
วันที่ 4 มิถุนายน 2568 ทับทิม อัญรินทร์ ได้ควงแฟนหนุ่ม ไทด์ เอกพัน มาเคลียร์ข้อสงสัยกับเส้นทางความรัก 3 ปี ทำไมไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน พร้อมขอเคลียร์ดราม่าหลังชาวเน็ตมองว่าไม่เหมาะสม เพราะอายุห่างถึง 28 ปี เผยแพลนแต่งงานในอนาคต ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี เป็กกี้ ศรีธัญญา และ เบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

- หลายคนอยากรู้ว่าคบนานขนาดไหนแล้ว ?
ทับทิม : เกือบ 3 ปีแล้วค่ะ
ไทด์ : ถ้าไม่ได้คบกันแบบเป็นแฟนกัน เจอกันประมาณ 15 ปี เริ่มตั้งแต่น้องยังเรียนหนังสืออยู่แล้วมาทำงานด้วยกัน
- ตื่นเต้นไหมตอนประกาศคบกันแล้ว ?
ไทด์ : ตอนแรกที่คบกัน ไปไหนมาไหนก็ทำตัวปกติ เหมือนคู่รักธรรมดา ไม่มีการหลบซ่อนใด ๆ ทั้งสิ้น พอเปิดตัวก็รู้สึกว่าทำไมคนสนใจเยอะมาก จริง ๆ แล้วมีเหตุการณ์ คุณบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ไปอัดรายการด้วยกัน กำลังสัมภาษณ์อยู่ คุณบิณฑ์โป้งขึ้นมาว่าให้สัมภาษณ์เอกพันเลย เขากำลังมีความรัก ก็เลยเริ่มเป็นประเด็น
- ตอนที่บิณฑ์บอกว่าสัมภาษณ์เลย คบกันนานเท่าไหร่แล้ว ?
ทับทิม : 2 ปีกว่าแล้ว ก็ไปเที่ยวกันตามปกติเหมือนคู่รักอื่น ๆ ทั่วไป
- คบกันตอนไหน ?
ไทด์ : ร่วมงานกันมาก็ไม่มีอะไร น้องสาวคนหนึ่ง ทำงาน ถ่ายละคร เล่นเป็นพ่อเขานะ
ทับทิม : ชอบย้ำตลอดเลย
ไทด์ : เราไม่ได้คิดอะไร จนโควิดเกิดขึ้นมา พี่กลัวเข็มมาก ทุกคนพยายามให้พี่ฉีดวัคซีนเพื่อจะได้ไม่ต้องติดโควิด พี่กลัวมาก โอ้โห จิตตก คุณแม่ก็ป่วยอยู่ รพ. ถ้าไม่ฉีดก็ไม่สามารถไปเยี่ยมคุณแม่ได้ พี่ไปหาแม่ตลอดเวลา ต้องไปนวดต้องไปอะไรทุกวัน เอ๊ะ เอายังไงดี ช่วงจังหวะนั้นพอดีเขา โทร. เข้ามา น้องขายมัสมั่นไก่ พี่ไทด์ สนใจมัสมั่นไก่หนูไหม (หัวเราะ)
ทับทิม : ช่วงนั้นไม่ได้ออกกอง ก็ทำมัสมั่นไก่ขายแล้วกัน
- หาลูกค้า ?
ไทด์ : (หัวเราะ) ก็ถามว่าน้องทับทิมส่งที่ไหน เขาบอกส่งได้ทุกที่ ก็บอกว่าตอนนี้พี่อยู่ รพ. มาส่งได้ไหม ถ้าส่งได้ พี่ซื้อ 10 หรือ 20 กล่องนี่แหละ
ทับทิม : โอ้โห เยอะมาก ประมาณ 50 กล่อง ก็ต้องขับรถไปส่ง ลูกค้ารายได้
ไทด์ : ช่วงนั้นกังวลอยู่ในใจต้องฉีดวัคซีน ก็ปรึกษาเขา ว่าเอาไงดี พี่แย่แน่ ต้องฉีดยา เขาบอกไม่เป็นไร หนูอยู่ให้กำลังใจ
ทับทิม : วันนั้นคิวของมูลนิธิร่วมกตัญญู เขาให้สิทธิอาสาสมัครทุกคน ฉีดพร้อม ๆ กัน เขาฉีดกันหมดแล้ว ตั้งแต่ประธานมูลนิธิ ขาดเขาคนเดียว ก็ถามว่าทำไมล่ะ ทุกคนก็บอกว่าให้ช่วยพูดกับพี่เขาหน่อย หนูก็เลยงั้นหนูอยู่ด้วย อยากให้ฉีด หนูก็อยู่ในมูลนิธินี้ด้วย
ไทด์ : วันนั้นที่ฉีดรู้สึกข้างในแปล๊บเข้ามา ตอนเข็มแรกเราดิ้นเหมือนเด็กเลย เขาเอามือมาจับมือเราไว้แน่นเลยนะ พูดทุกอย่างโน้มน้าวให้เราฉีด เราก็รู้สึกว่ามีมือน้องคนหนึ่ง มันอุ่นใจ พี่จะทำอะไรเขาก็พยายามปลอบประโลมทุกอย่างให้เราฉีด เข็มแรกผ่านไป ฉีดได้โดยไม่มีความรู้สึกว่าเข็มผ่าน พอเราร้องเริ่มปวด แหกปากลั่น รพ. หมอบอกว่าเสร็จไปตั้งนานแล้ว (หัวเราะ) เราก็งงว่าเสร็จแล้วเหรอ
ทับทิม : หนูก็บอกว่าเห็นไหมไม่เห็นเจ็บเลย
ไทด์ : เข็มแรกผ่านไป ก็เริ่มรู้สึกประทับใจ เข็มสองผ่านมา เอาไงหว่า เขาไม่ได้มาส่งมัสมั่นแล้ว พอดีวันนั้นคุณพ่อมาฉีดวัคซีน
ทับทิม : พ่อได้คิวฉีดที่ รพ. เดียวกันพอดี จะบอกว่าไม่ได้วันเดียวกันหรอก แต่ได้ช่วงเวลาฉีดช่วงเดียวกันพอดี พี่ไทด์ก็เลยเป็นคนนัดให้ จะได้มาพร้อม ๆ กัน
ไทด์ : จะได้เจอเขาแหละ พอเข็มที่สองมันกลัวมากกว่าเข็มแรก ไม่รู้เป็นเพราะอะไร

- อยากอ้อน ?
ไทด์ : ประมาณนั้น (หัวเราะ) เข็มที่สองกลัวนอนหนุนตักเลยนะ เขาก็ปลอบเราเหมือนลูกเลย ลูบหลัง
ทับทิม : เขาขึ้นชื่อเรื่องกลัวเข็ม ทุกคนรู้หมด ยังไงเขาก็ไม่ยอมเด็ดขาด เราจะทำยังไงก็ได้ให้เขายอมฉีด ก็คิดแค่นั้น
- ตอนนั้นไม่รู้สึกอะไรเหรอ ?
ทับทิม : คิดว่าเขาคงกลัวมาก ไม่เป็นไร ก็ปลอบ ไม่มีใครอยู่แล้วไงคะ วันนั้นอาสาสมัครมูลนิธิไม่มีใครอยู่เลย จะมีแค่คุณพ่อ พี่ไทด์ มีครอบครัวแค่นั้น ไม่ได้มีใครเยอะแยะ
ไทด์ : มันกลัวจริง ๆ เราไม่ได้เสแสร้งแกล้งหนุนตักเขา ก็อยากให้เขาปลอบนั่นแหละ อุ่นใจ เข็มที่สองก็ผ่านไปได้
- พ่อคิดอะไรอยู่ตอนนั้น ?
ทับทิม : เขาก็หัวเราะ ยิ้ม ๆ ขำ ๆ พี่ไทด์เขากลัวจริง ๆ เขาทำใจนานมาก เราเข้าใจความกลัว เพราะคุณแม่ทับทิมก็กลัวเข็ม กว่าจะให้คุณแม่ฉีดได้ก็เป็นเหมือนกัน เขาชอบเอามือปัด เรารู้ว่าอารมณ์ไหน
- หลังเข็มสอง คิดเลยไหมว่าต้องจีบ คนนี้แหละ ?
ไทด์ : ก็รู้สึกตลอด ลอง โทร. หาเขาดีกว่า โทร. คุยบ่อย ๆ ดูสิว่าฟีดแบ็กจะกลับมายังไง ทีนี้เริ่มคุยกันเยอะขึ้น เขาก็เริ่มจะสงสัยแล้ว แต่เราไม่กล้าบอก หนึ่งด้วยความแตกต่างของอายุ เราที่เล่นละครก็เป็นพ่อเขา มันกังวลตลอด ไม่พูดให้ใครฟังเลยว่าชอบเขา กลัวเขาจะโห ไอ้แก่ ไอ้เฒ่า เก็บไว้ในใจตลอด
- ทับทิมเอ๊ะไหม ?
ทับทิม : ช่วงแรกยัง แต่หลัง ๆ คุยถี่ขึ้น แล้วหาโอกาสนัดเจอกันบ่อยขึ้น ไปเจอไปทานข้าวด้วยกัน ทำกิจกรรมด้วยกัน ที่ชัดเลยครั้งหนึ่ง โทร. มาคุยเป็น ชม. เลย จากที่ไม่เคยคุยนานขนาดนี้ แค่ไลน์หากันนิดหน่อย คุยนิดหน่อย แต่นี่คุยยาวต่อเนื่องเป็น ชม. เลย เราก็เอ๊ะ ผิดปกติแล้วนะ ไม่เคยคุยยาวขนาดนี้ แล้วเล่าเรื่องราวแชร์กัน
- เริ่มหวั่นไหวหรือยัง ?
ทับทิม : ไม่ เรารู้สึกผิดปกติ แต่พี่เขาไม่พูดสักที เอ๊ะ หรือเราคิดไปเองหรือเปล่า รู้สึกไปเองหรือเปล่า มันอาจไม่มีอะไรก็ได้ ตอนนั้นเราคิดว่ามันผิดปกติ
- เรารู้สึกดีกับเขาไหม ?
ทับทิม : ก็รู้สึกดีตลอดตั้งแต่รู้จักมา เพราะเป็นพี่ชายที่น่ารักเสมอ ช่วงหลังที่เราสนิทกันมากขึ้น มันก็ไม่ได้รู้สึกว่าใจแอนตี้หรืออะไร
- พี่ไทด์รุกยังไงทำให้เขารู้ว่าจีบแล้วนะ?
ไทด์ : พี่ไม่กล้าบอก อยากบอกใจจะขาดแต่ไม่กล้า หนึ่งกลัวแม่ กลัวเขาจะต่อว่าเรา เราจะเสียความรู้สึก เราทำยังไงดี ก็ใช้ลูกเป็นสื่อ บอกลูกก่อนว่าถ้าพ่อจะชอบพี่ทับทิม ลูกก็ห้ะ โน่นนี่นั่น เขาก็คึกคัก แต่เขาบอกว่าพ่อถามเขาหรือยัง พ่อบอกเขาหรือยังว่าพ่อชอบเขา (หัวเราะ) เหมือนต่อว่าเราว่าเขารู้หรือยัง ก็บอกว่าลูกไปบอกได้ไหมล่ะ เขาก็ห้ะ จะให้พวกหนูไปบอกพี่เขาว่าพ่อชอบ เราก็บอกว่าใช่ ช่วยพ่อได้เปล่าล่ะ เขาบอกโอเค เดี๋ยวจะลองถามพี่ทับทิมให้

- ลูกจะยากที่สุดในการยอมรับใครสักคนเข้ามาเป็นแฟนพ่อ ?
ไทด์ : ตอนทำงานด้วยกัน จะพาลูกมาทานข้าวบ้านน้อง ก็สนิทกัน ร้องเพลงกัน เขาไม่ได้แอนตี้อะไร เขาก็ชอบ น้องทับทิมเขาเอนเตอร์เทนเก่งกับเด็ก ๆ อยู่แล้ว หลังจากนั้นเขาก็ โทร. มาบอก อธิบายสิ โทร. มาว่ายังไง (หัวเราะ)
ทับทิม : เขาคือนัดกินข้าว แล้วพาน้องมาด้วย บอกไปกินข้าวด้วยกันนะ พาน้อง ๆ มาด้วย เราก็นัดไปกับคุณพ่อคุณแม่ เสร็จจากร้านแรก ยังไม่กลัว ก็ชวนไปต่อร้านสอง เราก็โอเค ไปต่อร้านสอง ไปคาเฟ่ต่อ ร้านนี้น่าสนใจ ไปเที่ยวกัน เสร็จปุ๊บน้องก็แยกไปคุย เขาก็บอกว่าหนูมีอะไรจะบอกพี่นะ พ่อหนูชอบพี่มากเลยนะ พี่ว่ายังไงบ้าง หนูก็อ้าว เขาไม่เคยบอกหนูมาก่อน น้องบอกว่าเป็นเรื่องจริง พ่อบอกหนู หนูอยากให้พ่อมีความสุข เดี๋ยวหนูกำลังจะเข้ามหา’ลัยแล้ว กิจกรรมเขาจะเยอะกว่าช่วงมัธยม อาจไม่ได้ออกไปเที่ยวกับพ่อบ่อย ๆ หรือใช้วลากับพ่อเหมือนเดิม เขาอยากให้มีคนดูแลพ่อ หนูก็บอกว่าโอเค งั้นเดี๋ยวพี่ไปคุยกัน เพราะเขายังไม่เคยบอก ก็บอกไปแบบนี้
- ลูกไปบอกแล้ว กลับมายังไง ?
ไทด์ : ประชุมกันเลย ลูกสามคน พ่อหนึ่งคนเป็นสี่คน ก็ถามว่าลูกบอกแล้วพี่เขาเป็นยังไง ลูกบอกว่าเขาก็โอเคนะพ่อ รู้สึกจะชอบพ่อนะ (หัวเราะ) เขาไม่ได้ปฏิเสธอะไร แต่เขาบอกว่าให้พ่อไปบอกเขาเอง พ่อต้องกล้าบอก
- นานไหมกว่าจะบอก ?
ไทด์ : มาบอกเขาตอนวันเกิด
ทับทิม : จริง ๆ โทร. มาก่อน แต่เราอยากเจอกัน คุยกันตรง ๆ มากกว่า มากกว่าคุยกันทางโทรศัพท์
ไทด์ : ก็ตัดสินใจบอกเขาว่าเราชอบเขานะ จะเป็นไรไหม เรื่องอายุต่าง ๆ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะในวันเกิด
ทับทิม : เรารู้มาก่อนหน้านั้นแล้วแต่เรายังไม่ให้คำตอบอะไรเลย เพราะมันมีดีเทลรายละเอียดที่ต้องคุยกันอีก ขอให้มาเจอตัว แล้วมาคุยกัน ก็เป็นเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นค่ะ
ไทด์ : วันนั้นเราก็จับมือเขา บอกว่าพี่ชอบนะ ขอเป็นแฟน เขาก็ยิ้ม เราก็จุ๊บทีหนึ่ง
- ทับทิมรู้สึกยังไง ?
ทับทิม : เขาก็ดูชัดเจนดี จริง ๆ รู้สึกดีตั้งแต่แรกที่น้อง ๆ มาพูดกับเราก่อน แสดงว่าพี่เขาค่อนข้างชัดเจนกับเรา บอกลูกบอกครอบครัวให้รับทราบก่อน แล้วมาบอกเราตัวต่อตัว จริง ๆ ทับทิมแอบกังวล เป็นครั้งแรกที่คุยกันแบบนี้ เราจะพัฒนาต่อไปยังไง จะมีโอกาสไปต่อได้ไหม ด้วยช่วงอายุที่ต่างกัน แต่พอคุยกันเรารู้สึกลงตัว งั้นเราก็โอเคแหละ ก็คบกัน ศึกษากันต่อไป แต่สิ่งหนึ่งที่บอกคืออยากให้พี่เขาบอกคุณพ่อคุณแม่ด้วย ไม่ใช่ว่าหนูตัดสินใจปุ๊บแล้วพ่อแม่จะไม่รับทราบ
- ขอวันแรก จุ๊บเหม่งเลย ?
ไทด์ : ใช่ แล้วสิ่งที่ตื่นเต้นคือต้องเรียกคุณพ่อคุณแม่ลงมาข้างล่าง นั่งกันต่อหน้า ให้ทับทิมขึ้นข้างบน อยากบอกคุณแม่คุณพ่อเป็นเรื่องเป็นราว ว่าต่อไปจะขอคบน้องนะ จะขอดูแล คุณแม่ก็บอกว่าไม่เป็นไร เขาเห็นเรามาตั้งนานแล้ว คุณพ่อบอกว่าแม่ว่าไงพ่อก็ว่างั้น (หัวเราะ)
- อายุเท่ากับคุณแม่ เรียกคุณแม่ว่าอะไร ?
ไทด์ : เมื่อก่อนเรียกคุณแม่มาตลอด เรียกตามน้อง แต่ตอนนี้คุณแม่บอกว่าอย่าเรียกคุณแม่นะ ในมูลนิธิถ้าเกิดใครเรียกคุณแม่ ปรับคนละ 20 บาท ให้เรียกพี่เปิ้ล (หัวเราะ)

- ทำไมไม่ให้เรียกคุณแม่ ?
แม่เปิ้ล : จริง ๆ ไม่ได้มีอะไรค่ะ แค่สนุก ๆ แค่นั้นเอง จริง ๆ ไม่อยากแก่ (หัวเราะ)
- วันที่พี่ไทด์ขอเป็นแฟนกับทับทิม วันนั้นแม่รู้สึกยังไง ?
แม่เปิ้ล : เฉย ๆ ค่ะ อยู่ในสายตาตลอด พอมองออกเหมือนกัน ก็บอกว่าดู ๆ กันไปก่อน สำหรับแม่คิดว่าไม่ได้ติดขัดอะไร น้องก็ด้วยวัยวุฒิของน้อง ก็แล้วแต่น้องค่ะ
ไทด์ : ดู ๆ ไปก่อนหรือลุย ๆ ไปก่อนครับ (หัวเราะ)
แม่เปิ้ล : ทั้งดูทั้งลุยค่ะ
- ทำไมแม่ถึงอนุญาตให้คบ ?
แม่เปิ้ล : แม่ถามความสมัครใจของน้อง แม่ไม่ได้ว่าอะไร ถ้าน้องไม่มีปัญหาแม่ก็ไม่ว่าอะไร ตามนั้นเลยค่ะ แล้วแต่น้องค่ะ อีกอย่างมองทางพี่ไทด์ ทั้งที่เราเคยรู้จักกันมานานแล้ว เคยเห็นนิสัย เขาเป็นคนดีคนหนึ่ง ก็ไม่อยากให้เสียความรู้สึกที่ดีต่อกัน ก็เลยแล้วแต่น้องค่ะ
- มีสรรพนามเรียกกันว่าอะไร ?
ไทด์ : ตอนแรกเรียกหนู
ทับทิม : หนูก็แทนตัวเองว่าหนู เรียกเขาว่าพี่ไทด์ สักพักพี่เขาบอกว่าเปลี่ยนได้ไหม ไม่อยากให้แทนตัวเองว่าหนูแล้ว มันไม่ใช่ อยากให้เรียกน้อง
ไทด์ : หนูมันออกเหมือนพ่อกับลูก มีหลายคนมากเดินผ่านเขา บอกว่าอุ๊ยลูกสาวสวยจัง (หัวเราะ)
- อายุห่างกัน 28 ปี มีปัญหาช่องว่างระหว่างวัยไหม ?
ไทด์ : ไม่มีนะ พอได้คบกัน ได้ศึกษาดูใจกัน ยิ่งสนิทกันมากขึ้น เรื่องวัยไม่น่ามีปัญหา ไม่มี
- ทับทิมเป็นผู้ใหญ่ขึ้น พี่ไทด์เด็กลง ผู้ปกครองคือทับทิม ?
ไทด์ : (หัวเราะ)
ทับทิม : เป็นบางเรื่องมากกว่าค่ะ แต่ความเป็นผู้นำ ความเป็นผู้ใหญ่ ก็พี่ไทด์นี่แหละ เขาปกป้องเราได้ เขาดูแลเราได้ ดูแลครอบครัวเราได้ นี่คือสิ่งหนึ่งที่เราประทับใจ แต่ถ้าเกิดว่าพูดถึงการใช้ชีวิตทั่ว ๆ ไป ก็ต้องหาจุดที่มันบาลานซ์กัน แล้วด้วยความที่เรารู้จักกันมานานมาก ทำให้เราไม่ต้องปรับตัวกันเยอะสักเท่าไหร่ เรารู้จักกันดีอยู่แล้ว
- แพลนแต่งงานกันเร็ว ๆ นี้ไหม ?
ไทด์ : ก็ปรึกษากันอยู่ ก็อยากจะบอกน้องเขาก่อนเรื่องการสร้างหลักปักฐานให้มั่นคง การทำงาน หาสิ่งที่ควรจะมีสำหรับเราสองคน ก็ต้องใช้เวลานิดหนึ่ง แล้วก็เรื่องลูก ๆ อีกเหมือนกัน ก็คุยกัน แต่อนาคตต้องแต่งให้น้องเขาอยู่แล้ว
- ปักหมุดหรือยัง ปีไหน ?
ไทด์ : ตอนแรกที่คุยกันเอาไว้ อยากให้น้อง ๆ เขาจบมหาวิทยาลัยก่อน แล้วเราค่อยมาแพลนถึงเรื่องแต่งงาน สร้างความมั่นคงให้กับครอบครัว


