แก้มเยอะ แก้มล้น หน้าบาน ถ่ายรูปทีไรต้องเอียงหน้าหลบกล้อง ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นกับหลายคน แม้ตัวจะผอม แต่หน้ากลับดูใหญ่ ดูอ้วน พอหันข้างก็เห็น แก้มไม่เท่ากันอีก อาจเพราะมี “ไขมันกระพุ้งแก้ม” (Buccal Fat) สะสมอยู่ใต้ผิวในชั้นลึกของแก้ม

หลายคนพยายามลองมาหลายวิธี ทั้งร้อยไหม เลเซอร์ยกกระชับ ฉีดแฟต หรือ ออกกำลังกาย แล้วก็ไม่เห็นผล หน้าก็ยังไม่เรียวเสียที
- แล้ว ลดแก้มแบบไหนถึงจะเห็นผล ?
- ทำไมบางคน ฉีดแฟตแล้วแก้มไม่ลง ?
- มีวิธีไหนที่แก้ปัญหาแก้มใหญ่ได้แบบจบจริง ไม่ต้องซ้ำ ?
- การ ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังมองหา
ในบทความนี้เราจะมาไขทุกข้อสงสัย พร้อมแนะนำวิธีที่ได้ผลจริง อย่างการ ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม ด้วยเทคนิคเฉพาะจากคุณหมอโจ้ – นพ.นฤชิต เลาหไทยมงคล ที่ HERS Clinic เทคนิคนี้เรียกว่า B-LIFT (Buccinator Lift) ที่ไม่ใช่แค่ลดแก้ม แต่ยังช่วย “ยกกระชับจากภายใน” กันแก้มห้อยในอนาคตได้อีกด้วย
ปัญหาแก้มเยอะ เกิดจากอะไร ?
- ไขมันกระพุ้งแก้ม (Buccal Fat) เป็นไขมันที่อยู่ในชั้นลึกของแก้ม เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ใบหน้าดูป่องแม้ตัวผอม
- กรรมพันธุ์/โครงหน้า บางคนเกิดมาหน้ากลม คางสั้น ทำให้แก้มดูเยอะ
- อายุเพิ่มขึ้น ผิวเริ่มหย่อน คอลลาเจนในผิวหนังลดลง ทำให้ไขมันบริเวณแก้มย้อยลงมาตามแรงโน้มถ่วง ทำให้เกิด “แก้มห้อย”
- น้ำหนักขึ้น-ลงบ่อย ไขมันสะสมไม่สม่ำเสมอ ทำให้แก้มสองข้างไม่เท่ากัน
ตัดไขมันกระพุ้งแก้มคืออะไร ?
การตัดไขมันกระพุ้งแก้ม (Buccal Fat Removal) คือ การผ่าตัดเล็กเพื่อเอา “ไขมันกระพุ้งแก้ม” ซึ่งเป็นไขมันชั้นลึกที่อยู่ภายในแก้มออกมา วิธีนี้เหมาะกับคนที่
- แก้มเยอะ ใบหน้าไม่เรียว
- มีแก้มแม้รูปร่างผอม
- แก้มไม่เท่ากัน
- เคยฉีดแฟตแล้วไม่ลด
- กลัวแก่แล้วแก้มห้อย
- ถ่ายรูปมุมไหนก็หน้ากลม
- อยากหน้าเรียวแบบไม่ต้องใช้แอปฯ
การตัดไขมันกระพุ้งแก้มนี้จะช่วยลดวอลลุ่ม (Volume) ของแก้ม ทำให้ใบหน้าดูเรียวยิ่งขึ้น
ทำไมตัดไขมันกระพุ้งแก้มแล้ว “หน้าเหี่ยว” ได้ ?

หลายคนอ่าน รีวิวตัดไขมันกระพุ้งแก้ม แล้วอาจเจอคำเตือนว่า “หน้าอาจดูโทรม” หรือ “แก้มจะห้อย” เมื่ออายุมากขึ้น ซึ่งอาจเกิดได้จริง ถ้า…
- ไม่เย็บกระชับกล้ามเนื้อแก้มหลังตัดไขมัน
- ผ่าตัดนำไขมันออกมากเกินไป หรือไม่เข้าใจโครงสร้างกล้ามเนื้อแก้ม
- ไม่มีเทคนิคการป้องกันการยุบตัวของแก้มในอนาคต
แต่หากผ่าตัดอย่างถูกวิธี เช่น การใช้เทคนิค B-Lift ก็จะสามารถแก้ปัญหานี้อย่างตรงจุด ทำให้หมดข้อกังวลข้างต้นไปได้
ทำไมต้อง “ตัดไขมันกระพุ้งแก้ม” ด้วยเทคนิค B-LIFT ?
การตัดไขมันกระพุ้งแก้มแบบทั่วไป แพทย์จะผ่าเอาไขมันออกเท่านั้น โดยไม่จัดการกับกล้ามเนื้อหรือโครงสร้างผิว ทำให้บางเคสอาจเกิด ปัญหาแก้มห้อยตามมาภายหลังได้
แต่การใช้เทคนิคพิเศษที่เรียกว่า “B-LIFT (Buccinator Lift)” นอกจากจะนำเอาไขมันกระพุ้งแก้มออกแล้ว ยังมีการ “เย็บกระชับกล้ามเนื้อแก้ม” ให้ตึงขึ้น เพื่อไม่ให้ผิวหย่อนยานในระยะยาว และช่วยล็อกแก้มไม่ให้ย้อยในอนาคต

ข้อดีของเทคนิค B-LIFT
- ลดแก้มให้เล็กลงอย่างเป็นธรรมชาติ
- ไม่โทรม ไม่ทำให้หน้าดูตอบเกินไป
- แก้มกระชับ ไม่หย่อนแม้เวลาผ่านไป
- ปรับใบหน้าให้ดูเรียว กรอบหน้าดูชัดยิ่งขึ้น
- ปลอดภัย เพราะทำโดยแพทย์เฉพาะทาง
ตัดกระพุ้งแก้ม บวมกี่วัน ?

หลังจากผ่าตัดไขมันกระพุ้งแก้มแล้วอาจมีอาการบวมเล็กน้อยประมาณ 3–7 วัน และสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติทันทีหลังผ่าตัด
การดูแลหลังผ่าตัดก็ไม่ยุ่งยาก เพียงหลีกเลี่ยงอาหารร้อน/เผ็ด หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หมั่นบ้วนปากแปรงฟัน และกินยาตามที่แพทย์แนะนำ
ตัดไขมันกระพุ้งแก้มที่ไหนดี ?
อย่าเลือกแค่เพราะราคา ! เพราะการผ่าตัดใบหน้าต้องใช้ฝีมือและความละเอียดสูง อีกทั้งยังต้องอาศัยประสบการณ์ และความชำนาญของแพทย์ด้วย
เช็กให้ชัวร์ก่อนตัดสินใจ
- แพทย์เชี่ยวชาญเฉพาะทาง
- มีเทคนิคที่กระชับกล้ามเนื้อ เช่น B-LIFT
- มีรีวิวและภาพก่อน-หลังจริง
- คลินิกสะอาด ได้มาตรฐาน
ทั้งนี้ HERS Clinic ที่นี่ใช้เทคนิคเฉพาะ B-LIFT ซึ่งช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยธรรมชาติ ไม่ต้องกลัวแก้มห้อยหลังผ่าตัด
สรุป – ลดแก้มให้เห็นผล ต้องรู้จักเลือกวิธี

การลดแก้มมีหลายวิธี แต่ถ้าอยากให้เห็นผลแบบชัดเจน หน้าดูเรียวขึ้น ไม่ต้องทำบ่อย ๆ การตัดไขมันกระพุ้งแก้มด้วยเทคนิค B-LIFT ถือเป็นทางเลือกที่ครบเครื่องที่สุดในตอนนี้ ได้ทั้งความเรียว + ความกระชับ + ป้องกันแก้มห้อยระยะยาว
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.hersclinic.com/remove-buccal-fat