มันก็เลยทำให้เงินเก็บเราไม่ได้มีเยอะมาก พอมีมาปุ๊บเราก็ไปซื้อรถ คอนโด ก็ใช้ไป เลยไม่ค่อยเหลือเงินเก็บ พอช่วงงานเยอะเราก็ใช้ไปเลยจ้า เสื้อผ้าซื้อไปเลย
ลืมคิดเรื่องอนาคต คอนโด รถก็เป็นเงินผ่อน ?
หนูเล็ก : ใช่ พอไม่มีงานเลยก็ไม่รู้จะเอาที่ไหนจ่าย
จุดเปลี่ยนอีกจุดคือจำนวนเงินที่เหลือสองคน 500 บาท ?
หนูเล็ก : หนูชอบขายของอยู่แล้ว หนูไปไลฟ์ขายของในโซเชียล เราก็ไปตลาดนัด เห็นตุ๊กตาม้าโพนี่เขาวางอยู่ เราก็บอกผู้ชายว่า น่ารักจังเลย อยากได้บ้าง นี่ก็ประหยัด บอกว่าไม่เอาหรอก เอาได้ไง ตั้ง 500 เราก็ทำไมวะ ทำไมแค่นี้ซื้อให้เราไม่ได้ เริ่มจะงอน แต่ไม่ได้คิดถึงว่าเรามีเงินหรือไม่มี เราก็อยากได้ ด้วยความคบกันใหม่ ๆ เขากลัวเรางอน เขาก็เลยไปกดเงิน 500 บาทมาซื้อให้เรา
โพนี่ตัวนั้นเท่าไหร่ ?
หนูเล็ก : 2 ตัว 500 เรากลับมาบ้านเสร็จเราก็ไปขายกางเกงมือสองของเราต่อ แต่เราเอาโพนี่วางไว้ข้างหลัง ไม่มีใครถามเสื้อผ้าที่หนูขายเลย โพนี่ข้างหลังเท่าไหร่คะ เราก็เลยขาย เราไม่เสียดายอยู่แล้ว เราหาใหม่เอาก็ได้ เราก็เลยเอามาประมูลขายเล่น ได้พันหนึ่งสองตัว เขาก็ตาวาวเลย
บอย : มันได้กำไรร้อยเปอร์เซ็นต์ โห เยอะนะ ก็เลยมาเน้นขายตุ๊กตา วันแรกเราขายสองตัวจบ อีกวันเราไปซื้อตุ๊กตา เราลงทุนพันสาม เรากลัวว่าลูกค้าจะหลอกเราหรือเปล่าเราจะขายได้ไหมสรุปว่าพอเราซื้อมาขาย ไม่ถึงสิบนาทีหมด เราก็ดีใจเราขายได้ อีกวันก็ไปซื้อจากพันสามเป็นสามพัน ก็ขายหมดเรื่อย ๆ เราก็ค่อย ๆ เริ่มมีเงินเก็บ
การลงทุน 500 ม้าโพนี่ที่แฟนอ้อน สุดท้ายงอกเงยอีกเยอะเลย คุ้มไหม ?
บอย : คุ้มมาก ถ้าวันนั้นผมไม่ตัดใจซื้อให้เขานะ เราอาจเลิกกันไปนานแล้ว และไม่มีวันนี้ เงิน 500 บาท
ต้องขอบคุณม้าโพนี่ 2 ตัว ?
บอย : ใช่ และต้องขอบคุณหนูเล็กด้วย ถ้าเขาไม่งอน ก็ไม่ได้
หนูเล็ก : จริง
คุณมีคลังตุ๊กตาเพื่อขาย ?
หนูเล็ก : ใช่ค่ะ เคยเอาเข้ามาที 2 พันโล เคยขายเยอะสุด ทุกวันนี้ตุ๊กตาแค่มีส่ง ๆ บ้าง ไม่ได้ขายปลีกเหมือนเดิมแล้ว
ตุ๊กตาหนึ่งตัว ทำให้ชีวิตเปลี่ยนไปขนาดไหน ?
หนูเล็ก : เยอะมากค่ะ จากไม่มีอะไรเลย มาอยู่บ้านเช่าก่อน ขายตุ๊กตาเก็บเงินได้ก้อนหนึ่งแล้วมาอยู่บ้านเช่า ตกลงกันว่าซื้อบ้านดีกว่า ก็ซื้อรถ ซื้อบ้าน ซื้อทุกอย่างทุกวันนี้ ทุกคนจะคิดว่ามาจากร้องเพลงแน่เลย ไม่ใช่เลยค่ะ มาจากการค้าขายกับแฟนสองคนนี่แหละ

เรื่องความหวาน เห็นว่าน้อยลง รักกันด้วยผลประโยชน์ ?
หนูเล็ก : ใช่ค่ะ แบ่งผลประโยชน์กันไม่ลงตัวแบ่งกันยากเลยเลิกคบกันไม่ได้ (หัวเราะ) ตอนทะเลาะกันเขาทิ้งหนูไว้ที่สำเพ็ง เขาเดินๆ กันอยู่มันเป็นซอย มีร้านขายกระเป๋าเต็มเลย บอยบอกกระเป๋าสวยจังเลย น่าซื้อไปให้แม่ เราก็บอกว่าค่อยซื้อ ไปเดินข้างในก่อน ไปซื้อของขายก่อน งอนหนูว่าไม่ซื้อของให้แม่เขา เขาไม่พูดกับหนู เราก็ถามว่าเป็นอะไร ทำไมไม่พูด
บอย : แล้วเสียงดัง ผมเป็นคนขี้อาย ผมอายเพราะคนมันเยอะ ผมเลยตัดสินใจควักกุญแจรถยัดใส่มือเขา แล้วผมก็ไปเลย นั่งแท็กซี่กลับคอนโดเลย
หนูเล็ก : แต่ไม่ใช่อย่างนั้น จะไปก็ไปเถอะ ทิ้งตังค์ไว้ให้กูหน่อย (หัวเราะ) ตอนนั้นไม่มีเงินเลย เขาเอากลับไปหมดเลย เราจะซื้อของก็ซื้อไม่ได้ เราก็เลยโทรกลับไปหาว่าฮัลโหล อยู่ไหน ทำไมไม่ทิ้งเงินไว้ให้ เขาตอบกลับมาว่า เก่งนี่ เก่งก็อยู่ไปเลย ช่วยตัวเองสิ เราก็เอาไง จะซื้อของยังไง ก็ต้องขับรถกลับไปหาเขาที่คอนโด (หัวเราะ)
จบยังไง หลังสำเพ็งแตก หนีกลับคอนโด ?
หนูเล็ก : คนอื่นกลับไปคงนั่งดูทีวีรอเคลียร์กลับมา กลับไปเคาะประตูไม่เปิด มันหลับ มันกลับไปนอน ไอ้เราก็แบบ.. (หัวเราะ) สุดท้ายเขาลุกมาเปิดประตูแล้วเขาก็เข้าไปนอนต่อ ตื่นเช้ามาก็เหมือนใจเย็นลง เพราะเรื่องที่ทะเลาะไม่มีอะไรเลย อยู่ดี ๆ ก็ไปกินข้าวกัน ก็หาย
บอย : ข้อดีของเราคือเรางอนกันหนัก ๆ เลย ครึ่ง ชม. ก็หายแล้ว มันเหมือนทะเลาะกันไปก็เท่านั้น เดี๋ยวก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิม
เห็นว่ามีทะเลาะกันเลือดตกยางออก ?
หนูเล็ก : เขาสับศอกหนู (หัวเราะ) วันนั้นเราไปดริ๊งค์ไปกิน แล้ววันนั้นกินเยอะมาก หนูกินเยอะกว่าปกติ แล้วไม่รู้เรื่องเลย กลับมาเหมือนพูดอะไรไม่เข้าหู ก็วีนกัน ถึงบ้านแทนที่จะแยกย้ายต่างคนต่างไปนอน เราเป็นผู้หญิงเร้าหรือ วุ่นวาย เขาล็อกประตูแล้วนะ
บอย : ผมไปนอนอีกห้องหนึ่งแล้ว เขาก็ควรไปนอนอีกห้อง ผมนอนแล้วล็อกประตูแล้ว เขาไม่จบ ไปหากุญแจมาเปิด เพื่อทะเลาะกับผม เรารู้นิสัยเขา เขาเป็นคนเร้าหรือ
ทำไมอยู่ดี ๆ ปากแตก ?
หนูเล็ก : เรียกมาแล้วใส่ ๆ เขา เขาน่าจะรำคาญ
บอย : เราก็สะบัด
หนูเล็ก : ไม่รู้ไปนอนยังไง ตื่นมาอีกที เมื่อคืนเป็นอะไรว้า ไปส่องกระจก เปิดปากตัวเองขึ้นมา ทำไมเขียวม่วงแบบนี้ ก็เลยเดินมาหาเขา เขานั่งอยู่ที่โซฟา โกรธเราอยู่ เขาไม่โอเคแล้ว เราก็ถามว่าพี่บอยเป็นอะไร (หัวเราะ) ที่รักทำไมปากเขาเป็นแบบนี้ เขาบอกว่ากูศอกเองแหละ (หัวเราะ) สมควร เราโทร. หาเพื่อน ๆ หลายคน เขาบอกสมควร ควรอย่างมึงต้องโดนสักที
คนอย่างเธอต้องเจอสับศอก ?
บอย : จริง ๆ ไม่ได้แรง แค่สะบัด
ความลับของหนูเล็ก ที่เพิ่งเปิดเผยคือเป็นนักร้องที่หูดับไปข้างหนึ่ง ?
หนูเล็ก : ไม่ได้ยินเลยค่ะ บอดสนิทเลย ข้างซ้ายค่ะ ได้ยินจากข้างขวาค่ะ
เกิดขึ้นได้ยังไง ?
หนูเล็ก : สาเหตุไม่แน่ใจเลย แต่รู้ว่าเป็นประมาณ ป.1 เหมือนเราไปเข้าห้องโสตจะฟังหูฟัง เราเปิดก็ไม่ได้ยินเลย เราเลื่อนไปจนสุดก็ไม่ได้ยิน แต่ได้ยินเหมือนมีอะไรกระแทกอยู่ที่หูดังมาก เราเลยลองสับฝั่งดู โอ้โห อีกข้างหูแทบแตก ก็อ้าว ข้างนี้ไม่ได้ยินเหรอ ก็เริ่มเคาะดู เริ่มสังเกตว่าเราไม่ได้ยินจริง ๆ ก็รู้วันนั้นว่าเราหูดับไปข้างหนึ่ง เราก็กลับมาบอกพ่อแม่เรานะคะ แต่ไม่มีใครเชื่อหนูเลยว่าหนูไม่ได้ยินจริง ๆ เพราะเขาคิดว่าหนูพูดเล่น พูดไปเรื่อย เพราะชอบพูดไปเรื่อยอยู่แล้ว
มันส่งผลต่อการทำงานไหม ?
หนูเล็ก : การร้องเพลงไม่ค่อยส่งผลหรอก เราก็ฟังมอนิเตอร์ ฟังอะไรได้ยินอยู่ แต่จะส่งผลกับชีวิตประจำวัน เช่นเราไปนั่งข้างใครสักคนในงาน เอาแล้วถ้าเขากระซิบข้างนี้ บางทีเขากระซิบเราเราก็อือ ๆ แต่ไม่รู้เรื่องว่าเขาพูดอะไร หรือถ้าเป็นเพื่อนสนิทจะเมาท์เราก็บอกว่าเอาข้างที่ได้ยิน ทุกคนก็จะงง เป็นอะไร ทำไมไม่เอาข้างนี้ล่ะ ก็จะบอกว่าจั๊กกะจี๋ไม่ชอบ
ทำไมไม่กล้าบอกใคร ?
หนูเล็ก : อายด้วยนิดหนึ่ง แต่จริง ๆ ขี้เกียจอธิบายให้คนฟัง กลัวคนรู้แล้วโดนล้อ นี่มันยังล้อหนูอยู่เลย
บอย : ไม่ได้ล้อ
หนูเล็ก : เนี่ย ๆ เขากระซิบแต่ข้างซ้าย
บอย : ผมชอบแกล้งเขา เขาก็ชอบแกล้งผม เวลาทะเลาะกันข้างนอกเขาก็จะเสียงดัง
รู้ตอนไหนว่าเขาหูดับ ?
บอย : คบกันแรก ๆ ก็รู้แล้วครับ เพราะผมชอบมากระซิบ
หนูเล็ก : เขาชอบพูดเบา ๆ เราก็หะ ๆ จนเขาบอกว่าหูตึงเหรอทำไมไม่ได้ยิน เราก็เลยตัดสินใจบอกเขาไปเลยว่าข้างนี้ไม่ได้ยิน
มีการไปหาหมอเพื่อรักษาไหม ?
หนูเล็ก : เคยไปทำเทส ข้างซ้ายบอดสนิท ข้างขวาได้ยินมากกว่าปกติ เช่นข้างขวาอาจได้ยิน 100 แต่หนูได้ยิน 130 มากกว่าคนปกติ เหมือนเป็นการรับรู้จากข้างนี้ทั้งหมด เขาบอกว่าบอดสนิท แต่ให้ไปเช็กเส้นประสาทอีกที เคยคิดอยากไปเช็กแต่ไม่กล้าไป กลัวว่าไปแล้วจะกลับมาร้องเพลงเพี้ยน เหมือนได้ยินสองข้างแล้วจะสับสนว่าเสียงนี้มาจากไหน