
ภาพจาก รายการ คุยแซ่บshow

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บshow
ทราบข้อมูลมาว่า ตั้งแต่แดนนี่เด็ก คุณพ่อคุณแม่ ไม่ได้เลี้ยง ?
แดนนี่ : คุณแม่ที่เลี้ยงมาเล่าให้ฟังนะครับ ตั้งแต่ผมเกิดมา แม่แท้ ๆ เอาไปฝากเลี้ยงตั้งแต่ช่วงผมเกิดได้ 7 วัน เขาก็เลี้ยงผมมาตั้งแต่ตอนนั้น
โตมากับครอบครัวที่รับเลี้ยง ?
แดนนี่ : ใช่ครับ
โตมารู้เลยไหมว่าเราไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของคุณพ่อคุณแม่ ?
แดนนี่ : ตอนแรกผมก็ยังไม่ทราบ จนเรารู้ความ เราค่อย ๆ ถามคุณแม่ที่เลี้ยงเรามา เราก็ค่อย ๆ ได้รู้ความจริงว่าเราไม่ใช่ลูกเขา เพราะตอนเด็กผมเคยตั้งคำถามกับตัวเอง ทำไมหน้าเราถึงเป็นฝรั่ง
พอได้รับคำตอบว่าเราไม่ใช่ลูกแท้ ๆ รู้สึกยังไง ?
แดนนี่ : ไม่ได้รู้สึกอะไร ครอบครัวที่เลี้ยงเรามาเค้าให้ความอบอุ่น ถึงแม้ไม่ได้มีเงินเยอะหรือฐานะที่ร่ำรวย แต่เขาให้ความอบอุ่นในการเลี้ยงดูเรา ผมก็เลยไม่ได้รู้สึกขาด
ตอนที่เราถามอายุเท่าไหร่ ?
แดนนี่ : ประมาณ 4-5 ขวบ
ในครอบครัวที่เลี้ยงเรามามีพี่น้องไหม ?
แดนนี่ : จะมีพี่สาวและน้องชายคนละพ่อกัน

เห็นว่าตอนเด็กเรามีโอกาสได้เจอคุณแม่แล้ว ?
แดนนี่ : ใช่ครับ ตอนเด็กเหมือนเขามาเยี่ยมที่บ้าน ผมเองก็ไม่ได้รู้สึกอะไรมาก เพราะเราไม่ได้มีความผูกพันกัน
ตอนนั้นรู้ไหมว่าเป็นคุณแม่แท้ ๆ ของเรา ?
แดนนี่ : เริ่มรู้แล้วครับ เราก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากครับ
เท่าที่เราเห็น เราหน้าเหมือนคุณแม่ไหม ?
แดนนี่ : เหมือนครับ
แล้วปฏิกิริยาตอนที่คุณแม่เจอเหมือนในหนังไหม ?
แดนนี่ : เราไม่ได้คุยกันเลยครับ ผมเลยเห็นเขาเหมือนคนที่เพิ่งมาเจอกัน มีกอดกันนะครับ แต่เราจะรู้สึกกับคนที่เลี้ยงเรามามากกว่า
มีความโกรธหรือน้อยใจบ้างไหมที่ทิ้งเราไปใน 7 วัน ?
แดนนี่ : ผมเคยตั้งคำถามอยู่ แต่ก็ไม่รู้สึกว่าโกรธหรือเกลียดอะไรกับแม่เลย ผมเชื่อว่าแม่มีทางเลือกหรือการตัดสินใจของเขา ผมก็ไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไรกันกับพ่อที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน
เคยคิดอยากจะถามคุณแม่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น ?
แดนนี่ : อยากครับ ระยะเวลาที่ผมโตมาผมก็พยายามหาคำตอบอยู่ในหลาย ๆ เรื่องเหมือนกัน

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บshow
ตอนนี้แดนนี่อายุเท่าไหร่ ?
แดนนี่ : 25 ครับ
เจอคุณแม่แล้วเคยไปตามหาคุณพ่อไหม ?
แดนนี่ : เคยพยายามค้นหาชื่อในเฟซบุ๊ก มีซองจดหมายที่พ่อเคยส่งพัสดุมา ผมเลยเอาชื่อตรงนั้นลองไปเสิร์ชดูตามกูเกิล ตามเฟซบุ๊ก ก็ไปเจอยูเซอร์นึงที่เป็นฝรั่งอยู่กับภรรยาและลูก ๆ เราเลยเอาภาพผู้ชายคนนี้ส่งให้แม่เลี้ยงเราดู แม่เลี้ยงก็เลยส่งไปให้แม่ที่คลอดเรามา เขาก็ว่าคนนี้แหละ ใช่ เลยได้ลองขอเบอร์มา แล้วโทร. คุยกัน ตอนนั้นได้คุยกันแป๊บนึง เพราะผมใช้โทรศัพท์ระบบเติมเงิน แล้วโทร. ไปต่างประเทศไม่ได้ซื้อโปรโมชั่น มันก็เลยตัดไปก่อน คุยกันประมาณ 13 วินาที เขาพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ เขาพูดภาษาเยอรมัน แต่เขาพยายามพูดภาษาอังกฤษให้เราฟัง ก็บอกเหตุผลของเขา เราก็โอเคมันคุยกันไม่จบ ผ่านไปสักพักก็มีไลน์นึงทักมาหาผม เป็นเหมือนไลน์ของเพื่อนเขาทักมาคุยกับเรา เขาพยายามบอกกับเราว่าจริง ๆ เขาไม่ใช่พ่อเรานะ หมายถึงเขาให้เพื่อนมาบอก
แต่คุณแม่เลี้ยงและคุณแม่ที่คลอดยืนยันว่าใช่ ความรู้สึกตรงนั้นเป็นยังไง ?
แดนนี่ : ก็สตั๊นอยู่ครับ แต่ว่าก็ไปต่อครับ
พอเพื่อนคุณพ่อบอกว่าไม่ใช่ เราอยากมีความพยายามต่อไหม อยากจะหาคำตอบไหม ?
แดนนี่ : พอผมได้ไปถ่ายละครที่สวิตเซอร์แลนด์ ได้มีการติดต่อกับเพื่อนของพ่อไว้ แต่จังหวะที่ไปถึงที่นู่นแล้วปรากฏว่าเพื่อนของพ่อเขาอยู่ที่ออสเตรเลีย ก็เลยไม่ได้เจอกันกับคนนี้ ตอนแรกว่าจะคุยกันและนัดกัน อย่างน้อยเราอยากเจอ อยากคุย อยากทำความรู้จัก ผมไม่ต้องการอะไรมาก ผมแค่อยากรู้ว่าเขาเป็นยังไงบ้าง คือเราไม่เคยรู้จักเลย คือแค่อยากคุย อยากรู้ว่าเรื่องตอนนั้นมันเป็นยังไงมากกว่า
เราเจอคุณแม่แต่ไม่ได้รู้สึกผูกพัน แล้วทำไมเราถึงอยากเจอคุณพ่อ ?
แดนนี่ : เพราะผมหน้าเป็นฝรั่ง ผมเลยตั้งคำถามเฉย ๆ ทำไมตอนนั้นถึงทะเลาะกับแม่ ผมไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นยังไง ผมรู้แค่ฝั่งนี้ ผมไม่รู้อีกฝั่งว่าเรื่องมันเป็นยังไง
ตอนนี้ถอดใจหรือยัง ?
แดนนี่ : ตอนนี้รู้สึกเฉย ๆ ไปแล้ว รู้สึกว่าเราก็ทำหน้าที่ของเราต่อไป
มีอะไรอยากจะบอกคุณพ่อคุณแม่ ที่เลี้ยงเรามาไหม ?
แดนนี่ : ต้องขอบคุณท่านครับ เขาซัพพอร์ตเราเยอะมาก ๆ ต้องขอบคุณครอบครัวของเราที่ท่านดูแลเรามาจนถึงทุกวันนี้ ให้ทุกอย่าง ให้ความอบอุ่น ให้โอกาส ให้การเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ต้องขอบคุณจริง ๆ ครับ

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บshow
เห็นว่าตอนเด็กเป็นคนขยันมาก ทำงานหาเลี้ยงตัวเอง งานแรกที่ทำคืออายุเท่าไหร่ ?
แดนนี่ : เป็นพนักงานเสิร์ฟโต๊ะจีน ในช่วง ป.5 คือบ้านใกล้ ๆ เขาทำธุรกิจโต๊ะจีน ก็มีพี่ ๆ ไปเป็นพนักงานเสิร์ฟ เราก็รู้สึกว่าเขาไปหารายได้พิเศษได้เงินด้วย ตั้ง 5-6 ร้อย ตอนนั้นเราอยากมีเงินไปซื้อของเล่น ไปซื้ออะไรของเรา ไม่อยากรบกวนพ่อแม่ ก็เลยอยากไปทำครับ
เห็นว่าทำหนักมาก ได้นอน 2 ชั่วโมง ?
แดนนี่ : ก็ตื่นตั้งแต่เช้า ตี4-5 แล้วไปเลิกงานอีกทีประมาณตี 2
แล้วเรื่องเรียนล่ะ หรือทำช่วงปิดเทอม ?
แดนนี่ : ส่วนใหญ่พ่อกับแม่จะให้ไปทำช่วงเสาร์-อาทิตย์ แต่ถ้าเรียนอยู่ก็จะบอกว่าพ่อวันนี้มีงานนะขอไปหน่อย ขอลาเรียน หรือว่าเราจะตื่นไปเรียนแบบสายหน่อย
แสดงว่าทุกอย่างไม่ว่าจะทำอะไรเราจะปรึกษาคุณพ่อ คุณแม่ ?
แดนนี่ : ใช่ครับ

ภาพจาก Instagram danny_lcn
งานในแต่ละวันทำอะไรบ้าง หนักไหม ?
แดนนี่ : ช่วงแรกผมจะเป็นพนักงานเสิร์ฟแอลกอฮอล์ก่อน พอขึ้นมาช่วง ม.1-ม.2 ก็จะมาเสิร์ฟอาหาร พอไปถึงร้านเราก็จะมาเช็กของว่าจะต้องเอาอะไรบ้าง ถ้าเป็นเสิร์ฟอาหารเราก็จะเตรียมทุกอย่างเลย เก้าอี้ โต๊ะ ขาโต๊ะ ทุกอย่างที่อยู่บนโต๊ะจีน เราต้องขนขึ้นรถบรรทุก พอเติมรถบรรทุกก็ไปลงที่หน้างาน แล้วเริ่มจัดของ
ความรู้สึกตอนนั้นเหนื่อยไหม ?
แดนนี่ : ผมว่าสนุก แล้วก็ได้เงิน ได้เจอพี่ ๆ ที่ไปทำด้วยกัน แต่พอมาคิดตอนนี้ โห.. ตอนนั้นมันเหนื่อยมากกว่าจะได้มา 5-6 ร้อย รู้สึกว่าทำงานนานครับ
แล้วอาชีพต่อมาทำอะไร ?
แดนนี่ : พนักงานเซเว่นครับ ก็เหนื่อยใช้ได้เหมือนกันครับ ตอนทำเซเว่นผมไปเริ่มงานหลังเที่ยง เพราะช่วงนั้นเราไปเรียน ปวช. ก็จะเลิกเร็วหน่อย พอเลิกเรียนเราก็กลับมาเข้างาน ก็เริ่มงานตั้งแต่บ่ายจนถึง 3-4 ทุ่ม แล้วก็กลับมาที่บ้าน มันก็จะเป็นลูปประมาณนี้
ทำไมไม่ไปเที่ยวเล่นเหมือนเด็กคนอื่น ?
แดนนี่ : ตอนนั้นรู้สึกว่าอยากหาเงินอย่างเดียวเลย เราไม่อยากไปขอพ่อกับแม่ เรารู้สึกว่าเราเลี้ยงตัวเองดีกว่า ตอนนั้นมีมอเตอร์ไซค์ด้วย เราทำงานเอาเงินไปผ่อนมอเตอร์ไซค์ เพื่อขี่ไปเรียน
รายได้ต่อเดือนประมาณเท่าไหร่ ?
แดนนี่ : ตอนนั้นไม่เยอะเลยครับ แต่ก็พอกับค่าใช้จ่ายของตัวเอง
สมัยนั้นถึง 10,000 ไหม ?
แดนนี่ : ไม่ถึงครับ

ภาพจาก รายการ คุยแซ่บshow
เรามีความฝันอยากเข้าวงการบันเทิงไหม ?
แดนนี่ : เคยมีโอกาสตอนเด็กน้อย ผมยังไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ แม่เล่าให้ฟังว่ามีโมเดลลิ่งพาผมไปแสดงละครหรือภาพยนตร์นี่แหละ แล้วผมก็งอแง ไม่เอาเลย อยู่ติดแต่กับแม่ แม่มาเล่าให้ฟังตอนโต ผมก็เลยรู้สึกว่าทำไมตอนนั้นถึงไม่ตั้งใจ ก็ผ่านไปจนมีโอกาสได้มาเจอกับผู้จัดการ ก็เลยเหมือนเป็นโอกาสครั้งใหม่ เราก็เลยแบบอยากตั้งใจทำมากกว่า
แล้วเราเข้าวงการมาได้ยังไง ?
แดนนี่ : ก็เริ่มมาแคสโฆษณา ละครบ้างช่วงแรก ๆ เริ่มเรียนแอ็คติ้งมาเรื่อย ๆ
กับผู้จัดการเจอกันได้ยังไง ?
แดนนี่ : เจอกันผ่าน Facebook แม่เอารูปผมไปโพสต์ในคอมเมนต์โพสต์หนึ่ง ที่มีพี่เอ ศุภชัย แล้วบอกว่า ฝากลูกเข้าวงการหน่อย แล้วพี่ผู้จัดการผมเข้ามาดู แล้วแกก็อยากหาเด็กเข้าสังกัดอยู่พอดี แกเลยมาถามว่าสนใจไหม ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่มีโอกาสได้มาทำงาน
เห็นว่าแคส 10 ได้ 1 มันขนาดนั้นเลยเหรอ ท้อไหม ?
แดนนี่ : นิดนึงครับ แต่ก็สู้ครับ ท้อแต่ไม่ถอย

ภาพจาก Instagram danny_lcn
เจอเหตุการณ์ขนหัวลุกด้วย ไปเที่ยวที่ไหนมา ?
แดนนี่ : เป็นช่วงปีที่แล้ว ไปจันทบุรี เป็นรีสอร์ตแห่งหนึ่งอยู่กลางน้ำ เป็นทะเลน้ำจืด เรียกว่าน้ำกร่อยก็ได้ มันเป็นที่พักที่เราจะต้องนั่งเรือเข้าไป ตรงนั้นก็จะเป็นป่าชายเลนด้วย แล้วก็มีทะเลด้วย ไปกันประมาณ 7-8 คน ระหว่างทางที่เราลงเรือ จะต้องขี่จักรยานเข้าไปที่พัก มันจะเป็นทางเล็ก ๆ พอไปถึงที่พักก็ทำกิจกรรมอะไรกันเสร็จสรรพ พอกลางคืนก็นั่งเล่นเกมการ์ดกัน หลังจากนั้นก็มีน้องไปเอามาม่ามา เรารู้สึกว่าอยากกินบ้าง หิว แต่เล่นเกมกันจนเสร็จ ก็ประมาณ 3-4 ทุ่ม อยากขี่จักรยานออกไปเอามาบ้าง แต่เขาไปกันหลายคน ผมไปคนเดียว มันเป็นทางเล็ก ๆ มืดด้วย ไม่มีคนเลย เพราะว่ามันมืดแล้วคนเข้าที่พักหมดแล้ว แต่พอผมไปถึงบริเวณเคาน์เตอร์มาม่า ผมกวาดสายตาไปมันเป็นโรงอาหาร ผมกวาดสายตาไปเรื่อย ๆ จนถึงเคาน์เตอร์ ผมไม่เห็นใครเลย จนมาถึงหางตาทางขวาที่ลงเรือ มีชุดขาว ปลิวผ่านสายตาไปผมก็เลยคิดว่านั่นคือคน เราก็ค่อย ๆ ปั่นจักรยานไปจนถึงตรงนั้น แต่พอไปถึงปุ๊บไม่มีใครเลย เราก็หมุนจักรยานกลับ แล้วเห็นหมาสองตัวเดินออกมา แล้วหมาก็วิ่งมาทางเรา เหมือนจะเห่า แต่วิ่งไปข้างหลังรวมกันอีกสามสี่ตัว พอมันเห่าปุ๊บก็เห่าทั้งรีสอร์ตเลย ผมก็เริ่มขี่จักรยานเร็วขึ้นเพื่อที่จะกลับไปทางรีสอร์ต ตอนนั้นขนลุกแล้ว เพราะเราอยู่คนเดียว ลมทะเลก็พัดเข้ามา
คิดว่าใช่ไหม ?
แดนนี่ : ตอนนั้นไม่อยากคิด ตอนนั้นคิดอย่างเดียวว่าอยากกลับที่พัก
แล้วได้มาม่าไหม ?
แดนนี่ : ไม่ได้ ไม่เจอใครเลย แล้วปั่นจักรยานเข้าทางเล็ก ๆ ไฟเป็นหย่อม ๆ แล้วผ่านโค้งแรก ที่พักมันเป็นงุ้มลงมา ถ้าสังเกตเราจะเห็นคนยืนแค่กระโปรงด้านล่างกับเท้า พอผมผ่านโค้งแรกมา แล้วเห็นตรงนั้นก็รู้สึกดีใจ รู้สึกใจชื้น เราเจอคนแล้ว เป็นคนใส่กระโปรงสีแดง รองเท้าคัตชูสีขาว เราก็รีบปั่นไปเพื่อจะให้ใกล้เขา แต่จังหวะที่ก้มหน้าแล้วเงยขึ้นมา เอ้า หายไปแล้ว แล้วผมเห็นพี่ที่ไปด้วยกันออกมาข้างนอกพอดี ผมก็เลยตะโกนไปบอกว่าพี่ช่วยด้วย
ตื่นเช้ามาได้ใส่บาตรให้เขาไหม ?
แดนนี่ : เรียบร้อยครับ